ตอนที่ 64 ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

วันนี้เป็นวันมงคลของฟางเชา เดิมควรเป็นวันที่เขามีความสุขถึงจะถูก แต่เพราะธุรกิจที่เขาลงทุนนั้นล่มจมทำให้ชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าอย่างเขาอิดโรยเหมือนชายชรา

สัปดาห์นี้ไม่เพียงแค่บริษัทที่เขาลงทุนแล้วเจ๊ง แต่การลงทุนอย่างอื่นก็ขาดทุนเหมือนกัน

ไม่ว่าจะลงทุนอะไรก็ขาดทุนทั้งนั้น จะลงทุนในตลาดหุ้น ค้าขาย หรือบ่อนใต้ดิน

ชายหนุ่มอายุน้อยที่ถือดอกไม้ติดอกเจ้าบ่าวข้างกายฟางเชาก็กล่าวขึ้น

“พี่เชาครับพี่ไปล่วงเกินใครเข้าหรือเปล่า? ทำไมผมถึงรู้สึกว่าพี่กำลังโดนคนหาเรื่องอยู่เลยล่ะ? ต่อให้ปิดตาลงทุนก็ไม่น่าจะล้มเหลว 100% แบบนี้!”

ฟางเชาคลึงขอบตาที่ดำคล้ำของตนเองแล้วพยักหน้า “อาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ได้! ฉันจะต้องโดนใครเล่นงานเข้าแน่! ฉันไม่มีทางจะตาถั่วขนาดนี้แน่นอน! แต่สองปีมานี้ฉันไม่ได้ไปล่วงเกินใครเข้าเลย นอกจากคนชื่อเย่เฉิน สามีเก่าพี่สะใภ้นายที่ฉันไปสวมเขาให้เขา แต่หมอนี่เก่งแต่เรื่องใช้กำลัง เขาไม่เข้าใจเรื่องการค้าขายอะไรทั้งนั้น เขาเป็นแค่บอดี้การ์ดขยะเท่านั้น ไม่มีทางที่จะเอาชนะฉันในเรื่องธุรกิจได้หรอก”

เพื่อนเจ้าบ่าวเล่นเข็มกลัดดอกไม้ที่ติดอกแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ฟาง พี่สะใภ้เป็นหญิงงามเบอร์หนึ่งของอวิ๋นโจว คนที่ชอบพี่สะใภ้ไม่ได้มีแค่เย่เฉินคนเดียว อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ขนาดเพื่อนผมยังสงบจิตใจไม่ได้เลยถ้าเห็นพี่สะใภ้ เนื้อหงษ์ตกเข้าปากพี่ ผู้ชายทั้งอวิ๋นโจวใครจะไม่อิจฉาตาร้อนบ้าง?”

ฟางเชาครุ่นคิดอย่างละเอียดก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นไปได้

“แม่งเอ้ย จะต้องเป็นขาใหญ่สักคนในวงการธุรกิจของอวิ๋นโจวที่ชอบหวังเจียเหยาเข้าแน่นอนถึงได้เล่นงานฉันแบบนี้! หวังเจียเหยาคนนี้ล่มตระกูลจริงๆ เลย ยังไม่ทันได้แต่งเลย ฉันก็ต้องเสียเงินห้าสิบล้านเพราะหล่อนแล้ว!”

เพื่อนเจ้าบ่าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ ตระกูลฟางของพี่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับเงินห้าร้อยล้านนี้อยู่แล้ว เจ๊งก็เจ๊งไปสิ ไม่อย่างนั้นก็ไปทำงานบริษัทพ่อสิ พี่เกาะที่บ้านเอาสิ”

“แต่มีภรรยาสวยๆ อย่างหวังเจียเหยาอยู่ในกำมือแล้ว พี่อยากจะทำอะไรกับหล่อนก็ย่อมได้ หมอนั่นบางทีอาจจะเก่งเรื่องธุรกิจ แต่ในเรื่องความรักพี่เป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว!”

ฟางเชาหัวเราะร่วน “อาเจี๋ยนายพูดถูก! ศัตรูความรัก กล้าทำให้ฉันเจ๊งห้าร้อยล้านเชียว! ฮ่า ฮ่า!”

พอนึกได้เช่นนี้ฟางเชาก็รีบโทรหาหวังเจียเหยาทันที

หวังเจียเหยาตื่นแล้วและกำลังแต่งหน้าอยู่ เจ้าหล่อนรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว “ฮัลโหล”

“ที่รักคุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?”

