บทที่ 87 การท้าทาย

ไหปีศาจ

บทที่ 87

การท้าทาย

ท่ามกลางฝูงชนมีชายเสื้อคลุมสีดำคนหนึ่งที่มีหลังโค้งเล็กน้อยและจมูกงุ้ม ดวงตาของเขาดูเหมือนจะมีความก้าวร้าวเป็นพิเศษและเสียงของเขาก็แหบแห้ง

มีหมอกสีขาวนวลฟุ้งรอบ ๆ เท้าของเขา ซึ่งดูน่าอัศจรรย์

ชายคนนั้นมีคนติดตามตามมาด้วย ซึ่งแต่ล่ะคนก็เรียกได้ว่าสูงกว่าคนทั่วไป พวกเขามีสีหน้าการแสดงออกที่ดูไม่แยแสและยากมากที่จะถูกกระตุ้นให้คล้อยตาม

“นั่นมันท่านอาจารย์หงอย่างนั้นเหรอ?”

ชายในชุดดำคนนั้นเป็นที่รู้จักในหมู่มวลชน

อาจารย์หงเขาคือหัวหน้าผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณของทีมหวงชา

ว่ากันว่ามีผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับกลางสองคนในทีมหวงชา คนหนึ่งคืออาจารย์หยู่และอีกคนหนึ่งก็คืออาจารย์หง

ท่านอาจารย์หงหรืออีกชื่อก็คือหงหลี่ เป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับกลาง

อย่างไรก็ตามมีการกล่าวกันว่าวิชาลับของอาจารย์หงนั้นค่อนข้างพิเศษ เขาได้ปรับแต่งยกระดับสัตว์วิญญาณระดับทองมาหลายตัวและยังเคยช่วยยกระดับสัตว์วิญญาณระดับทองให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ต้นกำเนิดอีกด้วย

ซึ่งมันเป็นอะไรที่ผู้ฝึกฝนระดับสูงหลายคนไม่สามารถทำได้

ดังนั้นวิชาลับของอาจารย์หงอันทรงพลังจึงเป็นที่ยอมรับและลือกันให้แซ่ด โดยวิธีที่เขาใช้นั้นก็คือการยกระดับความเป็นไปได้ในการพัฒนาที่ตัวสายพันธุ์ของสัตว์วิญญาณโดยตรง

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังแตกต่างจากวิวัฒนาการ

ยกตัวอย่างเช่น งูทองคำที่วิวัฒนาการทะลุขีดจำกัดของสายพันธุ์ ขีดจำกัดทางสายพันธุ์ของงูทองคำคือสัตว์วิญญาณระดับเงิน ดังนั้นเมื่องูทองคำเข้าสู่ระดับทองคำมันก็อาจวิวัฒนาการกลายเป็น งูทองคำสองหัว, งูเปลวไฟ หรือแม้แต่มังกรก็เป็นได้

ทิศทางของวิวัฒนาการนั้นไม่แน่นอน

แต่การยกระดับความเป็นไปได้ในการพัฒนานั้นแตกต่างกัน มันเป็นการเพิ่มขีดจำกัดของสายพันธุ์ หรือก็คืองูทองคำสามารถยกระดับตัวเองเป็นระดับทองได้ โดยที่ตัวมันยังคงเป็นงูทองคำดังเดิม

ผู้คนมักลังเลระหว่างวิวัฒนาการและการยกระดับความเป็นไปได้

หลายคนมักจะเลือกวิธีการวิวัฒนาการ แต่การวิวัฒนาการนั้นเป็นวิธีที่ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด ซึ่งต่างจากการยกระดับความเป็นไปได้ที่สามารถควบคุมและกำหนดได้อย่างแม่นยำ

ตราบใดที่ผู้ปรับแต่งใช้วิธีการที่ถูกต้องและวิชาที่สืบทอดกันมาก็สามารถรับประกันอัตราความสำเร็จของการยกระดับสัตว์วิญญาณได้

“ พวกคนที่อยู่ข้างหลังเขามาจากทีมหวงชาและเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน พวกเขาทุกคนล้วนสง่างามยิ่งนัก” ใครบางคนกระซิบ

“พวกเขาคงทนไม่ได้ที่ต้องเห็นศาลาไป่หยู่เติบโตอย่างรวดเร็ว”

“ดูเหมือนที่ท่านอาจารย์หงเรียกพวกเขาออกด้วยในครั้งนี้ เพราะหอคอยหวงชาคิดที่จะปราบปราม ศาลาไป่หยู่ จริง ๆ จัง ๆ แล้วล่ะมั้ง”

