บทที่ 74 ท้ารบ (4)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ดาบในมือลู่เซิ่งระเบิดออกเป็นชิ้นๆ ลอยออกไปสองฟาก หอกสะกดวิญญาณถูกพละกำลังและความเร็วอันมหาศาลกระแทกลอยสูงตกลงไปด้านข้าง

“ตายซะ!” ลู่เซิ่งเบิกตาตวาด สองฝ่ามือตบใส่ทรวงอกกงซุนจางหลานติดต่อกันเหมือนสายฟ้าแลบ

ตอนเริ่มต้นกงซุนจางหลานยังฝืนต้านได้บ้าง ตอนหลังพลังค่อยๆ ไม่เป็นไปดั่งที่คิด ไม่กี่ลมหายใจ ก็ไร้เรี่ยวแรงต่อต้านโดยสิ้นเชิง

ผัวะๆๆๆ!

ในเสียงกระแทกติดต่อกัน กงซุนจางหลานเบิกตาโพลง ถูกกระแทกถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ร่างกายสั่นเหมือนกับรู้สึกหนาว ปากกระอักเลือดออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

สีเลือดบนร่างเขาหายไปอย่างรวดเร็ว คนเหมือนกับตุ๊กตาพัง ถูกลู่เซิ่งกระแทกใส่เหมือนคล้ายคลั่งไปแล้ว

ย๊ากๆๆๆ!

ลู่เซิ่งตะโกนขึ้น บ้าคลั่งโดยสิ้นเชิง สองตาแดงฉาน สองฝ่ามือกระแทกใส่ระหว่างทรวงอกกับท้องของกงซุนจางหลานอย่างคลุ้มคลั่ง

หยดเลือดกระจายไปตามลม ค่อยๆ ย้อมพื้นรอบๆ ทั้งสองคนเป็นสีแดง

“พี่ใหญ่!” น้องสะใภ้ที่ยืนอยู่ด้านข้างร้องคร่ำครวญ รีบพุ่งเข้ามาหาลู่เซิ่ง

ฟางจือต้งตกตะลึง พริบตาหนึ่งพลันรีบโถมเข้ามา

ดวงตาของกงซุนจางหลานแตกซ่านแล้ว อวัยวะภายในถูกกระแทกจนแหลกราญ ถอยหลังออกไปติดต่อกัน

เปรี้ยง!

อีกฝ่ามือหนึ่งโจมตีใส่ กงซุนจางหลานถูกกระแทกจนกระเด็น ตกลงไปในแม่น้ำด้านหลัง

ลู่เซิ่งใบหน้าดุร้าย กำลังภายในทั่วร่างเข้าสู่สองฝ่ามือ ปราณแดงฉานผสมวิชาโลหิตพิฆาตบวกกับวิชาหยินหยางกระเรียนหยก กระแทกใส่ตำแหน่งผิวน้ำที่กงซุนจางหลานตกลงไป

“ตาย!”

ตูม!”

สายน้ำสูงหลายหมี่ระเบิดขึ้นมา หยดน้ำนับไม่ถ้วนกระจายออก

ผิวน้ำของแม่น้ำไม้สนค่อยๆ มีสีเลือดกระจายออกมา

ไม่มีคนคิดออกว่าการเปลี่ยนแปลงจะมาเร็วขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ยังเป็นกงซุนจางหลานได้เปรียบ พริบตาเดียวชัยชนะก็ถูกตัดสิน

“พี่ใหญ่!” จางฮุ่ยซูน้องสะใภ้น้ำตานองหน้า พุ่งไปถึงในแม่น้ำ ไม่สนใจน้ำที่ท่วมเข่า พยายามยกคนขึ้นมา

ฟางจือต้งติดตามอยู่ด้านหลัง ตอนเห็นกงซุนจางหลานก็ถอนใจส่ายหน้าน้อยๆ

“คนไม่ไหวแล้ว” เขามองลู่เซิ่ง ร่างกายที่ขยายใหญ่ของคนผู้นี้เป็นการผสานแรงกับความงาม มองแวบเดียวก็เกิดความกลัวเกรง

“สุดท้ายก็เลือกคู่ต่อสู้ผิด…” ฟางจือต้งไม่มีความคิดแก้แค้นให้กงซุนจางหลาน ยังไม่เอ่ยถึงว่าเขาล้มลู่เซิ่งได้หรือไม่ ในกลียุคนี้เขาไม่ใช่อยู่ตัวคนเดียว เบื้องหลังมีครอบครัว ภรรยาและบุตรีจำเป็นต้องให้เขาช่วยเหลือ สามารถขวางประมุขพรรคหงหมิงจือในการต่อสู้ครั้งนี้ได้ น้ำใจนี้ก็ล้ำลึกพอแล้ว

