ตอนที่ 77 กล้าดีขนาดนี้เลยเหรอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

“ขอโทษครับ” เสียงฟังดูชราเล็กน้อย แม้จะยิ้มแต่กลับหรี่ตามองประเมินฉินหร่านแล้วชี้ไปที่รถเบนซ์ที่อยู่ไม่ไกล “คุณนายของพวกเราอยากพบคุณ”

 

 

เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย น้ำเสียงสุภาพ

 

 

ฉินหร่านขมวดคิ้ว ขยับไปยืนด้านข้าง สีหน้าไร้ความรู้สึก แถมไม่เงยหน้าขึ้น “ถอยไป”

 

 

ไม่ได้ถามเรื่องรถหรือถามว่าเขาคือใคร รวมทั้งไม่ได้ถามว่าคุณนายเป็นใคร นี่เหนือความคาดหมายของชายวัยชรา คำตอบของฉินหร่านไม่อยู่ในขอบเขตที่เขาคาดเดาได้

 

 

“คุณนายเฟิงอยากพบคุณ คุณไปกับผมเถอะครับ” ชายชราขวางทางไว้อีกครั้ง น้ำเสียงหนักแน่นขึ้น

 

 

ฉินหร่านเงยหน้าขึ้นในที่สุด โทรศัพท์ในมือข้างซ้ายหมุนแล้ววาดโค้งบนอากาศจากนั้นถูกเธอกำแน่นไว้ในฝ่ามือ สายตาของเธอเย็นชาและหงุดหงิด “ถอยไป”

 

 

อาจเป็นเพราะยังไม่มีใครพูดกับตัวเองแบบนี้ ชายชรานิ่งอึ้งกับที่

 

 

ฉินหร่านอ้อมเขาแล้วเดินไปข้างหน้า

 

 

เดินได้ไม่กี่ก้าวก็มองเห็นมู่หยิง

 

 

เห็นได้ชัดว่าฉินหร่านอารมณ์ไม่ค่อยดี น้อยครั้งที่มู่หยิงเห็นเธอท่าทีเย็นชาขนาดนี้

 

 

“พี่คะ” เธอเอ่ยขึ้นเสียงเบา

 

 

“อืม” ฉินหร่านกระแอมแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย ความเย็นยะเยือกในสายตาไม่ทันได้เก็บไป เธอช้อนตาขึ้น “มีธุระกับฉันเหรอ”

 

 

“คือแบบนี้นะคะ” มู่หยิงมองรถบีเอ็มที่อยู่ไม่ไกล อยากจะถามว่าคนนั้นคือใคร แต่เห็นสีหน้าแบบนี้ของฉินหร่านก็ไม่กล้าถามเยอะ เพียงแค่พูดว่า “คุณแม่ได้ข่าวว่ามือของพี่บาดเจ็บ ให้พี่มาบ้านเราตอนวันเสาร์”

 

 

“ทำไมหล่อนถึงรู้อีกแล้ว…” ฉินหร่านกำโทรศัพท์ครุ่นคิดแล้วตอบเธอ “ได้ ฉันจะไป”

 

 

“ขอโทษด้วยนะ พี่สาวของฉันนิสัยไม่ค่อยดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว…” มู่หยิงรอฉินหร่านพูดจบเดินจากไปแล้วจึงจะก้มหน้าค่อยๆ อธิบายกับเพื่อน

 

 

“ว้าว สมคำร่ำลือจริงๆ มีกลิ่นอายเยือกเย็นอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้ภายในรัศมีหนึ่งเมตร!”

 

 

“ตื่นเต้นชะมัด!”

 

 

“มู่หยิง ไม่คิดว่าหล่อนจะเป็นพี่สาวของเธอจริงๆ!”

 

 

“แล้วลุงแก่ๆ ที่ลงมาจากรถบีเอ็มคันนั้นคือใคร ดูมีมาดจริงๆ!”