“แต่งหน้า ลองชุดแต่งงานอยู่”

“ฮ่าๆ ที่รัก ทางที่ดีตอนนี้คุณไปนอนพักต่ออีกหน่อย!”

หวังเจียเหยากดวางสายโทรศัพท์ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

“ฟางเชาเหรอ? เขาพูดอะไรน่ะ?”

ซ่งหงเย่เพื่อนสนิทที่อยู่ข้างตัวหวังเจียเหยาที่กำลังดูอีกฝ่ายแต่งหน้าก็ถามขึ้น

หวังเจียเหยาโยนไอโฟนไปข้างตัว “ลามกจริงๆ! ฟางเชานี่ตลาดล่างจริงๆ! ถ้าไม่ใช่เพราะบ้านเขารวยล่ะก็ฉันไม่แต่งกับเขาหรอก! เย่เฉินของฉันดีกว่าตั้งเยอะตอนพูดตอนจานุ่มนวลอ่อนหวานจะตาย”

ซ่งหงเย่หัวเราะ “เพื่อนรัก เธอกำลังสวมชุดแต่งงานจะแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น แต่มาชมผัวเก่าแบบนี้คงไม่ค่อยดีล่ะมั้ง?”

หวังเจียเหยาคิดถึงอดีตสามีด้วยอารมณ์สับสน “หงเย่ เย่เฉินไม่ยอมเป็นตัวสำรองฉันจะทำยังไงดี? ถ้าต่อไปฉันหย่าแล้วแต่เขาแต่งงานไปแล้วจะทำยังไง?”

ซ่งหงเย่ไม่ตอบแต่ให้หวังเจียเหยาลุกขึ้น

หวังเจียเหยาในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ ยืนอยู่หน้ากระจกราวนางฟ้ามาจุติอย่างไรอย่างนั้น

ความงามเช่นนี้เหมือนมีเพียงบนสวรรค์เท่านั้น!

ซ่งหงเย่ลูบใบหน้าเพื่อนสาวแล้วกล่าวกับอีกฝ่ายในกระจก “ดูใบหน้างามล่มเมืองของเธอนี่ ผู้ชายคนไหนจะปฏิเสธเธอได้ลงคอกัน? เชื่อฉันเถอะเธอเอาเขาได้อยู่หมัดอยู่แล้ว! ชั่วชีวิตนี้ของเย่เฉินจะได้เป็นตัวสำรองของเธอแน่!”

……

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ในวิลล่าเขตเจียงหนาน เมืองอวิ๋นโจว

ซึ่งเป็นเขตวิลล่าราคาแพงอย่างมากในอวิ๋นโจวเช่นกัน หนึ่งตารางเมตรราคาราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 150,000 หยวน

ณ วิลล่าหลังหนึ่ง ฟางเสียนจู่และหลิ่วหรูซือพ่อแม่ของฟางเชา กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจก

หลิ่วหรูซือสวมชุดราตรีแบบจีนสีแดง ดูสง่างาม ด้วยวัยสี่สิบกว่าๆ ไม่ว่าจะเรือนร่างหรือว่าความงามก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอวิ๋นโจว

ทว่าเจ้าหล่อนไม่เพียงทรงเสน่ห์ แต่นิสัยและมารยาทก็ถือได้ว่าเป็นแบบฉบับของคนในวงสัมคมชั้นสูงเช่นกัน

หล่อนช่วยสามีผูกเนคไทพลางกล่าว “เสียนจู่ ฉันคิดว่าแผนการขยายธุรกิจของบริษัทเราช่วงนี้เสี่ยงเกินไป คุณทุ่มเงินทุนทั้งหมดแถมยังกู้เงินก้อนใหญ่อีก คุณไม่ควรเชื่อพอลมากขนาดนี้”

ฟางเสียนจู่หัวเสีย “ถ้าตอนนั้นผมไม่เชื่อพอล บริษัทของเราอาจจะไม่มีโอกาสเข้าตลาดหุ้นด้วยซ้ำไป!ผมไม่ได้ใช้เงินของตระกูลหลิ่วคุณสักแดงเดียว คุณจะกังวลอะไร!”

หลิ่วหรูซือพูดเนิบๆ “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ถ้าชัวร์จริงๆ ฉันไปขอยืมเงินตระกูลหลิ่วมาให้คุณก็ได้”

“ผมไม่ต้องการ!” ทันใดนั้นเองฟางเสียนจู่ก็ดูหงุดหงิดกว่าเดิม “ตระกูลหลิ่วของคุณน่ะดูถูกผม คราวนี้ผมจะให้คนตระกูลหลิ่วของคุณได้เห็นว่าผมจะกลับมาผงาดอีกครั้งได้ยังไง!”