เมื่อได้ยินความคิดเห็นของผู้คนรอบข้างที่มีต่อตัวเขา อาจารย์หงก็ไม่ได้สนใจอะไร

“การทำความเข้าใจพลังของสัตว์วิญญาณเป็นวิธีพื้นฐานที่สุดในการเสริมพลังสัตว์วิญญาณ การใช้โล่นั้นเป็นการเสียสละแก่นสารในการทำความเข้าใจในสัตว์วิญญาณ”

เพียงแค่เขาอ้าปากพูดมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากการประกาศศึก

ผู้คนเดินเข้ามามากขึ้นและมารวมตัวกันรอบ ๆ

นี่เป็นความคิดของหลาย ๆ คนในยุคปัจจุบัน ทั้งอาวุธและชุดเกราะล้วนเป็นเรื่องนอกรีต ผู้ใช้พลังวิญญาณควรฝึกฝนตนเองให้ดี จากนั้นก็เข้าทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณ

เพราะชุดความคิดแบบนี้ จึงทำให้เกิดการลดลงของการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณ จนพวกมันค่อย ๆ เลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์

อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะว่าตราบใดที่ฝึกฝนไปถึงขั้นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง ก็จะสามารถใช้ทักษะในการรวมพลังของมนุษย์และสัตว์วิญญาณเข้าด้วยกัน ทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นหลายเท่าในทันที

ในเวลานั้นอาวุธหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ก็หมดประโยชน์ไปในทันที

ลั่วอู๋ฉีกริมฝีปากของเขา “ตราบใดที่มันช่วยให้เจ้ามีชีวิตรอดได้ มันก็เป็นสิ่งที่ดี เจ้าไม่สามารถเอาชนะคนอื่นได้ ถ้าเจ้าตายเสียก่อนจริงไหมล่ะ พวกเจ้าจะเลือกไม่ใช้อาวุธและชุดเกราะแล้วปล่อยให้คนที่แข็งแกร่งกว่าเอาเปรียบงั้นสิ?”

“เขี้ยวเล็บมันก็ต้องใช้เวลาขัดเกลาเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ” ดวงตาของท่านอาจารย์หงคิดหนัก

เขารวมสมาธิไปที่แผ่นหลัง ก้าวไปข้างหน้าและปลดปล่อยพลังวิญญาณของตัวเองออกมา ภายในพริบตาพลังวิญญาณของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นดั่งกระแสน้ำสร้างแรงกดดันขึ้นมา

“เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ คิดจะก่อเรื่องรึไง!”

หลิวหูก้าวขึ้นไปไปข้างหน้าและเรียกงูทมิฬปีกกระดูกให้เปิดปีกอันดุร้ายและน่ากลัวของมัน สัตว์วิญญาณของหลิวหูโผล่ออกมา ช่วยยับยั้งแรงกดดันวิญญาณของอาจารย์หงไว้อย่างสมบูรณ์

“ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง?” ใบหน้าของผู้ติดตามที่มากับอาจารย์หงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

พวกเขาไม่เคยได้ยินมาว่ามีผู้ใช้พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งในศาลาไป่หยู่

นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือได้เลย ช่องว่างระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณระดับต่ำและผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงนั้นมากเกินไป ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงสามารถรับมือกับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

น้ำเสียงของท่านอาจารย์หงอ่อนโยนลง “ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงงั้นเหรอ ข้าได้ยินมาว่ามีผู้ใช้พลังวิญญาณหลายคนในทีมหวงชาของเราถูกฆ่าตายเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ มันเป็นฝีมือของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงคนนี้นี่เอง”

“อย่าพูดไร้สาระน่า บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องความขัดแย้งภายในทีมหวงชาของพวกเจ้าก็ได้” หลิวหูเยาะเย้ย

ชั่วครู่หนึ่งบรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้น

อาจารย์หงโบกมือของเขาและเรียกให้ผู้ใช้พลังวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ข้างหลัง เขาถอยกลับไป เขาจับตาดูที่ลั่วอู๋ “ข้ามาที่นี่เพื่อขอความไว้วางใจจากคนอื่น ไม่ใช่มาหาข้อพิพาท”

“เจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่ ?” ลั่วอู๋ถาม

อาจารย์หงพูดว่า “สัตว์วิญญาณเป็นรากเหง้าของพลังวิญญาณ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเองก็เป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณเช่นเดียวกับข้า”

“ซึ่งก็ทำได้ไม่เลว”

“มีการกล่าวกันว่าการบริการปรับแต่งสัตว์วิญญาณของศาลาไป่หยู่นั้นไม่ค่อยดีนัก”

ศาลาไป่หยู่ มีผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณเพียงไม่กี่คน