 

 

มู่หยิงอธิบายไม่ทันจะเสร็จ กลุ่มคนข้างกายก็พูดขึ้นมาอย่างไม่เก็บอาการ ตื่นเต้นกันสุดๆ ไม่เหมือนท่าทีที่ถูกทำให้รอสักนิดเดียว

 

 

มู่หยิงที่ยังอยากจะอธิบายยืนอึ้งกับที่อยู่นาน มองไปทิศทางซึ่งฉินหร่านเดินจากไปด้วยอารมณ์ที่สับสน “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

 

 

……

 

 

ตอนที่ฉินหร่านไปห้องพยาบาล ลู่จ้าวอิ่งกำลังถือโทรศัพท์ไว้ ยิ้มโง่ๆ อยู่

 

 

เมื่อเห็นฉินหร่าน เขาก็เอ่ยทักทาย

 

 

ปกติชีเฉิงจวินงานยุ่งมาก หลังจัดการคดีความเสร็จก็ควรไปแล้ว แต่วันนี้อยู่ในห้องพยาบาลโรงเรียนตลอด ในมือถือใบคำตอบของฉินหร่านไว้

 

 

“ฉิน…”

 

 

เขาอ้าปาก ยังไม่ทันพูดอะไร เฉิงเจวี้ยนก็เดินอ้อมมาจากหุ่นมนุษย์แล้วดึงใบคำตอบในมือของเธอออกมาส่งให้ฉินหร่าน

 

 

ฉินหร่านมองดูแวบหนึ่ง คือใบคำตอบที่เธอฝนคราวก่อน

 

 

มือของเธอชะงักกึก

 

 

เฉิงเจวี้ยนมองเธอพักหนึ่ง เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เมื่อวานเธอทำหล่นที่นี่ ฉันให้คนเก็บเอาไว้”

 

 

ฉินหร่านพยักหน้า พูดอย่างมีมารยาทว่า “ขอบคุณค่ะ”

 

 

ชีเฉิงจวินจดจ้องฉินหร่านไว้

 

 

ลู่จ้าวอิ่งดูไม่ออก เขาและเฉิงเจวี้ยนก็ดูไม่ออก ใบคำตอบวิชาภาษาอังกฤษที่ดูเลอะเทอะและคะแนนต่ำของสาวน้อยคนนี้ ที่จริงแล้วตัวเลือก a b c d ทั้งหมดข้างในประกอบด้วยรหัสมอร์สห้าตัว

 

 

รหัสมอร์สใช้เส้นสั้นเส้นยาวและจุดแสดงถึงตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวเลขและเครื่องหมายที่ใช้บ่อยๆ

 

 

รหัสมอร์สห้าตัวของฉินหร่านมีลำดับ

 

 

หากนำมาจัดเรียงก็จะเป็นสูตรโมเลกุลของกรดทังสเตน

 

 

ตอนแรกเขาสงสัยว่าสมการนี้มีความหมายอะไร

 

 

พอได้รับคำใบ้จากเฉิงเจวี้ยน เขาถึงพบว่าสูตรโมเลกุลของกรดทังสเตนมีน้ำหนักโมเลกุลเท่ากับสาวน้อยคนนี้ใช้การฝนใบคำตอบเพื่อด่าคน!

 

 

ไม่รู้ว่าเธอฝนใบคำตอบนี้ท่ามกลางสถานการณ์แบบไหน

 

 

ชีเฉิงจวินนั่งอยู่บนโซฟา วางนิ้วไว้ที่ริมฝีปาก มองเฉิงเจวี้ยนเปลี่ยนยาให้ฉินหร่าน

 

 

เวลานี้ห้องพยาบาลโรงเรียนปิดแล้ว

 

 

ด้านนอกมีคนเคาะประตูสองครั้ง ทั้งเสียงดังทั้งรีบร้อน

 

 

ลู่จ้าวอิ่งวางเท้าไว้บนโต๊ะ เอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ “เข้ามา”

 

 

ประตูถูกคนเปิดออกดัง ปัง

 

 

รีบร้อนขนาดนี้เลยเหรอ

 

 

ลู่จ้าวอิ่งหรี่ตาลงเงยหน้าขึ้นก็เห็นอาจารย์ใหญ่สวีที่ยังสวมชุดสูท ถือกระเป๋าเอกสารเหมือนกลับเพิ่งกลับมาจากการทำงานต่างถิ่น

