“จะดูแลพ่องั้นเหรอ…”
อันหมิงชวนพลันใจกระตุกวูบ จ้องอันหลินอึ้งๆ
เพียงครู่เดียว เขาก็ได้สติ ส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“ไม่ได้ บอกแล้วไงว่า พ่อไม่อยากให้ลูกหารายได้ด้วยการร้องเพลง ลูกไปเรียนมหาลัยให้จบก่อน”
อันหลินยืนกรานว่า “ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ผมไม่มีความคิดจะหารายได้ด้วยการร้องเพลง ความหมายของผมคือ ตอนนี้ผมมีเงินแล้ว ดูแลพ่อได้แล้ว”
ขณะที่พูด อันหลินก็ล้วงบัตรธนาคารออกจากกระเป๋าพร้อมกับพูดว่า “ในบัตรใบนี้มีเงินสามร้อยห้าสิบล้านกว่าหยวน ใช้ได้ตามใจชอบ เราไม่ขาดเงิน!”
อันหมิงชวนตะลึงงันอีกครั้ง
เขามองบัตรธนาคารใบนั้นอยู่นาน กว่าจะพูดกระอึกกระอักว่า “หลินจื่อ เวลาแบบนี้อย่าล้อกันเล่นเลยนะ…”
อันหลินส่ายหน้าจริงจัง “ผมไม่ได้ล้อเล่น ถ้าพ่อไม่เชื่อละก็ เราไปตรวจสอบที่ตู้เอทีเอ็มตอนนี้เลย”
อันหมิงชวนมองอันหลินที่อยู่ตรงหน้า มองได้จากอากัปกิริยาของเขา เขาไม่ได้หลอกลวงแต่อย่างใด
ผ่านไปครู่หนึ่ง อันหมิงชวนก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า
“หลินจื่อ บอกมาตามตรง ไปเอาเงินมาจากไหน ถูกล็อตเตอรี่ หรือว่าได้มาเพราะเทคนิคการเล่นพนันอันน่าตะลึง”
อันหลินได้ฟังก็โมโห “อย่าพูดคำว่า ‘พนัน’ เรายังเป็นพ่อลูกกัน…”
อันหมิงชวนยิ้มเจื่อน แต่เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมระยะเวลาไม่ถึงปี จะมีเงินสามร้อยล้านได้อย่างไร
แม้การร้องเพลงจะสร้างรายได้ แต่อันหลินเพิ่งเดบิวต์ไม่ใช่เหรอ ไปเอาเงินมาจากไหน
อันหลินรู้ว่าอันหมิงชวนสงสัย เขาจึงไม่ปิดบัง พูดตามความจริงว่า “พ่อ บอกพ่อตรงๆ เลยนะ ตอนนี้ผมกำลังบำเพ็ญเซียนอยู่! ของนอกกายแบบนี้ผมอยากได้เท่าไร ก็มีเท่านั้น”
อันหมิงชวนกะพริบตาปริบๆ “ลูกว่าไงนะ”
“ผมบอกว่า…ตอนนี้ผมกำลังบำเพ็ญเซียน เหมือนเซียนในหนังในละครนั่นแหละ เข้าใจหรือเปล่า”
อันหลินทวนอีกรอบ
“อ้อ เข้าใจแล้ว!” อันหมิงชวนทำหน้ากระจ่างแจ้ง “ลูกหมายถึงว่ากำลังถ่ายหนัง แสดงเป็นเซียนที่บำเพ็ญเซียนใช่ไหม”
อันหลิน “…”
เขารู้ว่าหากไม่แสดงอภินิหาร พ่อเขาไม่มีทางเชื่อแน่
“พ่อ ดูผมแสดงนะ!”
อันหมิงชวนได้ยินดังนั้นก็จดจ้องอันหลิน
อันหลินประสานอิน บะหมี่หม่าล่าในถ้วยเคลื่อนไหวชั่วขณะราวกับถูกดึง
ต่อมา บะหมี่ก็ลอยขึ้นมาประหนึ่งปลาที่มีชีวิต จากนั้นลอยเข้าไปในปากของเขา
บะหมี่กับน้ำซุปถูกส่งเข้าปากของเขาอย่างต่อเนื่อง ส่วนเขา ทำหน้าที่แค่ขยับปากเคี้ยวเท่านั้น…
อันหมิงชวนตะลึงพรึงเพริด อ้าปากค้าง เสมือนเห็นผี
เขาไม่คิดเลยว่า การกินบะหมี่จะมีวิธีแบบนี้อีกด้วย!
