บทที่ 37 รักษาอาจารย์ลู่
ด้วยลมปราณความร้อนในร่างกายที่ค่อยๆลดลง ลู่เมิ่งเหยาที่สติเลือนรางก็ค่อยๆกลับมามีสติ
เธอมองเห็นหลัวซิวที่ยืนอยู่ข้างเตียง ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเหยียดตัวลุกขึ้นมานั่ง
พบว่าเสื้อผ้าของตนยังเรียบร้อยดี เธอโล่งอก สิ่งที่กังวลที่สุดก็คือตอนที่ตนไม่ได้สติแล้วนักเรียนฉวยโอกาสลวนลามตน
“หลัวซิว ขอบคุณนายมาก” เธอพูดด้วยความอิดโรยพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ
“อาจารย์ลู่ไม่ต้องเกรงใจครับ นี่คือสิ่งที่ผมสมควรทำ” หลัวซิวพูด เห็นอาจารย์ลู่อ่อนแอไร้ที่พึ่งพิง เขาอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น:”เมื่อกี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับอาจารย์ลู่เหรอครับ?”
ลู่เมิ่งเหยามองหลัวซิว ถอนหายใจเบาๆ เธอรู้สภาพร่างกายของตนเป็นอย่างดี ถ้าไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เกรงว่าคงจะอยู่ไม่พ้นปีนี้แล้ว
เส้นลมปราณของเธอเป็นธาตุหยางไฟตั้งแต่กำเนิด ทุกเจ็ดวันจะต้องทุกข์ทรมานกับความร้อนที่แผดเผาหัวใจ แม้จะมียาคงจิต แต่อย่างมากก็มีชีวิตอยู่ได้แค่สองปีเท่านั้น ไม่ว่าช้าหรือเร็วก็ต้องตายอยู่ดี
แต่ว่าเธอเองก็สัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงของหลัวซิว ด้วยเหตุนี้จึงพูดขึ้น:”สมรรถภาพทางกายของฉันพิเศษตั้งแต่เกิด ดังนั้นทุกทุกไม่กี่วันจะมีอาการแบบนี้เกิดขึ้น”
“อาจารย์ลู่ ผมขอดูหน่อยได้ไหมครับ? บางทีผมอาจจะมีวิธี” หลัวซิวพูดขึ้นกะทันหัน
“นาย?” ลู่เมิ่งเหยาตกตะลึง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรภาพในหัวถึงฉายตอนที่หลัวซิวช้อนตัวตนขึ้น ใบหน้าของเธอฉายความเยือกเย็นทันที
“โรคที่ฉันเป็นนายรักษาไม่หาย ไม่ต้องช่วย” ลู่เมิ่งเหยาพูดด้วยเสียงเยือกเย็น
เธอรู้สึกว่าบางทีหลัวซิวอาจจะฉวยโอกาสนี้คิดไม่ซื่อกับตน
รู้สึกถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของลู่เมิ่งเหยา หลัวซิวจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายคิดอะไร อดไม่ได้ที่จะยิ้มเศร้า:”อาจารย์ลู่คงจะเข้าใจผมผิดไปแล้วครับ ถ้าผมจะฉวยโอกาสรังแกอาจารย์ ผมก็ทำได้ตั้งแต่อยู่ระหว่างทางแล้วครับ”
“พูดแบบนี้ นายมีความคิดแบบนี้เหรอ?” ลู่เมิ่งเหยาพูดเสียงเยือกเย็น
เมื่อได้ฟัง หลัวซิวกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที อาจารย์ลู่คนนี้หุ่นยั่วยวนมาก ผิวขาว ตนมีความคิดไม่ซื่อจริงๆ
เห็นหลัวซิวไม่พูด ลู่เมิ่งเหยายิ่งมั่นใจว่าเขามีความคิดไม่ซื่อกับตน สีหน้ายิ่งเยือกเย็น ตะคอกออกไป:”นายกลับไปได้แล้ว!”
