ตอนที่ 70 หลงเทียนหลิง (ท้าย) Ink Stone_Romance
เทียนเสียงพาเทียนหลิงออกไป หลงเหวินเซวียนกับหลงเหวินหยางค่อยๆ แอบออกไปโดยไม่ได้ทำให้เด็กๆรู้ตัว หลงเทียนอี้เองที่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจก็อยากจะพาน้องสาวออกไปเช่นกัน
“น้องเทียนจิ้ง พี่ทำไข่ตุ๋นเอาไว้ แล้วก็ยังมีเค้กนึ่ง เจ้าอยากจะกินไหม” หลิวหลีกลับรั้งเทียนจิ้งไว้ให้กินข้าว
เทียนจิ้งที่เดิมทีคิดว่าจะออกไปกับพี่ชาย พอได้ยินเข้า ดวงตาก็เป็นประกาย “เจ้าค่ะ”
บนโต๊ะอาหารครั้งนี้ นอกจากจะพิชิตใจเทียนจิ้งได้แล้ว แม้แต่หลงเทียนอี้ก็ยังรู้สึกว่าเลิศรสเช่นกัน รู้สึกเลยว่าแม่ครัวศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านก็ฝีมือเฉยๆเสียแล้ว คิดไม่ถึงจริงๆว่า น้องหลิวหลีเป็นแม่ครัวที่มีความสามารถ สุดท้ายเทียนจิ้งกินจนท้องอืด เอามือลูบท้องตัวเองไปพลางในขณะที่โดนหลงเทียนอี้ตำหนิ เมื่อดื่มชาย่อยอาหารที่หลิวหลีทำขึ้นถึงได้ดีขึ้น เทียนจิ้งบอกไว้ว่าตราบใดที่หลิวหลียังอยู่ที่บ้านสกุลหลง นางจะมากินข้าวที่นี่ หลงเทียนอี้รู้สึกตกใจกับคำพูดของน้องสาว ยังไม่ทันได้คัดค้านอะไร หลิวหลีกลับตกปากปากรับคำ
ตอนจากไป หลิวหลีมอบถุงเก็บของอันเล็กให้สองใบ จากนิสัยของอีกฝ่าย แล้วภายในน่าจะเป็นยาศักดิ์สิทธิ์ หลงเทียนแปลกใจนัก น้องหลิวหลีคนนี้มียาศักดิ์สิทธิ์อยู่เท่าไหร่กันแน่
“นังหนู อีกครู่เดี๋ยวเจ้าจะไปฝึกปรุงยาใช่ไหม” เมื่อเห็นอัตราความสำเร็จในการปรุงยาของหลิวหลี เอ๋าเลี่ยก็รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฝึกอีกต่อไปแล้ว
“ไม่มีเพลิงอัคคีสักหน่อย เคล็ดวิชาคัมภีร์นพเก้าก็ฝึกมาจนสุดแล้ว ฝึกปรุงยาสามารถเอาไปเป็นของขวัญ แล้วก็สร้างรายได้ได้ด้วยนะ” หลิวหลีเอ่ย ช่วงนี้นางแจกยาศักดิ์ทธิ์ไปค่อนข้างเยอะ ถ้าไม่ปรุงยาแล้วจะเอาอะไรไปแจกคนอื่นกัน
“นังหนู น้ำผลไม้ไม่เลวเลย” เอ๋าเลี่ยเลียปากแล้วพูดขึ้น
“ข้าทำไว้หลายถังเลย อาเลี่ยจะเอามันไปให้กับมังกรตัวน้อยในเผ่ามังกรหรือ?” หลิวหลีเอ่ยพลางชี้ไปที่มุมหนึ่งในมิติเทพเจ้ามังกร
“เด็กน้อยเหล่านั้น หากไม่เจอความยากลำบาก จะพัฒนาไปได้อย่างไร ของหวานขนาดนี้เดี๋ยวข้ารับหน้าที่จัดการแทนเอง” เมื่อรู้ว่าอยู่ที่ไหน เอ๋าเลี่ยก็เตรียมจะจัดการทั้งหมดอย่างไม่เกรงใจ
หลังจากที่หลงเทียนอี้พาหลงเทียนจิ้งกลับไป ทันทีที่เปิดถุงเก็บของดู จึงพบว่าเป็นยาศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