หลังกินบะหมี่ระยะไกลแล้ว อันหลินก็ส่งยิ้มให้อันหมิงชวน “เป็นไงบ้าง”
“สุดยอดเลย นี่มันมายากลแบบไหนกัน!”
อันหมิงชวนชมไม่ขาดปาก เขาไม่เคยเห็นมายากลในระยะประชิดที่สมจริงขนาดนี้มาก่อนเลย
อันหลินกระตุกมุมปาก จู่ๆ มือเขาก็มีสายฟ้ากะพริบแปลบปลาบ สายฟ้าเส้นหนึ่งส่งเสียงดังครืนครั่น
อันหมิงชวนเห็นกระแสไฟที่รายล้อมปลายนิ้วอันหลิน ก็ชะงักงันอยู่กับที่
ต่อมา กระแสไฟก็พุ่งไปที่โต๊ะ
เปรี้ยง!
โต๊ะถูกสายฟ้าฟาดจนไหม้เกรียม
อันหมิงชวนยื่นมือแตะโต๊ะ โต๊ะล้มครืนลงพื้นประหนึ่งเม็ดทรายสีดำ
บะหมี่สองถ้วยเริ่มร่วงลงพื้น แต่ถ้วยแตกกระจายที่จินตนาการไว้ไม่เกิดขึ้น กลับลอยอยู่กลางอากาศอย่างน่าพิศวง
อันหลินโบกมือ
บะหมี่สองถ้วยก็ลอยไปวางอยู่บนโต๊ะในห้องครัว
จากนั้น อันหลินก็ดีดนิ้ว
ลูกไฟก็ผุดขึ้นมา เผาแปลนบ้านบนโต๊ะทำงานของอันหมิงชวน
อันหลินวาดนิ้ว
ใบมีดลมก็พุ่งออกจากมือ ตัดทีวีเป็นสองส่วนทันที
…
พลังวิเศษถูกอันหลินใช้อย่างต่อเนื่อง ไม่หวาดไม่ไหว
โลกทัศน์ของอันหมิงชวนได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแสนสาหัส ความคิดที่หยั่งรากลึก เริ่มพังครืนแล้ว
เขาเชื่อแล้ว เขาเชื่อแล้วจริงๆ ว่าลูกชายของตัวเองเป็นเซียนแล้ว!
อันหลินแทบจะใช้พลังวิเศษพังห้องพักชั่วคราวนี่แล้ว จะไม่ให้เขาเชื่อได้อย่างไร!
อันหลินเห็นว่าในที่สุดพ่อก็ยอมรับความจริงที่เขาเป็นนักพรตได้แล้ว จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อครู่เขามีความคิดจะใช้หมัดสะเทือนขุนเขา ทำลายห้องพักชั่วคราวนี่จริงๆ
ต่อมา อันหลินก็เริ่มบอกเล่าประสบการณ์ของเขา
เจอกับเซียนได้อย่างไร ประสบการณ์การเรียนในสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนของสรวงสวรรค์ รวมถึงเรื่องที่ลงมาทำภารกิจที่แดนมนุษย์ บอกพ่อของตัวเองอย่างหมดเปลือก
อันหมิงชวนไม่คิดเลยว่าลูกชายของตัวเอง จะพบเจอเรื่องราวมากมายปานนี้ ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ถึงปี ตอนนี้เขาอุทานไม่หยุด
เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว อันหลินก็พูดอีกครั้งว่า “พ่อ มาบำเพ็ญเซียนด้วยกันเถอะ ผมจะพาพ่อโบยบินเอง!”
