ตอนที่ 91 ข้าน้อยคารวะท่านจ้าวปีศาจ

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 91 ข้าน้อยคารวะท่านจ้าวปีศาจ

ภายในโถงด้านหลังลานที่ใช้จัดพิธีแต่งงาน

ถูซานเหยายืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าประตู คิ้วเรียวดุจกระบี่ขมวดแน่น ดวงตาคมเปล่งประกายบางอย่างเป็นระยะ ราวกับกำลังวางแผนการบางอย่างอยู่

ส่วนด้านหลังของเขาก็คือเหล่าผู้แข็งแกร่ง ที่จะบังคับพาตัวถูสือซานมาก่อนหน้านี้ โดยพวกเขาต่างนั่งลงเป็นสองฝั่ง และกำลังเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ทางเข้าแดนต้องห้ามเมื่อครู่นี้อยู่

“หัวหน้าเผ่า บัดนี้ท่านบรรพบุรุษเอ่ยเช่นนี้แล้ว ทั้งอีกฝ่ายยังเป็นถึงเผ่าพยัคฆ์ดำที่มีนิสัยมุทะลุ ท่านน่าจะไปเผ่าพยัคฆ์ดำด้วยตัวเองสักคราดีหรือไม่ ? ”

“ใช่แล้ว ท่านหัวหน้าเผ่า ด้านนอกยังมีผู้แข็งแกร่งจากเผ่าปีศาจต่าง ๆ ที่มาร่วมยินดีอยู่ด้วย หากเรายกเลิกการแต่งงานครานี้ เกรงว่าต่อไปเผ่าพยัคฆ์ดำต้องเพ่งเล็งเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของเราเป็นแน่ ! ”

“แค่เพ่งเล็งที่ไหนกัน หากภายภาคหน้าเฮยจวงได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าพยัคฆ์ดำคนต่อไป เกรงว่าคงมาโจมตีเผ่าของเราเป็นแน่”

“บรรพบุรุษท่านหนึ่งของเผ่าพยัคฆ์ดำได้บรรลุจุดสูงสุดของระดับจ้าวปีศาจแล้ว ส่วนบรรพบุรุษของเราเวลานี้ยังถูกพลังครอบงำอยู่ เกรงว่าคงต้องใช้เวลาอีกนานจึงจะสามารถฟื้นฟูพลังให้กลับมาเป็นปกติได้”

“แล้วจะทำเช่นไรกันดี ? ”

ขณะที่ผู้แข็งแกร่งหลายคนด้านหลัง กำลังครุ่นคิดหาวิธีรับมือเผ่าพยัคฆ์ดำและเฮยจวงอยู่นั้น

ดวงตาเรียวยาวของถูซานเหยาพลันมีประกายบางอย่างแวบผ่าน

“ข้าคิดออกแล้ว ! ”

ถูซานเหยาตบหน้าผากตัวเอง ก่อนจะหมุนตัวกลับมาพร้อมรอยยิ้ม “บอกเฮยจวงรวมทั้งผู้แข็งแกร่งของเผ่าปีศาจต่าง ๆ ว่าสือซานถูกราชันทมิฬลักพาตัวไป เพราะต้องการแก้แค้นเฮยจวง ทีนี้ก็จะช่วยหันเหความสนใจของพวกเขาไปที่ราชันทมิฬแทนได้”

“เยี่ยงไรเสีย ชื่อเสียงของราชันทมิฬในเทือกเขาแดนใต้ก็ย่ำแย่อยู่แล้ว มิว่าความจริงจะเป็นเช่นไร พวกเขาก็ย่อมเชื่ออย่างมิลังเลว่าราชันทมิฬต้องการที่จะแก้แค้นเฮยจวง”

เอ่ยจบถูซานเหยาก็กวาดตามองทุกคน และเอ่ยต่อว่า “แต่ว่าก่อนหน้านั้น ข้าต้องการให้พวกเจ้าสร้างภาพให้พวกเขาเห็น ว่าพวกเจ้าถูกราชันทมิฬทำร้ายมาอย่างหนักเสียก่อน”

“ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ก็คงทำได้เพียงเท่านี้”

เหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณสบตากันเล็กน้อย พลางส่ายศีรษะไปมา ก่อนจะเดินลมปราณภายในย้อนกลับอย่างมิลังเล

“อั่ก ! ”

“แค่ก ! ”

“อึก ! ”

เพียงพริบตาเหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณต่างก็กระอักเลือดออกมา ลมปราณภายในเกิดความปั่นป่วน ราวกับถูกทำร้ายมาอย่างหนัก