“อัตราในการปรุงยาสำเร็จของหลิวหลีสูงลิ่วทีเดียว” หลงจิ่งอู๋พูดขึ้น ไม่เพียงไม่น้อยแต่สูงมากจนเกินไปแล้ว น่าจะไม่มียาที่เสียกระมัง นักปรุงยาอย่างหลิวหลีถ้าอยู่ข้างนอกคงจะสามารถทำเงินได้มหาศาล
“น่าจะสูงมากทีเดียว น้องหลิวหลีรวยนัก ของขวัญที่มอบให้ก็มีให้แต่ยาศักดิ์สิทธิ์คุณภาพชั้นเลิศทั้งนั้น” หลงเทียนอี้รู้สึกว่าน้องสาวคนนี้น่าจะไม่ขาดแคลนหินวิญญาณ
“นี่เป็นเพราะว่าน้องหลิวหลีของเจ้ารู้สึกมาตลอดว่าการปรุงยาคุณภาพอื่นๆออกมาเท่ากับเป็นยาเสีย” หลงจิ่งอู๋นึกถึงพ่อของตัวเองที่อุตส่าห์แบกหน้าไปขอยาศักดิ์สิทธิ์ที่มีหลายระดับคุณภาพถุงนั้นมา ก็อดที่จะหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้
หลงเทียนอี้ก็พูดไม่ออก มิน่าหลิวหลีอายุน้อยขนาดนี้ก็เป็นถึงนักปรุงยาระดับ 6 แล้ว มาตรฐานของนางสูงมากจริงๆ
“ท่านพ่อ ท่านรู้ไหม คุณสมบัติของเทียนหลิงโดดเด่นมากนัก พวกเรามองผิดไปกันหมด” หลงเทียนอี้พูดอย่างทอดถอนใจ
“ทำไมเจ้าถึงรู้สึกเช่นนั้น” หลงจิ่งอู๋เลิกคิ้ว ลูกชายช่างคิดมากเหลือเกิน
“ท่านพ่อ พวกเรามักจะคิดว่าความรักความเอ็นดูที่ได้มาเหมือนเป็นเรื่องที่ควรจะเป็น จึงเห็นใจอนาทรเทียนหลิงเช่นกัน แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะทำความเข้าใจจิตใจของเทียนหลิง หลิวหลีก็เช่นกัน ข้าผูกมิตรกับนาง เหตุผลส่วนใหญ่เป็นเพราะนางเป็นนักปรุงยา ท่านพ่อ ข้ากับเทียนจิ้งได้รับความรักจากท่าน ท่านแม่ ท่านอา ท่านปู่ ดีจังเลย” หลงเทียนอี้หายใจเข้าลึกแล้วก็พูดขึ้น
“เจ้าไปรู้อะไรมาใช่ไหม รู้ชาติกำเนิดของหลิวหลีแล้วหรือ?” หลงจิ่งอู๋เห็นลูกชายทอดถอนใจ น่าจะมีอะไรมาทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ มิน่าตอนลูกสาวกลับมาก็ออดอ้อน ทำให้เขารู้สึกว่านางน่ารักกว่าแต่ก่อนมาก
“รู้แล้วขอรับ ท่านพ่อ ต่อไปข้าจะคิดว่าหลิวหลีคือน้องสาวแท้ ๆ ของข้าคนหนึ่ง ข้าจะปกป้องนางเอง” คำพูดที่หลงเทียนอี้เอ่ยนั้น ผ่านการคิดพิจารณามาแล้วอย่างลึกซึ้ง
“ลูกชาย ความตั้งใจนี้ของเจ้าดีนัก แต่เรื่องปกป้องนั้นช่างเถอะ ไม่นับเรื่อง ที่หลิวหลีมีท่านเอ๋าเลี่ยอยู่ เจ้าเองก็สู้นางไม่ได้ อย่ามองว่าพลังบำเพ็ญเพียรของนางตอนนี้สู้เจ้าไม่ได้ คราวนี้ที่บ้านสกุลหลงพึ่งพานั้นไม่ใช่พวกเจ้าสามคน แต่เป็นหลิวหลี ลูกชายอย่าได้ถือสา จำคำพ่อไว้” แน่นอนว่าหลงจิ่งอู๋มองออกว่าลูกชายของเขาก็ไม่ยอมรับ พอพูดประโยคสุดท้ายเขาจึงเอ่ยเหมือนแฝงความนัย
