แคลร์พูดไม่ออกไปครู่หนึ่งแล้วจ้องดวงตาที่เป็นประกายของจินเหยียนอย่างตกตะลึง

 

 

“คุณหนู ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกในครั้งต่อไป หากข้าช่วยท่านไม่ได้ ก็โปรดบอกข้าด้วยได้หรือไม่? ” จินเหยียนมองแคลร์และพูดขอร้อง

 

 

“ได้…” แคลร์มองตาของจินเหยียน อดไม่ได้ที่จะพูดกับเขาดีๆ

 

 

“เช่นนั้นคุณหนูกินก่อนเถอะครับ กินแล้วก็พักผ่อน” จินเหยียนมีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเขาหลังจากได้รับคำตอบของแคลร์ หลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นเปิดประตูและเดินออกไป

 

 

“ท่านแม่ ชายผู้นี้มีความคิดคำนึงถึงท่านมากๆ แต่ข้าไม่ชอบคนนี้ เขาน่าเบื่อเกินไป มีอะไรก็ไม่แสดงออกมา” ทันใดนั้นเสียงของดอกบัวสีทองก็ดังขึ้น เขาพูดอย่างมีความสุข “วัลโดอะไรนั่น ในที่สุดก็มีร่างเสียที ต่อไปท่านแม่ก็จะเป็นของข้าคนเดียวแล้ว”

 

 

แคลร์นิ่ง “…”

 

 

“ดอกบัวสีทอง เจ้าอย่าเพิ่งนอนนะ ข้าจะฝึกให้บรรลุขั้นต่อไป เจ้าต้องช่วยข้าฝ่าสายฟ้าฟาดด้วย” แคลร์มองอาหารบนโต๊ะและกินอย่างสบายๆ แ

 

 

“ตกลง ตอนนี้เลยหรือ? ” ดอกบัวสีทองเห็นด้วย

 

 

“ที่นี่ไม่ได้ เราออกไปนอกเมืองแล้วกัน” แคลร์รู้ว่าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้โดยเร็ว ตอนนี้หลิวเฉว่ฉิงยังสามารถสัมผัสนางที่ซ่อนตัวตนอยู่ได้

 

 

“ได้สิ” ดอกบัวสีทองกระตือรือร้น

 

 

แคลร์ยื่นมือออกไปหาไป๋ตี้ที่พิงอยู่ที่หมอน ไป๋ตี้ร้องออกมาสองครั้งก่อนจะขึ้นไปบนมือของแคลร์ จากนั้นก็ปีนขึ้นไปที่ไหล่แล้วก็ทิ้งตัวลงบนหัวของแคลร์

 

 

แคลร์กำลังจะออกไป แต่จำคำสัญญาที่ให้ไว้กับจินเหยียนเมื่อครู่นี้ได้ จึงหันไปเคาะประตูห้องจินเหยียน

 

 

ประตูเปิดออกอย่างเร็ว จินเหยียนมองแคลร์ที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าประตูแล้วถาม “คุณหนู มีอะไรหรือครับ? “

 

 

“ข้าจะออกไปข้างนอก มีธุระจะต้องไปนอกเมือง ไม่ได้มีอะไรใหญ่โต เจ้าไม่จำเป็นต้องตามไป ข้าจะกลับมาก่อนเที่ยง” แคลร์พูดอย่างเรียบง่าย

 

 

จินเหยียนมองแคลร์แล้วถาม “คุณหนูไปทำไมครับ? จะไม่มีอันตรายหรือ? “

 

 

“ไม่อันตราย ข้าไปแล้วเดี๋ยวก็กลับมา เจ้าไม่จำเป็นต้องตามไป เจ้าอยู่ดูซัมเมอร์กับเบนให้ดีๆ อย่าให้พวกเขาสร้างความเดือดร้อน ไปนอกเมืองจะมีอันตรายอะไรเกิดขึ้นได้ล่ะ? ” แคลร์พูด

 

 

“แต่ว่า…” จินเหยียนลังเล

 

 

“ถ้ามีอันตรายข้าก็จะพาเจ้าไปด้วย” คำพูดนี้ของแคลร์หยุดจินเหยียน “ข้าจะรีบไปรีบกลับ”

 

 

ก่อนที่จินเหยียนจะได้ตอบ แคลร์ก็พาไป๋ตี้ไปที่สนามหลังบ้านแล้วขี่เสือดาวลมออกไปทางประตูหลังแล้ว จินเหยียนมองแผ่นหลังของแคลร์อย่างเงียบๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อน

 

 

