เธอที่กำลังคิดอยู่ เดี๋ยวสักพักเธอก็ได้พาเพื่อนๆ ของเธอไปขวางซูฉิงกับเฉินจุนเหยียน จากนั้นก็เรียกฮ่อหยุนเฉิงมา ให้เขาได้มาเห็นซูฉิงทำเรื่องน่าเกลียดลับหลังเขา
“ฉันก็อยากจะเห็นพวกเขา แต่ว่าถูกเฉินจุนเหยียนไล่ออกมาแล้ว “ไป๋หลานทำหน้าเศร้า พอคิดถึงตอนที่เฉินจุนเหยียนมีท่าเย็นชากับหล่อน ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ใจขึ้นมาแปลกๆ
สวีหว่านเอ๋อร์โมโหแทบจะระเบิด”ใครใช้ให้เธอไปทำให้เฉินจุนเหยียนตื่นตกใจ มือไม่พายแล้วยังจะเอาเท้าราน้ำอีก! แล้วที่ฉันให้เธอถ่ายรูปไว้ล่ะ”
“ถูกคุณเฉินจุนเหยียนลบไปแล้ว “ไป๋หลานก้มหน้า ไม่กล้ามองสวีหว่านเอ๋อร์
“อะไรนะ!” สวีหว่านเอ๋อร์แสดงสีหน้าโกรธขึ้นมา แล้วก็พูดอย่างโมโหว่า”เธอทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อยไม่ได้รึไง เรื่องเล็กๆแค่นี้ ยังทำไม่ได้ ดูท่าตระกูลไป๋กรุ๊ปของพวกเธอควรที่จะทำความร่วมมือต่อไปดีมั้ย เดี๋ยวฉันจะโทรหาพี่ของฉัน ให้เขายกเลิกสัญญาร่วมมือกับตระกูลไป๋กรุ๊ป!”
“สวีหว่านเอ๋อร์ อย่านะ “เห็นสวีหว่านเอ๋อร์จะลงมือกับตระกูลไป๋กรุ๊ป ก็ร้อนใจขึ้นมา
หลายปีมานี้ตระกูลไป๋กรุ๊ปล้วนมีปัญหาตลอด หล่อนเลยได้มาประจบสวีหว่านเอ๋อร์ ก็เพื่อที่จะช่วยต่อลมให้ใจให้กับตระกูลไป๋กรุ๊ป
เห็นสวีหว่านเอ๋อร์โมโห ไป๋หลานก็รีบพูด”เมื่อกี้ฉันส่งไปให้เธอหนึ่งรูปไม่ใช่หรอ พวกเราก็สามารถนำรูปนี้ไปให้ฮ่อหยุนเฉิงดูได้นี่ ซูฉิงแอบมาหาชายอื่นลับหลังฮ่อหยุนเฉิง ถือเป็นการสวมเขาให้เขา ฮ่อหยุนเฉิงจะต้องไม่ปล่อยหล่อนไว้แน่”
“รูปที่เธอส่งมาเห็นไม่ชัดแล้วจะใช้อะไรได้ “สวีหว่านเอ๋อร์จ้องไป๋หลานตาเขม็ง “ไม่รู้ว่าใช้ถูกคนมั้ย ? วันนี้โอกาสดีขนาดนี้ ล้วนถูกเธอทำพังหมดแล้ว!”
“ไม่หรอกๆ ก็เห็นชัดอยู่นะ “ไป๋หลานรีบพูด ” “ถึงยังไงฉันก็เห็นกับตา ซูฉิงจะแก้ตัวไม่ได้แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นพอฮ่อหยุนเฉิงจะต้องโกรธแน่ คราวนี้ซูฉิงตายแน่!”