แน่นอนว่าหลงเทียนอี้ไม่เชื่อ
หลงเทียนเสียงพาเทียนหลิงกลับบ้าน หลงเหวินหยางกำลังรอหลานของเขาอยู่ เขาชิงไปที่เรือนของเทียนหลิงก่อน แต่กลับพบว่าชีวิตของคนใช้สุขสบายกว่าคุณหนูอย่างเทียนหลิงเสียอีก สิ่งที่ทำให้ยิ่งโมโหคือ เทียนหลิงหายตัวไปนานขนาดนี้ แต่คนเหล่านี้กลับทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้เขามีธุระจะต้องคุยกับเจ้าสามพอดี ก็คงไม่รู้ว่าตนเองได้ละเลยหลานสาวคนนี้ไปมากขนาดไหน หลงเหวินหยางก็จัดการขายพวกคนใช้ที่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้พูดว่ามิกล้าอีกแล้วออกนอกบ้านไปหมดทุกคน เขานั่งรอหลานสาวกลับมาในห้องโถง คำพูดของหลิวหลีในวันนี้ ทำให้เขาคิดอะไรได้มาก
“ท่านปู่” เทียนเสียงเห็นท่านปู่ก่อน เขาประหลาดใจเล็กน้อย หลงเทียนหลิงกลับทำเหมือนมองไม่เห็น อุ้มถุงเก็บของที่หลิวหลีให้ไว้ไม่วางมือ
“เทียนเสียง เจ้ากลับมาแล้วหรือ การประลองระหว่างตระกูลเจ้าจะต้องสู้ๆ นะ เทียนหลิงมาหาปู่มา” หลงเหวินหยางกวักมือเรียกหลงเทียนหลิง นางนิ่งอยู่นานกว่าจะได้สติก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไป
“เทียนหลิง เป็นเพราะปู่ละเลยเจ้าเกินไป ปู่รู้ว่าเทียนหลิงรู้ว่าปู่จะพูดอะไร ต่อไปปู่จะไม่มีอีกแล้ว ปู่จะหาเวลามาอยู่กับเทียนหลิง เทียนหลิงของปู่ยังมีอนาคนที่จะต้องให้ปู่ชักนำเจ้าไป” หลงเหวินหยางลูบหัวเทียนหลิงด้วยความเอ็นดู
“ท่านปู่ ข้าคิดว่าท่านไม่ชอบข้า” หลงเทียนหลิงเปิดปากเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ระโหย
“เทียนหลิง เจ้าพูดได้” หลงเหวินหยางรู้สึกประหลาดใจ เขาพลาดอะไรไปเท่าไหร่กัน
“เทียนหลิง คิดว่าปู่กับพี่ชายไม่ชอบเจ้าก็เลยไม่ยอมพูดใช่ไหม คนใช้รังแกเจ้า เจ้าก็ไม่ยอมพูด” เมื่อเห็นเทียนหลิงพูดจบแล้วก็ไม่ยอมพูดอีก หลงเหวินหยางจึงลองถามดู เมื่อเห็นหลงเทียนหลิงพยักหน้าอย่างระมัดระวัง หลงเหวินหยางก็เจ็บปวดใจอย่างมาก
“ไม่เลย ปู่น่ะ ยุ่งมาก แต่ต่อไปไม่ว่าปู่จะไปไหน ก็จะพาเทียนหลิงไปด้วย จะสอนเทียนหลิงบำเพ็ญเพียร จะสอนเทียนหลิงหลายๆอย่าง เทียนหลิงจะต้องโตไว ๆแบบนี้นะ” หลงเหวินเซวียนพูดขึ้นพลางอุ้มหลานสาวไว้ในอ้อมกอด หลงเหวินหยางขยับนิ้วเบาๆ ของในถุงเก็บของก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของนาง ในที่สุดหลงเทียนหลิงก็รู้สึกสนใจขึ้นมา
“ข้าเรียนได้หรือ?”