หลัวซิวไม่รู้จะร้องไห้หรือยิ้มดี ตนหวังดีอยากจะรักษาโรคให้เธอ ไม่เพียงแต่ไม่ซึ้งในน้ำใจ แต่ยังถูกมองว่าเป็นคนลามก
แน่นอนว่าเขาไม่อยากทิ้งภาพคนลามกเอาไว้ในใจของอาจารย์ลู่ ด้วยเหตุนี้จึงพูด: “เส้นลมปราณหัวใจของอาจารย์ลู่น่าจะมีปัญหา ผมพูดถูกไหมครับ?”
ใบหน้าเยือกเย็นของลู่เมิ่งเหยา ชะงักทันที สีหน้าฉายความสงสัย “นายรู้ได้ยังไง?”
ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะสะลึมสะลือ แต่เธอมั่นใจว่าหลัวซิวไม่ได้ใช้ปราณในตรวจดูร่างกายของตน แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่าเส้นลมปราณหัวใจของตนมีปัญหา?
“ผมมีความรู้ด้านการแพทย์เล็กน้อย ตอนที่อาจารย์ลู่อาการกำเริบ ผมสังเกตเห็นลมปราณร้อนๆแผ่ออกมาจากเส้นลมปราณหัวใจ แล้วกระจายไปทั่วร่างกายครับ” หลัวซิวพูดด้วยความมั่นใจ
เขาดูผังลายเส้นชีวิตของอาจารย์ลู่คนนี้แล้ว ถึงแม้จะไม่ได้ดูอย่างละเอียด แต่มั่นใจว่าเส้นลมปราณหัวใจมีปัญหา
แน่นอน ถ้าหากมองอย่างละเอียดจะสามารถมั่นใจว่ามีปัญหาตรงไหน แต่ว่าการจ้องหน้าอกคนอื่น ถึงอย่างไรก็ไม่มีมารยาทเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เข้าใจผิดง่ายขึ้น
“ในเมื่อนายพอดูออกอยู่บ้าง หรือว่านายสามารถรักษาได้จริงๆ?” ลู่เมิ่งเหยาขมวดคิ้วเอ่ยถาม
เส้นลมปราณธาตุหยางไฟทำให้แม้แต่ปรมาจารย์โลกยุทธ์แดนฝึกจิตก็หมดหนทาง ถึงแม้เธอจะไม่เชื่อว่าหลัวซิวสามารถรักษาตนให้หายได้ แต่ว่าถึงอย่างไรภายในใจก็ยังคาดหวัง ถึงแม้ความคาดหวังนี้ จะไม่เป็นจริง
หลัวซิวพยักหน้า พูด:”ถึงแม้จะมั่นใจว่าอาการป่วยของอาจารย์ลู่อยู่ที่เส้นลมปราณหัวใจ แต่ว่าต้องตรวจดูอย่างละเอียด ถึงจะมั่นใจว่าผมสามารถรักษาอาจารย์ได้หรือไม่”
ความเป็นจริงหลัวซิวก็ไม่ได้มั่นใจเต็มร้อย ดังนั้นจึงไม่กล้าพูดด้วยความมั่นใจ
“ได้ นายตรวจดูให้ฉัน แต่ว่านายห้ามทำอะไรฉันเด็ดขาด” ลู่เมิ่งเหยาพูด
หลัวซิวหมดคำจะพูดในทันที แต่ว่าเขาก็สามารถเข้าใจความรู้สึกของอาจารย์ลู่ได้ ผู้หญิงที่สวยมีเสน่ห์อย่างอาจารย์ลู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายปกติคนไหน ก็ยากที่จะต้านทาน
เขาก้าวไปด้านหน้า นั่งลงบนเตียง การอยู่ใกล้กันแบบนี้ เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆบนตัวเธอทำให้หลัวซิวรู้สึกหัวใจเต้นแรงไม่น้อย
ยื่นมือออกไปจับชีพจรของลู่เมิ่งเหยาที่ข้อมือ หลัวซิวแสร้งทำเป็นจับชีพจร ปราณในเข้าสู่ร่างกายของเธอ ตามผังลายเส้นชีวิตมุ่งไปตรวจดูเส้นลมปราณหัวใจ
มีนักกลั่นยามากมายเคยจับชีพจรให้เธอ ลู่เมิ่งเหยาแค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าท่าทีของหลัวซิวไม่มืออาชีพ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเริ่มสงสัยในตัวเด็กคนนี้ว่ามีทักษะการแพทย์จริงๆไหม