สวีหว่านเอ๋อร์ส่งเสียงหึ “งั้นเธอยังมัวยืนบื้ออยู่ทำไม รีบส่งไปให้ฮ่อหยุนเฉิงสิ”
ฮ่อหยุนเฉิงตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว ส่วนซูฉิงก็ไม่อยู่ที่เมืองใหม่สุ่ยเยว่แล้ว
เขาถามแม่บ้านหวัง “ซูฉิงล่ะ”
“แม่บ้านหวังคำนับตอบ”คุณหนูซู ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
ฮ่อหยุนเฉิงถามต่อ “แล้วเธอไปไหน”
แม่บ้านหวังส่ายหน้า”คุณหนูซูไม่ได้บอกค่ะ บอกแค่ว่ามีธุระต้องไปออกไปทำ”
หรือว่าซูฉิงจะไปทำงานหรอ
ฮ่อหยุนเฉิงคิ้วขมวดเป็นปม ยัยนี่ไม่สบายยังจะไปทำงานอีก ไม่รู้จักพักผ่อนเอาเสียเลย
เขารีบขับรถไปที่บริษัท กลับไม่พบซูฉิง
ฮ่อหยุนเฉิงให้คนเช็คจุดเช็คอิน พบว่าวันนี้ซูฉิงไม่ได้มาที่บริษัทเลย
เธอไปไหนนะ
ฮ่อหยุนเฉิงรู้สึกกังวนใจ เขาโทรหาซูฉิง แต่กลับพบว่าปิดโทรศัพท์
“ประธานฮ่อ ประชุมบ่ายนี้ใกล้จะเริ่มแล้ว “หลินเหยียนเฟิงพูดเตือน
“รู้แล้วน่า “ฮ่อหยุนเฉิงเดินไปห้องประชุมอย่างไม่มีกะจิตกะใจ ประชุมวันนี้คือให้แต่ละแผนกมารายงานประจำเดือน
ผู้รับผิดชอบทุกแผนกล้วนเข้ามารายงานความเป็นไปให้ฮ่อหยุนเฉิงฟัง
ฮ่อหยุนเเฉิงนั่งอยู่ตำแหน่งหัวมุมโต๊ะ ใบหน้านิ่งขรึม แผ่รังสีเย็นชาออกมาทำให้บรรยากาศในห้องประชุมเย็นเยือก
ทันใดนั้น ฮ่อหยุนเฉิงก็ได้รับข้อความแปลกๆ เขาก็ยกขึ้นมาเปิดดู เป็นรูปหนึ่งรูป
ในรูปเป็นภาพชายหญิงคู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่ชัดเจน แต่ว่าฮ่อหยุนเฉิงยังจำได้ดีว่าผู้หญิงคือซูฉิง
วันเวลาที่ถ่ายภาพนี้คือวันนี้นี่เอง
สีหน้าของฮ่อหยุนเฉิงนิ่งขรึม เขากะพริบตาแล้วก็มองอย่างละเอียด
ไม่ผิดแน่ เป็นซูฉิง
และผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าซูฉิงก็หน้าคุ้นๆ เหมือนจะเป็นเฉินจุนเหยียน
ซูฉิงกับเฉินจุนเหยียนอยู่ด้วยกัน ?
เมื่อคืนเธอไม่ใช่บอกแล้วหรอว่า ไม่ว่าจะเป็นหลินหนานหรือเฉินจุนเหยียนล้วนไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันกับเธอ
แต่วันนี้ทำไมถึงทนไม่ได้ต้องออกไปหาเฉินจุนเหยียนตั้งแต่เช้าด้วย
และ…….ท่าทางของทั้งสองคนก็เหมือนจะสนิทสนมกันมาก
ฮ่อหยุนเฉิงปลดเนกไทออกมาอย่างรำคาญ หมดมาดของผู้นำตำแหน่งสูงสุด เดินหน้าดำค่ำเครียดออกจากห้องประชุม
เขาโทรหาซูฉิงอีกครั้ง และยังปิดเครื่อง……
เดินออกจากห้องประชุมพร้อมกับความรู้สึกกลัดกลุ้มใจ ฮ่อหยุนเฉิงที่กำลังจะสืบหาว่ารูปนี้ถ่ายที่ไหน ก็มีเงาคุ้นๆ เดินเข้ามา
ซูฉิง ?
ฮ่อหยุนเฉิงรีบเดินเข้าไปหา ใบหน้ารีบร้อน”ซูฉิง เธอมากับฉัน”
ซูฉิงที่พึ่งมาถึงบริษัท และยังเดินไม่ถึงแผนกออกแบบ ก็เจอกับฮ่อหยุนเฉิง
ซูฉิงที่สัมผัสได้ถึงฮ่อหยุนเฉิงที่กำลังควบคุมอารมณ์เหมือนอารมณ์ไม่ดีมากๆ
หล่อนก็เดินตามฮ่อหยุนเฉิงไปอย่างเงียบๆ ไปที่ห้องประธานบริษัท
“ทำไมไม่รับสายฉัน “สีหน้าของฮ่อหยุนเฉิงไม่สู้ดีนัก ก้มมองซูฉิง
ซูฉิงหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาดู “ขอโทษด้วย โทรศัพท์ฉันแบตหมด”
“เธอไปไหนมา “สีหน้าฮ่อหยุนเฉิงยิ่งแย่กว่าเดิม
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อ โทรศัพท์ของซูฉิงแบตหมด ช่างประจบเหมาะอะไรกันอย่างนี้ กลัวว่าเพื่อที่จะออกไปนัดเจอกับเฉินจุุนเหยียน ถึงตั้งใจปิดโทรศัพท์น่ะสิ!