 

 

เขารีบยกขาลงแล้วยืนขึ้น “คุณสวี คุณมาหาชีเฉิงจวินสินะ”

 

 

เดิมทีชีเฉิงจวินไม่ได้สังเกตคนที่เคาะประตู เขาเคยเรียนจิตวิทยามาบ้าง กำลังวิเคราะห์ความคิดของฉินหร่านอยู่

 

 

ยังไม่ทันวิเคราะห์ผลอะไรออกมาก็ได้ยินเสียงของลู่จ้าวอิ่ง

 

 

ชีเฉิงจวินอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วรีบยืนขึ้นทันที มองไปทางอาจารย์ใหญ่สวี พูดอย่างเกร็งๆ ว่า “สวี…”

 

 

คนในห้องพยาบาลต่างรู้สึกว่าคุณสวีรีบร้อนมาที่ห้องพยาบาลกะทันหัน ต้องมาหาชีเฉิงจวินที่เพิ่งมาที่โรงเรียนแน่นอน

 

 

ทว่าอาจารย์ใหญ่ไม่ได้มองชีเฉิงจวินแม้แต่น้อย แต่กลับเดินตรงไปที่ฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยน

 

 

เฉิงเจวี้ยนเพิ่งเปิดผ้าพันแผลออก และกำลังใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาด

 

 

ผ่านไปไม่กี่วัน แผลบนฝ่ามือก็เริ่มสมานตัว แต่ยังบวมแดงเจือด้วยรอยช้ำเล็กน้อย และมีรอยเย็บซึ่งดูน่ากลัวกว่าเดิม

 

 

สีหน้าของอาจารย์ใหญ่สวีแทบจะเปลี่ยนไปทันที “มือเธอไปโดนอะไรมา”

 

 

“อาจารย์ใหญ่สวี?” ฉินหร่านค่อนข้างประหลาดใจเมื่อเห็นอาจารย์ใหญ่สวี จากนั้นมองไปที่มือตัวเองแล้วยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ไม่เป็นไร”

 

 

“ไม่เป็นไรได้อย่างไร! หมอ มือของเธอ…” สีหน้าของอาจารย์ใหญ่สวีขุ่นมัว เขาไม่สนใจเธอ เพียงแต่มองไปยังฝั่งตรงข้าม เขาถึงได้รู้ว่าคนที่ทำแผลให้ฉินหร่านอยู่คือเฉิงเจวี้ยน

 

 

เขาอึ้งไปสักพักก่อนพูดว่า “มีคุณอยู่ทั้งคน มือของเธอคงไม่น่ามีปัญหาอะไร”

 

 

อาจารย์ใหญ่สวีถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

 

แต่ก็อดมองเฉิงเจวี้ยนไม่ได้ คนนี้รับทำผ่าตัดเพียงหนึ่งครั้งต่อเดือน ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ตอนนี้เขา…

 

 

ในขณะที่กำลังลังเล เขาได้สังเกตถึงบรรยากาศของห้องพยาบาล

 

 

พอเห็นชีเฉิงจวินกำลังลุกขึ้นยืน เขาก็อึ้งไป “คุณก็มาอวิ๋นเฉิงเหมือนกันเหรอ”

 

 

ชีเฉิงจวิน : “…”

 

 

เขายิ้มแล้วกำลังอ้าปากจะพูด แต่กลับเห็นอาจารย์ใหญ่สวีหมุนตัวเดินไปมองทางฉินหร่านอีกครั้ง

 

 

“เธอว่ามา เกิดอะไรขึ้นกับเธอ โตขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังให้คนอื่นทำมือบาดเจ็บจนเป็นแบบนี้!” สีหน้าของอาจารย์ใหญ่สวีดูไม่ดีนัก ตอนนี้เขาไม่ได้ดูมือของฉินหร่าน เพียงแค่มองหน้าของเธอ “บอกฉันมาว่ามือขวาของเธอไปโดนอะไรมา ใครกล้าดีทำให้มือขวาเธอเป็นแบบนี้ มันไม่รู้จักเฟิงโหลวเฉิงเหรอ…”