บำเพ็ญเซียนงั้นเหรอ
หากอันหมิงชวนได้ยินคำนี้ในอดีต ต้องคิดว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน เชื่อไม่ได้เป็นแน่
แต่ว่าตอนนี้ ความคิดของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงราวกับพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
เพราะเซียนมีอยู่จริง มีโอกาสได้กลายเป็นเซียน เรื่องแบบนี้จะปล่อยให้หลุดมือได้อย่างไร
“แต่ว่า อายุอย่างพ่อไม่เหมาะจะบำเพ็ญเซียนแล้วล่ะมั้ง” อันหมิงชวนพูดอย่างลังเลใจ
“อายุมากแล้ว ไม่เหมาะจริงๆ นั่นแหละ ความก้าวหน้าจะช้ามาก…”
แต่ทว่า ใบหน้าของอันหลินฉายความหนักแน่น พูดต่อว่า
“แต่ผมบอกแล้วไงว่า ต่อไปผมจะดูแลพ่อเอง อายุเยอะแล้วยังไง ยาอายุวัฒนะ หินวิญญาณ วรยุทธ์สามารถทดแทนสิ่งที่ขาดได้ ขอให้พ่อเชื่อผม สักวัน ผมจะพาพ่อบินขึ้นสวรรค์เก้าชั้นฟ้า!”
อันหมิงชวนมองใบหน้าที่ไม่ไร้เดียงสาอีกแล้ว เกิดแรงบันดาลใจบางอย่างขึ้นในใจ
สุดท้าย เขาก็ฉีกยิ้มอย่างโล่งอก “หลินจื่อ พ่อเชื่อลูก!”
…
หลังพ่อของอันหลินตกลงจะบำเพ็ญเซียนแล้ว พวกเขาก็เริ่มทยอยคืนเงินที่ยืมมา
นอกจากนี้ พวกเขายังให้เงินตอบแทนคนที่ให้ยืมเงินเพิ่มไม่น้อยเลย
เพราะมีเพื่อนที่ยื่นมือมาช่วยในยามวิกฤต น้ำใจแบบนี้ควรค่าให้พวกเขาทำเช่นนี้
วันต่อมา อันหลินติดต่อหาหวงซานซาน
ระหว่างสำนักบำเพ็ญเซียนแดนมนุษย์กับหน่วยบำเพ็ญเซียนของประเทศ เขาเลือกหน่วยบำเพ็ญเซียนของประเทศ
เป็นเพราะแท้ที่จริงแล้ว สำนักบำเพ็ญเซียนแดนมนุษย์แทบจะแยกตัวออกจากสรวงสวรรค์แล้ว ติดต่อกันน้อยนัก แต่หน่วยปฏิบัติการพิเศษของประเทศกลับติดต่อกับสรวงสวรรค์โดยตรง
อันหลินเป็นคนของสรวงสวรรค์ ปล่อยให้พ่อไปอยู่ในหน่วยบำเพ็ญเซียนของประเทศ รับประกันความปลอดภัยได้มากกว่า
“ฮัลโหล อันหลิน เจอพ่อนายหรือยัง” ปลายสายเป็นเสียงอิดโรยของหวงซานซาน
“อืม ขอบใจเธอมาก ตอนนี้ฉันเจอพ่อแล้ว คืออย่างนี้ ฉันอยากให้พ่อไปบำเพ็ญเพียรในหน่วยบำเพ็ญเซียนของพวกเธอ ได้หรือเปล่า” อันหลินถามอย่างกังวล
หน่วยบำเพ็ญเซียนทั่วไปล้วนมีอาจารย์เฉพาะทาง แต่นักเรียนอายุมากอย่างพ่อเขา หากว่าต้องสอน ต้องมีอุปสรรคมากมายแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะต้องขอคำแนะนำจากอาจารย์เหล่านั้นอีก
คาดไม่ถึงว่าหวงซานซานจะตอบทันควันว่า “ไม่มีปัญหา จะมาเมื่อไร ฉันจะส่งคนไปรับพ่อนาย”
อันหลินได้ฟังก็ดีใจ “พรุ่งนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ฉันกับพ่อจะไปรอพวกเธอที่เมืองซานเฉิง”
“ได้ แล้วจะติดต่อนาย” คำตอบของหวงซานซานยังคงสั้นกระชับเช่นเคย
อันหลินกำลังจะวางสาย เสียงของเธอดังเล็ดลอดออกมาอีกครั้ง “เดี๋ยว!”