ถูซานเหยากวาดตามองไปที่ทุกคน ก่อนจะหันไปสั่งผู้ดูแลคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตู

“เจ้าไปบอกเฮยจวงว่าสือซานถูกราชันทมิฬลักพาตัวไป ทั้งยังทำร้ายคนในเผ่าเราจนบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย”

ถูซานเหยาเอ่ยกับผู้ดูแลคนนั้น

ผู้ดูแลคนนั้นลังเลเล็กน้อย ก่อนพยักหน้ารับคำสั่งแล้วรีบเดินออกไปทันที

ถูซานเหยามองตามแผ่นหลังของผู้ดูแล สายตาก็พลันปรากฏแววตาสังหารขึ้นมา พร้อมกับพูดในใจว่า ‘ราชันทมิฬ ทางที่ดีเจ้าอย่าได้ทำอะไรสือซานเชียวล่ะ มิเช่นนั้นเจ้าจะเป็นศัตรูของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของข้าไปชั่วชีวิต ! ’

มินาน ถูซานเหยาก็พาผู้แข็งแกร่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณกลับมาในงานอีกครั้ง

และในเวลานี้ผู้แข็งแกร่งจากทุกเผ่าต่างก็กำลังเมาได้ที่จนหน้าแดงก่ำไปหมด

ขณะเดียวกัน เพราะยังมิได้ยลโฉมถูสือซานเสียที ในที่สุดก็เริ่มทนมิไหวจนก่อความวุ่นวายขึ้นภายในงาน

ทันทีที่ถูซานเหยาปรากฏตัวอีกครั้ง จึงตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนอย่างมิต้องสงสัย

“ถูซานเหยา เจ้าหมายความว่าเยี่ยงไรกันแน่ ! ”

“ใช่ เจ้าต้องอธิบายพวกเรามาประเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นวันนี้พวกเราจะมิยอมเด็ดขาด ! ”

“มิเพียงเท่านั้น ข้าว่าถูซานเหยาผู้นี้มิเห็นพวกเราอยู่ในสายตามากกว่า”

“บัดซบ ! ”

“จะเยี่ยงไรพวกเราก็ถือเป็นหนึ่งในราชาของเทือกเขาแดนใต้ ถูซานเหยาเจ้าอธิบายมา มิอย่างนั้นก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”

ถูซานเหยาที่ถูกผู้แข็งแกร่งของเผ่าต่าง ๆ กดดันด้วยท่าทีคุกคาม จึงขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะระเบิดพลังอันแข็งแกร่งและทรงอำนาจจนน่าเกรงขามออกมา

“ทุกท่าน เมื่อครู่นี้ราชันทมิฬที่ต่ำช้าไร้ยางอายผู้นั้นได้มาลักพาตัวบุตรสาวของข้าไป ทั้งยังทำร้ายคนของข้าจนบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย”

ถูซานเหยากวาดตามองทุกคนด้วยแววตาเย็นเฉียบ พร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ตอนนี้การแต่งงานระหว่างเผ่าของข้าและเผ่าพยัคฆ์ดำคงต้องพักเอาไว้ก่อน และข้าหวังว่าทุกท่านจะช่วยกันตามหาบุตรสาวของข้าด้วย”

“อะไรนะ ! ”

“ราชันทมิฬตนนั้นลักพาตัวองค์หญิงสิบสามไปเยี่ยงนั้นหรือ ? ! ”

“เจ้าปีศาจตนนี้ช่างไร้ยางอายสิ้นดี หากข้าจับตัวมันได้อีกครา ข้าจะกลืนมันทั้งเป็นเลยคอยดู ! ”

“จริงสิ คราก่อนที่ราชาปีศาจทั้งเจ็ดร่วมมือกันทำร้ายมันจนเจ็บหนัก เฮยจวงแห่งเผ่าพยัคฆ์ดำลงมือหนักที่สุด ที่มันมาลักพาตัวองค์หญิงสิบสามก็เพื่อต้องการจะแก้แค้นเฮยจวงเป็นแน่”

“มิน่าเล่าวันนี้ได้พบมันข้าถึงรู้สึกแปลก ๆ ที่แท้ก็มาแก้แค้นจริง ๆ ด้วย”

“หัวหน้าถู ก่อนหน้านี้พวกข้าเข้าใจท่านผิดไป ต้องขออภัยด้วย”

ระหว่างที่ผู้แข็งแกร่งของเผ่าต่าง ๆ กำลังวิพากษ์วิจารณ์อยู่นั้น

เฮยจวงที่บนหน้าผากมีเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาลุกโชนด้วยความกรุ่นโกรธ แสงสีดำเปล่งประกายอยู่รอบ ๆ กาย พลังที่แผ่ออกมาแทบจะกลายเป็นไอสังหาร ก่อนที่เขาจะเดินนำองครักษ์ของเผ่าพยัคฆ์ดำเข้ามาภายในงาน