“มีธุระนิดหน่อยเลยออกไป “ซูฉิงตอบเสียงเรียบ
“แล้วไปไหน “ฮ่อหยุนเฉิงถามต่อ
“ไปเจอเพื่อนคนหนึ่งน่ะ ” ซูฉิงคิ้วขมวด รู้สึกอึดอัด ฮ่อหยุนเฉิงเป็นบ้านอะไรขึ้นมาอีก
แววตาเย็นชาของฮ่อหยุนเฉิงจดจ้องที่ตาซูฉิง “เพื่อนอะไร ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“นายถามอะไรเยอะแยะเนี่ย “ซูฉิงกัดริมฝีปาก แล้วก็ถามอย่างจริงจัง”ถ้าหากฉันจำไม่ผิดละก็ วันนี้เป็นวันหยุด เป็นเวลาพักผ่อนจะไปเจอเพื่อนหน่อยก็เป็นเรื่องของฉัน แม้นายจะเป็นบอส แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”
“เธอดูเองสิ ว่านี่คืออะไร!” ฮ่อหยุนเฉิงหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วก็ยื่นไปตรงหน้าซูฉิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
ซูฉิงมองโทรศัพท์เขาอย่างสงสัย
บนหน้าจอเป็นรูปหนึ่งรูป
และผู้หญิงที่อยู่ในรูปก็คือซูฉิงนั่งเอง
ซูฉิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา”ฮ่อหยุนเฉิง นายสะกดรอยตามฉันหรอ”
สะกดรอยตามเธอ ?
ฮ่อหยุนเฉิงยกมุมปากขึ้น แล้วก็เอ่ยเรียงขรึม “ฉันเป็นคนที่ทำเรื่องน่าเบื่อขนาดนั้นเลยหรอ”
ก็เห็นอยู่ว่าซูฉิงไปเจอเฉินจุนเหยียนลับหลังเขา ตอนนี้เธอยังจะมาย้อนถามเขาอีก
ซูฉิงมองดูรูปอีกครั้ง เป็นรูปที่แอบถ่ายเธอกับเฉินจุนเหยียนที่ร้านกาแฟ
ในเมื่อไม่ใช่ฮ่อหยุนเฉิงเป็นคนถ่าย แล้วเป็นใครกัน
ตอนนั้น หล่อนได้ยินคนทะเลาะกับพนักงานที่หน้าร้าน เฉินจุนเหยียนเลยเดินออกไปดูแล้วกลับมาบอกเธอ เป็นแฟนคลับของเขามาแอบถ่ายเขา
หรือว่าแฟนคลับของเขาจะส่งรูปมาให้กับฮ่อหยุนเฉิง?
แต่ว่า แล้วเขาทำอย่างนี้ทำไม
และยิ่งไปกว่านั้นเฉินจุนเหยียนบอกว่าเขาลบรูปไปหมดแล้วนี่
ดูท่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว คนที่ส่งรูปให้กับฮ่อหยุนเฉิงจะต้องไม่หวังดีแน่ เธอจะต้องไปสืบให้แน่ชัดแล้วล่ะ
ฮ่อหยุนเฉิงที่เห็นซูฉิงเงียบไม่พูดอะไร ก็ยิ่งหน้านิ่งขรึมราวกับน้ำแข็ง แววตาเคร่งขรึมกวาดสายตามองไปที่ซูฉิง “รูปนี้ เธอจะอธิบายยังไง ”
“อธิบาย? “ซูฉิงหน้าซีด พูดเสียบเรียบ”ฉันไม่จำเป็นจะต้องอธิบายอะไรให้นายฟัง”
ฮ่อหยุนเฉิงทำไมถึงได้ก้าวร้าวอย่างนี้นะ เหมือนหล่อนทำผิดต่อเขายังไงอย่างงั้น
เธอมีอิสระ เธออยากจะไปเจอใครหรือใครมาหาเธอก็ได้
ฮ่อหยุนเฉิงก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเธอนี่ แล้วมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับเธอด้วย