ปราณภายในลู่เซิ่งถูกใช้ไปมากในการออกฝ่ามืออย่างคลุ้มคลั่งติดต่อกันเป็นครั้งสุดท้าย แต่ว่าเวลานี้ความสามารถฟื้นปราณอันแข็งแกร่งของวิชาหยินหยางกระเรียนหยกแสดงผล เพียงแค่เจ็ดแปดลมหายใจ ก็ฟื้นปราณภายในได้ราวครึ่งหนึ่ง

“เป็นไร อยากลงมือกับข้าหรื?” เห็นทั้งสองคนมองมาที่เขา ลู่เซิ่งฉีกยิ้ม

“ท่านชนะแล้ว” ฟางจือต้งสีหน้าไร้อารมณ์ ทราบว่าตัวเองไม่อาจบุ่มบ่าม เกิดลงมือแล้วเกิดเรื่อง ที่โดนด้วยไม่ใช่แค่ตัวเอง แม้แต่คนอื่นๆ ในตระกูลกงซุนก็ไม่รอด

ความโหดเหี้ยมของการต่อสู้ภายในค่ายพรรค คนภายนอกไม่อาจจินตนาการได้ ต่อให้ประมุขพรรคหงหมิงจือไม่สืบสาว คนในสังกัดของเขายังมีคู่แค้นที่ตระกูลกงซุนเคยล่วงเกิน ไม่มีทางละเว้นพวกเขา

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” จางฮุ่ยซูตาแดงก่ำคิดลุกขึ้นพุ่งเข้าใส่ลู่เซิ่ง กลับถูกฟางจือต้งฟันฝ่ามือใส่ท้ายทอย สลบไสลไป

“เป็นศึกที่ยุติธรรม ขอให้ผู้จัดการภารกิจภายนอกลู่ยั้งมือไว้ไมตรี ข้าฟางจือต้งรับประกัน ตระกูลกงซุนจะไม่แก้แค้นท่าน” ฟางจือต้งประสานมือพูดกับลู่เซิ่ง

“เฮ้อ…” ยามนี้พวกเฒ่าหวังขึ้นฝั่งแล้ว เห็นกงซุนจางหลานที่นอนตายตาไม่หลับอยู่ในน้ำ จิตใจพลันซับซ้อน

รองประมุขพรรควาฬแดงที่เคยบุกตะลุยในแดนเหนือมายี่สิบกว่าปี ถึงกับตายอย่างเหนือความคาดหมายง่ายๆ ในการต่อสู้ตัดสินเป็นตาย

นี่เป็นผลลัพธ์ที่ใครก็คาดไม่ถึง

เดิมหงหมิงจือคิดว่าลู่เซิ่งจะพ่ายแพ้ แต่ไม่ถึงกับตาย ขอแค่เขาลงมือช่วยเหลือ ปัญหาสมควรไม่ใหญ่ น่าเสียดาย…

“รับประกันหรือ” ลู่เซิ่งร่างกายค่อยๆ กลับเป็นปกติ มองศพของกงซุนจางหลานในน้ำ แสดงสีหน้าเยาะเย้ย “ท่านนับเป็นตัวอะไ? ข้าจะปล่อยตระกูลกงซุนหรือไม่ เกี่ยวข้องอะไรกับท่าน”

“ศิษย์น้อง ตอบรับเขาก็ไม่เป็นไร กงซุนจิ้ง เหลือแค่กงซุนจิ้งเพียงคนเดียวแล้ว…” ประมุขพรรคผู้เฒ่าหงหมิงจือถอนใจกล่าว “บุตรบุญธรรมอันใดล้วนไม่มี กงซุนจางหลานไม่มีความสามารถให้กำเนิด บิดามารดาด่วนจากไป คนคนเดียวทุ่มเทจนแข็งแกร่งขึ้น อุตส่าห์เจอน้องชายของตนเอง

“หลายปีก่อนน้องชายเขาป่วยตาย เหลือแค่กงซุนจิ้งกับน้องสะใภ้ของเขา ตอนนี้กงซุนจิ้งเองก็…”

ลู่เซิ่งค่อยเข้าใจสถานการณ์ของตระกูลกงซุน คาดว่าเป็นกงซุนจางหลานประคับประคองครอบครัวเพียงคนเดียว

เห็นฟางจือต้งไม่โกรธ ยังคงมองตนอย่างจริงใจ ก็พลันหมดความสนใจ ถอนใจคำหนึ่ง

“ในเมื่อศิษย์พี่เอ่ยปาก ข้าตอบรับจะไม่สร้างความยุ่งยากแก่ตระกูลกงซุน” ถึงอย่างไรก็เหลือแค่จางฮุ่ยซูคนเดียว คู่แค้นของกงซุนจางหลานมีอยู่ทุกที่ ไม่ต้องให้เขาลงมือ แค่ปล่อยข่าวย่อมมียอดฝีมือไม่น้อยกลับมาทวงแค้น