“แน่นอน ภายหน้าปู่จะเป็นคนสอนเจ้าเอง” หลงเหวินหยางเห็นว่าเทียนหลิงมีความสนใจ ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก นังหนูคนนี้เป็นแกนวิญญาณเดี่ยวธาตุไม้เชียวนะ
หลงเทียนหลิงลองจับขวด แล้วก็จับไปที่อีกขวดหนึ่ง
“ไปพบท่านพี่ได้ไหม?” เทียนหลิงนึกถึงพี่สาวที่มีท่าทีเป็นมิตรและหวังดีกับนางเป็นคนแรก
“หมายถึงนังหนูหลิวหลีหรือ ย่อมได้อยู่แล้ว” หลงเหวินหยางเดาออกว่าเทียนหลิงหมายถึงใคร จึงย่อมเห็นด้วยอยู่แล้ว หลงเทียนเสียงที่อยู่ข้างๆก็รู้สึกได้เช่นกัน
“เทียนเสียง ยามว่างก็พยายามทำความสนิทสนมกับน้องหลิวหลีไว้ ถ้าเจ้าสามารถสู่ขอนางมาเป็นหลานสะใภ้ได้ก็จะยิ่งดี เลิกทำหน้าได้แล้ว ปู่ล้อเล่น จำคำของปู่ไว้ อีกหน่อยเจ้าจะต้องการความช่วยเหลือจากน้องสาวคนนี้อีกเยอะ” ประโยคสุดท้ายของหลงเหวินหยางพูดแฝงความนัยบางอย่างเอาไว้
ผลคือในวันถัดมา พวกหลงเทียนอี้ทั้งสามคนมารวมตัวกัน ผลสรุปที่ได้ก็คือ ผู้ใหญ่ในบ้านต่างสั่งให้ทำความสนิทสนมกับหลิวหลีไว้ จะให้ดีต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนางไว้
“ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมท่านพ่อถึงบังคับพวกเราเช่นนี้” หลงเทียนอี้กล่าว
“เป็นเพียงเพราะว่านางเป็นนักปรุงยาผู้ถูกเลือกงั้นหรอ” หลงเทียนเสียงเอ่ย
“ไม่น่าจะใช่ น่าจะมีอย่างอื่นแต่เราไม่รู้ บอกกับพวก 6 คนนั้นด้วย อย่าทำตัวไม่ดีกับน้องหลิวหลี” หลงเทียนหลิง[1]กล่าว ท่านย่าของนางเองก็ยังคับให้นางสานสัมพันธ์กับน้องหลิวหลีคนนี้เอาไว้เช่นกัน
[1] ในเรื่องนี้มีตัวละครชื่อหลงเทียนหลิง 2 คน คนหนึ่งเป็นผู้ชาย อีกคนเป็นผู้หญิง แต่คำว่า ‘หลิง’ ในชื่อจะใช้ตัวจีนคนละตัวกัน หลงเทียนหลิง (龙天灵) ที่เป็นผู้ชาย ใช้ตัว ‘หลิง (灵)’ ที่แปลว่า จิตวิญญาณ ส่วนหลงเทียนหลิง (龙天翎) ที่เป็นผู้หญิง ใช้ตัว หลิง (翎) ที่แปลว่าขนนก และเป็นชื่อของตอนนี้