บัดนี้ชุดคลุมสีแดงที่เขาสวมใส่ มิได้แสดงถึงความรื่นเริงอีกต่อไป

เพียงพริบตาภายในงานกลับไร้ซึ่งเสียงใด ๆ ผู้แข็งแกร่งของเผ่าต่าง ๆ พากันมองไปยังเฮยจวงเป็นตาเดียว

การที่เจ้าสาวถูกลักพาตัวไปในวันแต่งงาน มิเพียงเป็นการดูหมิ่นเฮยจวงเพียงคนเดียว เท่านั้น แต่กลับเป็นการดูหมิ่นเผ่าพยัคฆ์ดำอีกด้วย

“หัวหน้าถู ที่ท่านพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือ ? ”

ดวงตาแดงก่ำของเฮยจวงกวาดตามองไปยังทุกคนที่อยู่ที่นั่น ก่อนจะเอ่ยถามถูซานเหยาขึ้น

มุมปากของถูซานเหยากระตุกเล็กน้อย ก่อนจะกวาดตามองผู้แข็งแกร่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณที่ดูคล้ายบาดเจ็บหนักข้างกาย

เฮยจวงมิได้เอ่ยสิ่งใดอีก เขาเพ่งสมาธิก่อนจะหยิบป้ายหยกดำหัวพยัคฆ์ชิ้นหนึ่งออกมา

“โครม ! ”

หลังสิ้นเสียงที่ดังกึกก้อง ก็เกิดระลอกคลื่นปรากฏขึ้นกลางอากาศทันใด ราวกับกำลังส่งสัญญาณบางอย่าง

“เฮยจวง เจ้าจะทำอะไร ? ”

ถูซานเหยาราวกับรู้สึกถึงไอพลังบางอย่างที่มิธรรมดาจึงเอ่ยถามขึ้น

เฮยจวงขบกรามแน่นด้วยท่าทางดุร้าย “นี่เป็นหยกโลหิตเกล็ดดำที่บรรพบุรุษของข้ากลั่นขึ้นมา เดิมเอาไว้ช่วยชีวิตของข้า ! ”

“สูด ! ”

ผู้แข็งแกร่งของเผ่าต่าง ๆ ที่ได้ยินเฮยจวงแนะนำป้ายหยกหัวพยัคฆ์ลึกลับชิ้นนั้น ต่างพากันสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่อย่างหวาดหวั่น

การนำหยกโลหิตเกล็ดดำที่เอาไว้ปกป้องตัวเองออกมาใช้เยี่ยงนี้ ดูก็รู้ว่าบัดนี้เฮยจวงโกรธแค้นมากเพียงใด

ดูเหมือนว่าครานี้เฮยจวงจะอัญเชิญบรรพบุรุษของเผ่าพยัคฆ์ดำ มาสังหารราชันทมิฬด้วยตนเอง !

และภายในเวลามิถึงครึ่งก้านธูป

กลางลานพิธีพลันเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นกลางอากาศ ปรากฏเป็นระลอกคลื่นขึ้นมา

มินานไอพลังมหาศาลก็แผ่ออกมา อำนาจอันน่าเกรงขามปกคลุมไปทั่ว

ทันใดนั้นก็มีบุรุษลึกลับที่สวมชุดคลุมสีดำ รูปร่างสูงใหญ่ ผมขาวโพลน ใบหน้าถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยไอสีดำจนมิสามารถมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงได้ ก็ปรากฏตัวขึ้น

เพียงพริบตาผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในงานต่างก็มีท่าทางตื่นตระหนก สีหน้าแต่ละคนต่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ข้าน้อยคารวะท่านจ้าวปีศาจ”

ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดพากันคุกเข่าลงอย่างนอบน้อม พร้อมเอ่ยด้วยความเคารพ

หนึ่งในนั้นก็มีถูซานเหยารวมอยู่ด้วย

บรรพจารย์ของเผ่าพยัคฆ์ดำท่านนี้นับเป็นดาวอัปมงคลก็ว่าได้

เพราะเขาเป็นถึงสุดยอดผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวปีศาจวิถีสังหาร

แน่นอนว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเองต่างก็คาดมิถึงว่า เฮยจวงจะบ้าดีเดือดได้ถึงเพียงนี้

ถึงขนาดเชิญบรรพจารย์ของเผ่าพยัคฆ์ดำออกมาเช่นนี้

‘บ้าจริง ! ’