หลิ่วหรูซือเห็นสามีโกรธจัดก็รีบลูบเขาเพื่อปลอบโยน “เอาเถอะๆ วันนี้วันแต่งงานของลูกเราไม่พูดเรื่องนี้กันแล้ว”

“พูดอีกเรื่องแล้วกัน ฉันได้ยินมาว่าลูกเราเชิญอดีตสามีของหวังเจียเหยามางานแถมยังไปดูถูกเขาต่อหน้าคนอื่นอีก ฉันว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณลองโน้มน้าวลูกอย่าให้เขาทำแบบนี้เลย ฉันได้ยินมาว่าอดีตสามีของหวังเจียเหยาก็ไม่ใช่ย่อย”

ฟางเสียนจู่แค่นเสียง “โน้มน้าวอะไรลูกเรา? ก็แค่คนชั้นต่ำที่เป็นบอดี้การ์ดก็เท่านั้น ดูถูกเขาไปแล้วจะทำไม?”

“เตะต่อยเป็นก็ยิ่งน่าตลกกว่าเดิม วันนี้มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มากันกี่คน? เขายังจะกล้าก่อเรื่องหรือไง!”

หลิ่วหรูซือส่ายหน้า สองคนพ่อลูกเหมือนกันไม่มีผิด ไม่รับฟังอะไรใครเลย

แต่อารมณ์ของฟางเสียนจู่ก็เปลี่ยนปอย่างรวดเร็ว จู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า

“ไม่ต้องไปสนใจอดีตสามีของหวังเจียเหยาหรอก แต่มีแขกคนหนึ่งที่พวกเราจะต้องใส่ใจเขาให้มาก ผมได้ยินมาจากหงเหยียนว่าวันนี้คุณเย่จากบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปจะมาร่วมงานแต่งงานของลูกเราแน่ๆ 100% คุณเองก็รู้ว่าคุณเย่คนนี้เป็นคนลึกลับขนาดไหน ได้ยินมาว่าร้านอาหารที่เปิดใหม่ในช่วงนี้อย่าง อวิ๋นจงอวิ๋น หรือพวกร้านคาราโอเกะ คลับต่างๆ ที่เปิดใหม่ก็เป็นของคุณเย่ทั้งนั้น”

“ตอนนี้เขาเป็นลูกพี่ในวงการอาหาร ธุรกิจบันเทิง ห้างสรรพสินค้า ขนส่ง! คนจำนวนมากเรียกเขาว่าฮ่องเต้แห่งอวิ๋นโจว!”

หลิ่วหรูซือขมวดคิ้ว “หงเหยียน หงเหยียน คุณเรียกหล่อนเสียสนิทสนมเลยนะคะ”

ฟางเสียนจู่ยิ้มก่อนจะรีบปลอบใจภรรยา “แหม ก็เพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน อย่าคิดมากเลย ผมกับคุณฉินไม่ได้มีอะไรกันเสียหน่อย อีกเดี๋ยวอย่าเอาโทสะไปลงที่คุณเย่ล่ะ พวกเราจะล่วงเกินเขาไม่ได้”

หลิ่วหรูซือกล่าว “เห็นฉันเป็นคนแยกแยะไม่ได้หรือไงกัน? เอาเถอะ เดี๋ยวพอเจอคุณเย่ฉันจะรับรองเขาให้ดีเลย”

……

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนถึงสิบโมงเช้า

ฉินหงเหยียนมาถึงเขตวิลล่าเหมยกุยหยวนอันเป็นที่พักของเย่เฉิน

เย่เฉินตื่นมาแต่งตัวแต่เช้า เขาสวมชุดสูทเรียบร้อย

“คุณเย่วันนี้หล่อจังเลยค่ะ”

ฉินหงเหยียนกล่าวชมชายหนุ่มจากใจจริง

เย่เฉินขยับเนคไทเล็กน้อยแล้วกล่าว “ไปกันเถอะ! วันนี้ผมจะให้คนทั้งอวิ๋นโจวได้รู้ว่าคุณเย่แห่งบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปก็คือเขยที่โดนคนตระกูลหวังขับไล่ คือผมเอง เย่เฉิน!”

ฉินหงเหยียนเดินตามหลังชายหนุ่ม ตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้น!

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้ว!