บทที่ 137 ใช้ไม้แข็งสั่งสอน + บทที่ 138 หมั้นกันเถอะ Ink Stone_Romance
บทที่ 137 ใช้ไม้แข็งสั่งสอน
เฉียวเทียนช่างยืนอยู่ในสวนแล้วนึกย้อนถึงตอนที่หนิงเมิ่งเหยาอยู่ในน้ำ สีหน้าเขายิ่งเกรี้ยวกราดขึ้นทุกวินาทีเหมือนจวนเจียนจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
เมื่อชิงซวงกลับมาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ นางเห็นสีหน้าเขาแล้วรีบส่งเสื้อผ้าให้ก่อนจะกุลีกุจอปลีกตัวไป
‘ชายหนุ่มตอนนี้น่ากลัวยิ่งนัก เวลานี้ควรจะอยู่ห่างๆ เขาไว้ดีกว่า’
เฉียวเทียนช่างเข้าไปในห้องถัดไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ฝากชิงซวงบอกหนิงเมิ่งเหยาว่าตนจะไปข้างนอกสักพัก
เขาหาตัวหยางชุ่ยเจอได้ไม่ยาก
หยางชุ่ยโดนหยางชู่และภรรยาส่งตัวกลับบ้านแล้ว สีหน้าพวกเขาก็ไม่พอใจในเรื่องนี้เช่นกัน
“ท่านพี่ ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ พวกท่านต้อง…ต้องเชื่อข้านะ” หยางชุ่ยพยายามแก้ต่างให้ตัวเองอย่างเต็มที่ แต่ไม่มีใครอยากจะเชื่อนางสักคนเดียว
หน้าผากหยางชู่ย่นเป็นริ้วขณะที่เขาจับจ้องนาง “เจ้ายังกล้าพูดเช่นนั้นอีกหรือ เจ้าคิดว่าพวกเราโง่มากรึ ถ้าไม่ใช่ฝีมือเจ้า แล้วเจ้าจะเดินเข้าไปหาพวกเขาทำไม อีกอย่าง พอเจ้าไปถึงตรงนั้น นางก็ตกลงไปในทะเลสาบ หยางชุ่ย เจ้าลืมแล้วหรือว่าท่านพี่ของเจ้ากับข้าบอกเจ้าไว้ว่าอย่างไร”
หน้าหยางชุ่ยซีดเผือด นางเม้มปาก ก้มศีรษะลงไม่พูดไม่จา
“น้องหญิง ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบหนิงเมิ่งเหยา แต่ตระกูลนางในตอนนี้ไม่ใช่ตระกูลที่เราจะไปทำให้โกรธได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนางเพราะเจ้าขึ้นมา พวกเขาจะมาจัดการกับพี่ชายของเจ้า ท่านพี่ใหญ่ของเจ้าเป็นแค่เจ้าของร้านเล็กๆ เจ้าคิดว่าเขาจะรับมือได้หรือ” ฮูหยินซุนมีสีหน้าขุ่นหมอง
ความเป็นไปของตระกูล ณ ตอนนี้จัดว่าดีตั้งแต่คู่สามีภรรยาทำงานในร้านด้วยกัน เพราะเช่นนี้พี่คนรองของนางถึงเรียนต่อไปได้ ถ้าร้านต้องปิดตัวเพราะหยางชุ่ย ความเป็นอยู่ของตระกูลคงเกิดปัญหาแน่นอน
“ท่านพี่ ท่านพี่สะใภ้ ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดขอท่านอย่าโกรธข้าเลย”
“ทีเวลานี้เจ้ารู้ตัวแล้วรึว่าเจ้าผิด เจ้าคิดว่าความเป็นอยู่ของตระกูลดีเกินไปหรืออย่างไร ถึงต้องคอยหาเรื่องบ่อนทำลายอยู่เรื่อย” หยางชู่ขู่คำราม
เมื่อเฉียวเทียนช่างเดินมาถึงแล้วเห็นภาพตรงหน้า เขาแสยะยิ้ม ดวงตาฉายแววล้อเลียนชัดเจน
“หยางชู่ ถ้าท่านควบคุมน้องสาวท่านไม่ได้ เช่นนั้นก็ให้ข้าช่วยเถอะ”
ประโยคที่เฉียวเทียนช่างโพล่งขึ้นทำให้ทั้งสามตกอกตกใจ หยางชุ่ยมองมายังเฉียวเทียนช่างที่โผล่มาโดยไม่ได้รับเชิญ พลันเกิดความรู้สึกย้อนแย้งในตัว ขณะที่หยางชู่รู้สึกกังวล
“ท่านพี่เฉียว ท่านมาช่วยข้าใช่หรือไม่” หยางชุ่ยเข้ามายืนข้างๆ เฉียวเทียนช่างแล้วทำหน้าทะเล้นถาม
เฉียวเทียนช่างแตะแก้มนาง “ช่วยเจ้ารึ เจ้าหมายถึงมาช่วยเจ้าฆ่าตัวเจ้าเองน่ะรึ ข้าก็ไม่ขัดอะไรถ้าต้องดูเจ้าตายหรอกนะ”
หยางชุ่ยอึ้งไปเมื่อมีมือเข้าคว้าคอนาง “พี่ใหญ่เฉียว ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ…ได้โปรด…ปล่อยข้าเถิด”