“อืม ว่าไง” อันหลินแปลกใจ
“จู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่า หากให้พ่อของนายมาบำเพ็ญเพียรที่นี่ ถ้าเป็นการเรียนบำเพ็ญเซียนทั่วไป จะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่นอกเหนือจากนี้ ยังมีการสอนระดับอื่นอีก” หวงซานซานกล่าว
“มีแบบนี้ด้วยเหรอ ลองว่ามาสิ” อันหลินไม่คิดว่าการบำเพ็ญเซียนของพวกเธอจะแบ่งระดับด้วย
หวงซานซานกล่าวว่า “การเรียนบำเพ็ญเพียรประเภทแรกคือ คอร์สสมาชิกระดับต้น สอนโดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญของหน่วยเรา และจะมียาอายุวัฒนะทั้งหลาย รวมถึงวิชาระดับท็อปให้ สมาชิกหน่วยปฏิบัติการพิเศษอย่างพวกเรา เรียนคอร์สนี้นี่แหละ เพราะต้องใช้ทุนไม่น้อยเลย ฉะนั้นจะเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มปีละหนึ่งร้อยหินวิญญาณ
ประเภทที่สองคือ คอร์สสมาชิกระดับสูง สอนโดยอาจารย์ระดับสูงที่สุดของหน่วย และเขาก็เป็นอาจารย์ของฉันด้วย ระหว่างการบำเพ็ญเพียรจะจัดยาอายุวัฒนะที่ดีที่สุด รวมถึงวิชาบำเพ็ญเพียรระดับท็อปให้ ฉะนั้นต้นทุนจะค่อนข้างสูง หนึ่งปีต้องจ่ายค่าใช้จ่ายหนึ่งพันหินวิญญาณ”
…
เสียงเงียบไปครู่หนึ่ง
อันหลิน “ไม่มีแล้วเหรอ”
หวงซานซานชะงัก “ไม่มีแล้ว นายจะให้มีอะไรอีก”
อันหลิน “ไม่มีคอร์สสมาชิกวีไอพีระดับทองคำ จ่ายปีละหนึ่งหมื่นหินวิญญาณเหรอ”
หวงซานซาน “…”
“ไม่มี ให้ตายเถอะ!”
อันหลิน “อ่อ…งั้นเอาคอร์สสมาชิกระดับสูงแล้วกัน”
มีเสียงพึมพำอย่างระอาใจแว่วมาจากมือถืออีกครั้ง
“เฮ้อ…แค่หนึ่งพันหินวิญญาณต่อปี จะสอนพ่อได้ดีไหมเนี่ย”
เมื่อหวงซานซานได้ยินประโยคนี้ น้ำตาก็แทบไหลริน
พับผ่าสิ หนึ่งพันหินวิญญาณน้อยมากเลยหรือไง!
พูดดีๆ ได้ไหม แบบนี้ทำร้ายจิตใจกันเหลือเกิน!
จะว่าไปอันหลินมีเงินเท่าไรกัน เป็นเศรษฐีในแดนบำเพ็ญเซียนหรือไง
สายตาที่อันหลินมองเธอ คงไม่ใช่สายตาที่ใช้มองขอทานหรอกนะ!
หวงซานซานยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองยากจน ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้าใจ ไม่มีแม้แต่อารมณ์จะอุทานแล้ว
“ถ้าไม่มีอะไรฉันวางก่อนนะ” หวงซานซานคิดว่าหากคุยกับอันหลินต่อไป จิตใจจะได้รับการกระทบกระเทือน
“อืม ถึงตอนนั้นฉันจะจ่ายให้เธอปีละหนึ่งพันสองร้อยหินวิญญาณก็แล้วกัน หินวิญญาณสองร้อยก้อนที่เกินมาถือว่าเป็นทิปให้เธอ หวังว่าเธอจะช่วยดูแลพ่อฉันให้ดี”
…
หลังวางสาย หวงซานซานแหงนหน้ามองฟ้าแล้วสูดน้ำมูก
ความรู้สึกที่ดีใจและเสียใจผสมปนเปกันแบบนี้ มันคืออะไรกันแน่
……………………….