แม้ว่าลั่วอู๋จะเสนอตัวเพื่อให้บริการแขก มันก็แก้ปัญหาได้เพียงหยดน้ำในถัง

เขาไม่สามารถทุ่มเทพลังงานทั้งหมดของเขาลงไปกับมันได้

“ศาลาไป่หยู่ของเราเป็นแนวเฉพาะทาง พวกเราไม่ทำธุรกิจปรับแต่งสัตว์วิญญาณแบบทั่ว ๆ ไป” ลั่วอู๋กล่าว

“นั่นก็ดี” อาจารย์หงหัวเราะ “ลูกวัวแรกเกิดที่ไม่กลัวเสือ มันคงจะดีกว่าถ้าข้าได้ทดสอบเจ้า”

ในที่สุดลั่วอู๋ก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร

เขามาที่นี่เพื่อท้าทาย

ในวันแรกของการขยายร้าน ถ้าศาลาไป่หยู่เสียหน้าอย่างรุนแรง ธุรกิจต่อจากนี้ก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก

อันดับสองนั้นไม่มีทางดีได้เท่าอันดับที่หนึ่ง

จำนวนลูกค้าต้องการบริการที่ดีขึ้น ไม่ต้องพูดถึงว่าสัตว์วิญญาณมีความสำคัญและพวกมันต่างก็ต้องการการฝึกฝนที่ดีที่สุด

หากเขาถูกทำให้เสียหน้า ความนิยมของศาลาไป่หยู่จะลดลงครึ่งหนึ่ง

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะได้รับคำท้าทายจากอาจารย์หง ที่พวกเขาทำเช่นนั้นก็เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจของหอคอยหวงชาจะปลอดภัย

“ไม่เลวนี่” ลั่วอู๋ตอบกลับไป “แต่ถ้าพวกเจ้าล้มเหลวล่ะจะเกิดอะไรขึ้น”

คนของทีมหวงชาต่างหัวเราะ

ท่านอาจารย์หงจะล้มเหลวงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก

เมื่อสิบปีที่แล้วท่านอาจารย์หงเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณอันดับหนึ่งในเขตหวงชา สิบปีต่อมาวิธีการของอาจารย์หงก็ยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น

ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณเป็นอาชีพที่ต้องใช้เวลามากในการวิจัย

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า แต่ข้ามั่นใจจริง ๆ นะ” ท่านอาจารย์หงหัวเราะ “ถ้าข้าแพ้ข้าจะทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการ”

เขาดูมั่นใจมาก

ลั่วอู๋เองก็หัวเราะด้วย “ดีถ้าเจ้าแพ้ ข้าต้องการสูตรวิชาลับการปรับแต่งของเจ้า”

เกิดความโกลาหลขึ้น

สำหรับผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณวิชาลับมีความสำคัญเทียบเท่ากับชีวิต

ทำไมศาลาไป่หยู่สามารถฝึกนักเล่นแร่แปรธาตุด้วยตัวเองได้ แต่กลับไม่สามารถฝึกฝนผู้ปรับแต่งได้? นั่นก็เพราะผู้ปรับแต่งต้องการวิชาลับที่แตกต่างออกไป

แต่ศาลาไป่หยู่นั้นไม่มี

เจ้าของร้านคนเก่า แม้จะมีวิชาลับในการปรับแต่ง แต่มันก็เป็นวิชาลับของตระกูลที่ไม่สามารถเผยแพร่ออกไปได้

ทันใดนั้นใบหน้าของอาจารย์หงก็เศร้าสลดใจ “เจ้าหนู ถ้าข้าชนะเจ้าเองก็ต้องมอบวิชาลับในการปรับแต่งของเจ้าด้วย”

ลั่วอู๋มีวิชาลับหรือไม่?

ไม่อย่างแน่นอน

การปรับแต่งทั้งหมดของเขาจากไหปีศาจ

“ได้ข้าตกลง” ลั่วอู๋ไม่ได้ตกใจเลยแม้แต่น้อย เขาต้องการที่จะหัวเราะด้วยซ้ำ

แพ้?

เขาไม่เคยต้องกังวลเกี่ยวกับการสูญเสีย

อาจารย์หงเองก็ยังต้องแข่งขันกับผู้อื่น เพื่อเสริมพลังความสามารถในการปรับแต่งสัตว์วิญญาณ

นี่ถือเป็นเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ที่จะสั่นสะเทือนไปทั่วทั้ง 23 มณฑลในเขตหวงชา

เพียงแค่ในช่วงเวลาสั้น ๆ ข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่ว 23 มณฑลในเขตหวงชา ผู้คนนับไม่ถ้วนรีบเร่งมุ่งตรงมาที่เมืองแห่งความพินาศเพราะกลัวว่าจะพลาดเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่นี้