เฉียวเทียนช่างมองหยางชุ่ยด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้านางยิ่งแดงขึ้นขณะที่นางขัดขืน “หยางชุ่ย เจ้าตามราวีเราครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้ข้าจะสอนบทเรียนเจ้าเสียบ้าง”
คนอีกสองคนได้แต่ยืนแข็งทื่ออยู่ด้านข้าง ต่างหวาดกลัวกับการกระทำของเฉียวเทียนช่างเป็นอย่างยิ่ง
“เฉียวเทียนช่าง ท่านกำลังทำผิดกฎหมายนะ”
“ทำผิดกฎหมายรึ ถ้าเช่นนั้น เจ้าคิดว่าจงใจสังหารผู้อื่นผิดกฎหมายหรือเปล่า” เฉียวเทียนช่างเหน็บแนม สายตามองหยางชู่กับภรรยาอย่างประชดประชัน
ทั้งสองเลิ่กลั่กมองกันเอง “เหตุการณ์วันนี้เป็นความผิดของเราจริง พวกเราผิดไปแล้ว ขออภัยท่านด้วย ในวันหน้าเราจะควบคุมตัวนางไว้”
เฉียวเทียนช่างคลายมือออกแล้วหันมองคู่สามีภรรยา ดวงตาเขาเย็นยะเยือกราวกับกำลังยืนยันว่าสองสามีภรรยาพูดจริงหรือไม่
คู่สามีภรรยาตัวแข็งทื่อ หวาดกลัวว่าเขาจะไม่เห็นด้วย
“ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าก็จะปล่อยนางไปก่อน แต่ถ้านางมาสร้างปัญหาให้ข้ากับเหยาเหยาอีก ตระกูลของเจ้าต้องชดใช้ ไม่ใช่แค่หยางชุ่ยเพียงคนเดียว” เฉียวเทียนช่างเตือน
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากฆ่าหยางชุ่ย แต่ยังไม่ใช่หนนี้ ดังนั้นเท่านี้ก็ดีพอแล้ว แต่เพียงเพราะได้รับละเว้นจากโทษประหาร มิได้หมายความว่าความผิดนั้นจะได้รับการยกเว้นไปด้วย
เฉียวเทียนช่างยิ้มเยาะ “มือนี้ใช่ไหมที่ทำให้เหยาเหยาต้องอับอาย” เฉียวเทียนช่างคว้ามือซ้ายหยางชุ่ยขึ้นมาแล้วบิดเต็มแรง
หยางชุ่ยกรีดร้อง ใบหน้านางซีดขาวราวกระดาษ เจ็บปวดรวดร้าวอย่างเห็นได้ชัด “ถือว่านี่เป็นบทเรียนของเจ้าเสีย หยางชุ่ย เจ้าควรระวังกว่านี้ หรือไม่แล้ว ครั้งหน้าเจ้าจะลงเอยเช่นนี้” เฉียวเทียนช่างกระทืบเท้าลงบนม้านั่ง เหยียบให้แตกเป็นสองเสี่ยง คู่สามีภรรยาได้แต่มองอย่างหวาดกลัว
บทที่ 138 หมั้นกันเถอะ
ตอนเฉียวเทียนช่างกลับมา หนิงเมิ่งเหยาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว นางกำลังนั่งจิบขิงต้มอยู่ในสวน ป้องกันไม่ให้เป็นหวัด
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นไร ท่านไปไหนมาเล่า” หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่าง
เฉียวเทียนช่างนั่งลงข้างหนิงเมิ่งเหยา แล้วเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ข้าไปสั่งสอนคนบางคนมา”
“เจ้าทำอะไรไป” หนิงเมิ่งเหยากะพริบตาปริบๆ นึกสงสัย ขิงต้มกลิ่นฉุนเริ่มดื่มง่ายขึ้น
เฉียวเทียนช่างมองนางแล้วถอนหายใจโล่งอก “ไม่ได้ทำอะไร นอกจากหักข้อมือนาง”
หนิงเมิ่งเหยากะพริบตาปริบๆ ทำไมนางถึงรู้สึกชื่นชมสิ่งที่เขาทำเพื่อนางเสมอเลย
เดิมนางเพียงอยากมีช่วงเวลาสนุกสนาน ไม่ทันคาดคิดว่าจะมีเหตุให้ต้องอับอายเกิดขึ้น ชิงจู๋กับคนอื่นต่างนึกเสียใจที่เสนอให้ไปชมงานแข่งขัน
“กลับกันเถอะ”
“เอาสิ”
เมื่อทุกคนกลับไป ท่านยายฉินและคนอื่นต่างสงสัย พวกนางคิดว่าคนจะกลับมากันตอนค่ำ เหตุใดจึงมาถึงกันเร็วนัก
ชิงซวงเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ท่านยายฉินฟัง ทำให้สีหน้านางบิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างยิ่ง “นางหยางชุ่ยคนนั้น ทำไมนางจึงชอบรังควานเรานัก”