สำหรับนักยุทธ์ไม่ว่าจะฝึกตนมีปัญหา หรือว่าต่อสู้ก็บาดเจ็บง่ายมาก ดังนั้นยอดฝีมือในโลกยุทธ์ล้วนมีทักษะการแพทย์เล็กน้อย โดยเฉพาะนักกลั่นยา ล้วนเป็นยอดฝีมือที่มีความรู้ด้านการแพทย์อย่างลึกซึ้ง
เส้นลมปราณธาตุหยางไฟทำให้แม้แต่ปรมาจารย์โลกยุทธ์แห่งแดนกลั่นร่างก็หมดหนทาง ทว่าหลัวซิวเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์กลั่นร่าง ลู่เมิ่งเหยารู้สึกว่าตนอาจจะป่วยหนักจนหาหมอพร่ำเพรื่อ มีอะไรให้คาดหวังได้กัน
เส้นลมปราณหัวใจคือประตูชีวิตของนักยุทธ์ อ่อนแอมาก ถ้ามีปัญหา ก็จะตายง่ายมาก
หลัวซิวจับจ้องไปยังหน้าอกข้างซ้ายของลู่เมิ่งเหยา ท่ามกลางการจดจ้อง ผังลายเส้นชีวิตสะท้อนอาการออกมาอย่างละเอียด
เห็นเส้นลมปราณหัวใจของลู่เมิ่งเหยา แตกต่างจากเส้นลมปราณส่วนอื่น มีเปลวไฟสีแดงปรากฏขึ้นมา เส้นลมปราณมีเพลิงไฟ ซึ่งเป็นพลังยิ่งใหญ่ที่พร้อมจะปะทุขึ้นมาทุกเมื่อ
บริเวณใกล้เคียงของเส้นลมปราณหัวใจ หลัวซิวสัมผัสได้ถึงลมปราณที่เยือกเย็น น่าจะเป็นเพราะยาธาตุเย็นที่เมื่อก่อนอาจารย์ลู่ใช้ เพื่อกดเปลวไฟในเส้นลมปราณหัวใจ
ถูกหลัวซิวจ้องมองหน้าอก ลู่เมิ่งเหยารู้สึกแปลกๆ ขณะที่เธอทนไม่ไหวกำลังจะตำหนิ จู่ๆหลัวซิวก็หลับตาลง คล้ายกำลังเข้าสู่ห้วงแห่งความคิด
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หลัวซิวลืมตาขึ้น พูด:”อาจารย์ลู่ครับ เส้นลมปราณหัวใจของอาจารย์ลู่มีเปลวไฟ ผมไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะรักษาอาจารย์ให้หายดี แต่ลองดูได้ครับ”
“นาย……” ลู่เมิ่งเหยาไม่เชื่อว่าผู้ฝึกยุทธ์กลั่นร่างจะสามารถรักษาตนได้ กำลังจะพูดอะไร จู่ๆก็สัมผัสถึงนิ้วมือสองสิ้วที่จับชีพจรของตน มีปราณในบริสุทธิ์เข้าไปในร่างกายของตน
“นี่คือ……” เธอสัมผัสได้ ปราณในนี้เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต ตอนที่ผ่านเส้นลมปราณและจุดฝังเข็ม ทำให้รู้สึกดีไปหมดทั้งร่างกาย
อย่างรวดเร็ว ปราณในที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิตเข้าสู่เส้นลมปราณหัวใจของเธอ สิ่งที่ทำให้ลู่เมิ่งเหยาตกใจยิ่งกว่าเดิมคือ เส้นลมปราณหัวใจที่ปกติมักจะทำให้เธอรู้สึกทรมาน กลับสบายอย่างมาก ทำให้เธอดไม่ได้ที่จะหลับตาลง อยากจะสัมผัสความผ่อนคลายที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ตั้งแต่เล็กจนโต
ที่เส้นลมปราณหัวใจของลู่เมิ่งเหยา หลัวซิวใช้ปราณในแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งชีวิต เข้าสู่ผังลายเส้นชีวิตของเธอ