โดยปกติแล้วหากสาวสวยผมบลอนด์ที่มีตาสีเขียวเดินทางไปบนถนนโดยการขี่สัตว์เวทย์ระดับเจ็ดก็จะเป็นที่สนใจอยู่แล้วว เพียงแต่ตอนนี้ยังคงเป็นเวลาเช้า ไม่มีผู้คนบนถนนจึงไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้น

 

 

รถม้าคันหนึ่งขับไปตามถนนอย่างช้าๆ แคลร์ขี่เสือดาวลมผ่านไป ม้าก็กรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและล้มลงทันที คนขับรถม้าใช้ความพยายามอย่างมากในการสงบสติอารมณ์ คนที่อยู่ในรถม้ายื่นหัวออกมาด้วยความโกรธจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลับเห็นร่างที่คุ้นเคยกำลังมุ่งหน้าออกไปนอกเมือง

 

 

นั่นคือแคลร์ ฮิล! ดวงตาของคนในรถก็เบิกกว้างขึ้น โลกมันกลมจริงๆ คนในรถม้าไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอลิซ โรม คนที่เคยต่อสู้กับแคลร์ แต่ล้มเหลวจนสูญเสียหนึ่งในมรดกสืบทอดของตระกูลโรมไป

 

 

อลิซขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด ขณะที่มองแคลร์ที่อยู่ห่างไกลออกไป ยัยตัวแสบนี้จะไปไหนแต่เช้ากันนะ?

 

 

“อลิซ มีอะไรหรือ?” เสียงเย็นชาดังขึ้นข้างหูของอลิซ

 

 

“พี่ ข้าเพิ่งเจอศัตรูของข้าไปทางนอกเมืองนั่น” อลิซพูดด้วยเสียงเย็นเยือก

 

 

“โอ้ มันคือคนที่ทำให้เจ้าสูญเสียดาบเวทย์ไปใช่หรือไม่? ” มีความสนใจในน้ำเสียงที่ไม่แยแสนั้น

 

 

“ใช่” อลิซพูดอย่างไม่พอใจ

 

 

“ไปเถอะ ข้าจะไประบายความโกรธแทนเจ้าเอง” เสียงที่ไม่แยแสเอ่ยประโยคนี้ขึ้น

 

 

“จริงหรือ? ” อลิซถามอย่างมีความสุข ถ้าลูกพี่ลูกน้องของนางเป็นคนที่ลงมือเอง เช่นนั้นก็จะไม่แพ้แน่นอน ลูกพี่ลูกน้องของนางเป็นถึงจอมเวทย์! ครั้งนี้เขามาจากลากัคเพื่อมาเยี่ยมญาติที่นี่ ดูเหมือนว่าเขามีเรื่องจะปรึกษากับท่านปู่ หากมีลูกพี่ลูกน้องที่ทรงพลังลงมือ นางก็สามารถสั่งสอนผู้หญิงเลวคนนั้นได้

 

 

“จริงสิ กล้ากลั่นแกล้งอลิซ ข้าจะทำให้นางต้องชดใช้” มีความรังเกียจในน้ำเสียงที่ไม่แยแสนั้น

 

 

“แต่ว่า คนๆ นั้นมาจากตระกูลฮิลล์ หากสั่งสอนนางตอนนี้ จะทำให้ท่านปู่มีปัญหาหรือไม่?” อลิซกัดริมฝีปากและพูดอย่างลังเล

 

 

“คนตายพูดไม่ได้หรอก” ความร้ายกาจและความมั่นใจในตัวเองแสดงออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแสนั้น

 

 

“พี่ จะดีหรือ? ” ใบหน้าของอลิซแสดงความประหลาดใจเล็กน้อย

 

 

“มีอะไรไม่ดีล่ะ ไป ไปบอกคนขับรถม้าให้หันกลับแล้วตามนางไป” น้ำเสียงเฉยเมยเอ่ยอย่างไม่แยแส

 

 

“ค่ะ” อลิซบอกให้คนขับรถม้าหันกลับและตามแคลร์ไป มีรอยยิ้มแอบซ่อนอยู่ในดวงตาของอลิซ นางรู้นิสัยของลูกพี่ลูกน้องของนางว่าเขาจะต้องตัดสินใจทำเช่นนี้อย่างแน่นอน

 

 

อลิซมองออกไปนอกประตูเมืองด้วยความเยาะเย้ยในใจ เจ้าคนเลว ครั้งนี้จะไม่ปล่อยให้เจ้าตายอย่างธรรมดาแน่ๆ

 

 

รถม้าหันกลับและควบออกนอกเมืองไป

 

 

เวลานี้แคลร์ชะลอตัวลงเพื่อมองหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสายฟ้าฟาด ในตอนนี้นางไม่รู้เลยว่ามีอันตรายกำลังใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ

 

 

แคลร์ออกไปนอกเมืองและไปยังที่เปลี่ยว นางไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นฉากที่น่าตกใจเมื่อสายฟ้าฟาดนั้นมาถึง

 

 

ป่าในยามเช้าเงียบสงบ มีน้ำค้างเล็กน้อยเกาะบนใบไม้

 

 

“เสี่ยวเปียว ไปรอข้าอยู่ตรงนั้น” แคลร์ลูบหัวของเสือดาวลมและชี้ไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นแคลร์ก็เอาไป๋ตี้ออกจากหัวของนางและวางไว้บนหัวของเสือดาวลม “ไป๋ตี้ เจ้าก็ไปกับเสี่ยวเปียวด้วยนะ”

 

 

เสือดาวลมพาไป๋ตี้เดินไปรออย่างเชื่อฟังบนหินก้อนใหญ่นั้น

 

 

แคลร์หาที่แห้งๆ ลงไปนั่งตั้งสมาธิ และสัมผัสกับบรรยากาศรอบๆ สภาพแวดล้อมสงบเรียบร้อยไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ แคลร์สร้างเขตกั้นและจากนั้นก็พร้อมที่จะเริ่มฝึกพลังกระจกดอกบัวขั้นที่สามแล้ว

 

 

ร่างกายของแคลร์ค่อยๆ เปล่งแสงสีทองจางๆ และสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดเป็นดินแดนเหนือธรรมชาติและลึกลับ ทุกสิ่งรอบตัวชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

ทันใดนั้นก็มีการระเบิดของอากาศดังขึ้นมา แคลร์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดังที่ดอกบัวสีทองได้บอกไว้ว่าขั้นก่อนหน้านี้เป็นการผสมกันของพลังเวทย์และพลังยุทธ์จึงทำให้ง่ายต่อการบรรลุ นางจำได้ว่าดอกบัวสีทองบอกว่า ถ้านางไม่ได้ให้กำเนิดเขาขึ้นมา นางก็จะสามารถได้ไปถึงแค่ระดับที่สิบของกระจกดอกบัวซึ่งเทียบเท่ากับพลังของจอมเวทย์ชั้นเซียนเท่านั้น ตามที่ดอกบัวสีทองบอก นางจะสามารถเข้าถึงระดับที่เจ็ดซึ่งเป็นระดับจอมเวทย์ อันเป็นระดับเวทมนตร์ปัจจุบันของนางได้อย่างรวดเร็ว ขั้นที่สองของกระจกดอกบัวคือการปล่อยให้สมาธิขยายออกไปเพื่อสัมผัสสิ่งรอบข้าง แล้วผลที่น่าอัศจรรย์หลังจากบรรลุขั้นที่สามจะเป็นอย่างไรนะ?

 

 

ในเวลานี้ท้องฟ้าด้านบนหัวก็ค่อยๆ มืดลงและเมฆดำก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว

 

 

สายฟ้าฟาดกำลังจะมาเยือนแล้ว

 

 

แต่แคลร์ไม่ได้รีบร้อน ยังไงซะดอกบัวสีทองก็ปกป้องตนเองอยู่

 

 

เสือดาวลมที่อยู่ด้านข้างวางอุ้งเท้าหน้าของมันอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย แม้ว่ามันจะมีประสบการณ์เช่นนี้มาแล้ว แต่สิ่งที่เห็นบนท้องฟ้าก็น่ากลัวจริงๆ

 

 

เมฆดำจำนวนมากรวมตัวกัน ในพริบตาก็รวมตัวกันอยู่เหนือหัวของแคลร์ สายฟ้าส่งเสียงคำรามในเมฆดำที่น่าตกใจนั้น

 

 

อลิซและลูกพี่ลูกน้องของนางต่างมองไปที่ภาพบนท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจ สายฟ้าหรือ? เหตุใดจึงมีเมฆดำส่งเสียงคำรามรวมตัวกันอยู่ที่นั่นล่ะ?