“ท่านยาย อย่าโกรธไปเลย เทียนช่างช่วยข้าสอนบทเรียนนางแล้ว” หนิงเมิ่งเหยาเห็นท่านยายฉินทำสีหน้าเจ็บปวดจึงบอกออกไป
“นับว่าเขาทำได้ดี ถ้าเช่นนั้น ทุกคนก็ไปพักเสีย” ท่านยายฉินพอใจขึ้น หนิงเมิ่งเหยามีชายหนุ่มคนนี้อยู่ด้วยแล้วดีกว่าจริงๆ
หนิงเมิ่งเหยาไม่อยากพูดอะไรกับท่านยายฉินอีก นางเพียงมองสีหน้าเศร้าซึมอย่างอับจนวาจา
เฉียวเทียนช่างขึ้นไปข้างบนกับหนิงเมิ่งเหยา และตามนางไปยังห้องอ่านหนังสือ ตอนที่นางกำลังจะหันมาหา เขาเข้าไปสวมกอดหญิงสาวจากข้างหลัง
“เหยาเหยา…”
เขาเพิ่งเคยทำเช่นนี้เป็นครั้งแรก นางมองเขาด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเป็นอะไรของเจ้ากัน”
“หมั้นกันเถอะ” เฉียวเทียนช่างครุ่นคิดอยู่นาน แล้วมองหนิงเมิ่งเหยาก่อนจะพูดอย่างจริงจัง
นางเหม่อมองเขา หลังจากเงียบไปพักหนึ่งก็ถาม “ทำไมกัน”
“ข้าก็เพียงอยากทำเช่นนั้น” เฉียวเทียนช่างรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย
หนิงเมิ่งเหยาพินิจมองเข้าไปในดวงตาเขาอย่างจริงจัง นางเห็นภาพตัวเองสะท้อนอยู่ในนั้นราวกับเขาเห็นเพียงนางผู้เดียวเท่านั้น
“ข้าไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ข้าเพียงอยากจะอยู่กับเจ้าตลอดไป”
เฉียวเทียนช่างคลี่ยิ้มเล็กๆ “ข้าก็ต้องการเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่มีปัญหาอะไร” หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะด้วยความพึงพอใจ
เฉียวเทียนช่างสุขใจยิ่งกับคำตอบของนาง เขาใช้สองมือจับนางให้หันมาแล้วจูบหญิงสาว
เมื่อผละจูบออก เฉียวเทียนช่างหอบหายใจเล็กน้อย รอยยิ้มส่งไปถึงดวงตา เขามองหนิงเมิ่งเหยาผู้ซึ่งแก้มแดงแจ๋ และดวงตาพร่า
“ข้าจะไปขอให้หัวหน้าหมู่บ้านช่วย”
“ตกลง” หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะอย่างว่าง่าย
เมื่อเห็นท่าท่างเรียบร้อยของนาง เฉียวเทียนช่างก็เกิดความคิดชั่วร้าย ถ้าเขาทำอะไรขึ้นมาจริง นางจะว่ากล่าวเขาบ้างหรือไม่
ทว่าก็เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น พอหนิงเมิ่งเหยาตั้งสติกลับมาสู่ความเป็นจริง นางนึกอาย ใบหน้าซีด สุดท้ายก็กลายเป็นนึกโกรธแล้วคว้าเอวชายหนุ่มไว้มั่น
แต่แรงนางทำได้เพียงทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้เท่านั้น นางแยกเขี้ยวโกรธขึ้ง
“เจ้า เจ้า…เจ้าทำให้ข้าโกรธแล้วนะ”
“ก็ได้ ก็ได้ อย่าโกรธไปเลย แล้วข้าจะให้เจ้าจูบข้าคืน” เฉียวเทียนช่างเข้าไปหาหนิงเมิ่งเหยาอย่างสุขใจ แต่กลับโดนนางไล่แทน
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านมาหาในตอนกลางคืน เฉียวเทียนช่างบอกหยางจู้และภรรยาเรื่องการหมั้นหมาย พวกเขาก็เห็นด้วยกันกับเขา
สองคนนี้เป็นเด็กดีและใจดีกับผู้อื่นยิ่งนัก จะลงเอยกันย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก
“ข้าจะดูแลเรื่องพิธีให้เจ้าเอง” หยางจู้รับปาก
หยางเล่อเล่ออ้าปากค้างกับข่าวนี้ นางจ้องหนิงเมิ่งเหยาแล้วกระซิบตะกุกตะกัก “เจ้าจะแต่งงานจริงๆ รึ”
“นี่แค่หมั้นหมายเท่านั้นเอง”
“แต่หลังจากหมั้น อีกไม่นานเจ้าก็จะแต่งงานกับเขา” หยางเล่อเล่อถามอย่างสับสนดั่งว่าไม่เข้าใจทำไมนางจึงพูดเช่นนั้น