 

 

“ท่านแม่ หลับไปได้เลย เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ดอกบัวสีทองพูด

 

 

“เสียงดังเช่นนี้ใครจะไปนอนได้ล่ะ?” แคลร์พูดขณะมองเมฆดำบนท้องฟ้า ความรู้สึกคุ้นเคยของไฟแผดเผากลับมาที่หลังของนางอีกครั้ง แคลร์รู้สึกได้ว่ากลีบดอกบัวอื่นๆ กำลังจะเบ่งบาน

 

 

“ข้าไม่ได้พูดอะไรเกินจริงเลยนะ ความหมายของข้าก็คืออยากให้ท่านแม่ผ่อนผลาย ผ่อนคลายได้เลย” ดอกบัวสีทองยังคงพูดอยู่

 

 

“บรรลุขั้นที่สามแล้ว ทำไมข้าไม่รู้สึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นเลยล่ะ? ” แคลร์ยื่นมือออกไป มองที่ฝ่ามือ นางไม่รู้สึกผิดปกติอะไรเลย

 

 

“ท่านแม่ เดี๋ยวท่านทำสมาธิสักพักก็จะรู้” ดอกบัวสีทองพูดอย่างมีเลศนัย

 

 

“หือ? ” แคลร์สงสัย

 

 

“ท่านลองคิดดูสิ ข้าเก่งมากขนาดนี้ ทักษะเวทย์มนตร์ของท่านแม่จะแย่ได้งั้นหรือ? ” ดอกบัวสีทองพูด “รอสักครู่ ข้าจะกินสายฟ้านี่ก่อน”

 

 

แคลร์รออย่างเบื่อหน่ายให้สายฟ้าบนท้องฟ้าตกลงมาในขณะที่นางถูกห่อหุ้มด้วยดอกบัวสีทองขนาดใหญ่

 

 

เสียงคำรามของสายฟ้าดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ความกดดันที่เงียบงันก็ทำให้ตกใจ

 

 

“พี่ นั่น นั่นคืออะไร?” เสียงของอลิซสั่นเล็กน้อย

 

 

“ข้าก็ไม่รู้” มีความสงสัยในน้ำเสียงเฉยเมยนั้น “แต่คนที่เราตามหาก็ไปที่นั่น ตามไปสิ”

 

 

“พี่ เรื่องที่จะให้นางชดใช้ วันนี้ลืมมันไปเถอะนะ” อลิซมองภาพที่ผิดปกติบนท้องฟ้าแล้วพูดอย่างเป็นห่วง

 

 

“สิ่งที่ข้าตัดสินใจแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไปเถอะ! ” น้ำเสียงที่ไม่แยแสแสดงความรำคาญ

 

 

อลิซมองลูกพี่ลูกน้องของนางแล้วก็รู้สึกกังวลในใจ หลังจากลังเลอยู่นาน นางก็ตามไป

 

 

ในเวลาเดียวกัน หลิวเฉว่ฉิงที่อยู่ที่ประตูเมืองก็ขมวดคิ้วและมองสิ่งแปลกๆ นอกเมืองด้วยความสับสน

 

 

“พี่ฉิง นั่นคืออะไรคะ? ทำไมพี่ชายยังไม่มาล่ะคะ? ” เหลิ่งซวนซวนถามพลางดึงชายเสื้อของหลิวเฉว่ฉิงเบาๆ

 

 

ทั้งสองคนมาที่ประตูในตอนเช้าเพื่อรอรับเหลิ่งหลิงยวิ๋นที่กำลังจะกลับมา เหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่พบอะไรที่นั่นจึงเดินทางกลับมา แต่เพราะเครื่องเทเลพอร์ตสำหรับเคลื่อนย้ายมีราคาแพง วิหารแห่งแสงจะไม่เปิดใช้หากไม่มีเหตุฉุกเฉิน เมื่อไม่มีอะไรเหลิ่งหลิงยวิ๋นจึงต้องเดินทางกลับมาโดยรถม้า

 

 

“น่าจะมาถึงที่นี่เร็วๆ นี้แหละ ซวนซวนอย่าเพิ่งรีบร้อนไปเลยนะ” หลิวเฉว่ฉิงปลอบโยน แต่ก็ยังคงมองไปที่ภาพบนท้องฟ้า นั่นมันเกิดอะไรขึ้น?

 

 

รถม้ากำลังเข้าใกล้เมืองหลวง คนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็คือเหลิ่งหลิงยวิ๋น เขาสังเกตเห็นภาพบนท้องฟ้าแล้วรู้สึกงุนงง

 

 

ในเวลานี้ อลิซและลูกพี่ลูกน้องของนางกำลังเข้าใกล้แคลร์ที่กำลังเตรียมรับสายฟ้า

 

 

“ท่านแม่ มีพวกมดสองตัวกำลังมา” ดอกบัวสีทองพูดเตือน

 

 

หลังจากฟังแล้ว แคลร์ก็หลับตาลงและตั้งสมาธิ หลังจากนั้นไม่นานรอยยิ้มแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง โลกช่างกลมเสียจริง นั่นคืออลิซ หญิงที่พ่ายแพ้ในการต่อสู้กับนางนี่

 

 

……………………………………………………………………………..