“ขอบคุณท่านมาก” ฟางจือต้งได้รับการรับรอง ก็โอบคนด้วยมือเดียว วิ่งไปยังที่ไกลด้วยความเร็วสูง ไม่ทันไรก็หายไปในป่าเขา

อีกฝ่ายจากไปแล้ว ลู่เซิ่งโคจรปราณภายในร่างด้วยความเร็วสูง วิชาหยินหยางกระเรียนหยกรวมตัวที่อาการบาดเจ็บตรงเอวอย่างรวดเร็ว ยังมีอาการบาดเจ็บภายในที่ได้รับในตอนแรก กระตุ้นร่างกายให้เร่งการฟื้นฟู วิชาพิษของหอกสะกดวิญญาณก็ถูกวิชาหยินหยางกระเรียนหยกสะกดไว้ในบริเวณเล็กๆ ที่ส่วนเอว

“ศิษย์พี่ ข้าขอยืมดาบ” ลู่เซิ่งยืมดาบจากหงหมิงจือ ตัดเนื้อส่วนหนึ่งจากตรงเอวออก

เนื้อก้อนนี้กลายเป็นสีดำ ส่งกลิ่นเหม็นจางๆ แสดงว่าโดนวิชาพิษของหอกสะกดวิญญาณ เลือดผนึกตัวเป็นก้อนอุดตันหลอดเลือดไว้

“ศิษย์น้อง ศึกนี้ทำให้ศิษย์พี่ได้เปิดโลกทัศน์จริงๆ เจ้ากับกงซุนจางหลานต่างแสดงไม้ตายติดต่อกัน คิดไม่ถึงสุดท้ายยังเป็นเขาถูกเจ้าสังหาร” หงหมิงจือกล่าวอย่างสะท้อนใจ

ลู่เซิ่งกลับยิ้ม เป็นการตัดสินซึ่งหน้า ความจริงเขาสู้กงซุนจางหลานไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะปราณภายในของเขายิ่งใหญ่เกินไป การฟื้นปราณแข็งแกร่งเกินไป สู้ถึงตอนท้าย กงซุนจางหลานจะถูกเขาลากถ่วงจนปราณภายในหมด ศึกนี้ไม่แน่ว่าจะชนะจริงๆ อย่างมากก็บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย หนำซ้ำน่าจะเป็นเขาที่บาดเจ็บหนักกว่า

“อยากรู้มานานแล้วว่าเข่นฆ่ากับคนสุดกำลังเป็นความรู้สึกเป็นอย่างไร ครั้งนี้ในที่สุดก็สมใจ” ลู่เซิ่งแสดงสีหน้าเบิกบาน โยนเนื้อในมือไปในแม่น้ำ ใช้มืออุดปากแผลตรงเอว

วิชาลมปราณแดงฉานเคลื่อนปราณด้วยความเร็วสูง ฝามือกลายเป็นร้อนเหลือคณา ครู่เดียวก็หยุดเลือดที่เอวได้

“กลับไปก่อนเถอะ ข้าต้องฟื้นฟูลมปราณ”

“ในเมื่อศิษย์น้องได้ชัย ตำแหน่งรองประมุขพรรคก็ให้เจ้าเป็นไปเลย อีกเดี๋ยวข้าจะส่งคนช่วยเจ้าจัดการภารกิจยุ่งยาก เจ้าเพียงแต่จัดการเรื่องใหญ่สำคัญๆ ก็พอ เป็นอย่างไร” หงหมิงจือเสนอ

เฒ่าหวังที่อยู่ด้านข้าง ตอนนี้ยังไม่ได้สติกลับมาจากความตื่นตระหนกของชัยชนะ ยามนี้ได้ยินว่าจะให้ลู่เซิ่งเป็นรองประมุขพรรค พลันโบกมือติดต่อกัน

“ท่านประมุขอย่าได้ทำร้ายน้องลู่ เรื่องที่รองประมุขพรรคต้องจัดการมีมากเกินไป หน่วงเหนี่ยวการฝึกฝนวรยุทธ์สาหัส รอวิชาของเขามีผลสำเร็จค่อยมอบให้จึงจะเหมาะสม”

“ที่พูดก็ถูก ข้าใคร่ครวญไม่ถี่ถ้วนเอง” หงหมิงจือพลันกระจ่าง “ยังคงกลับไปก่อนค่อยว่ากันเถอะ”

ลู่เซิ่งพยักหน้า “แต่ก่อนกลับไป ข้าขอไปทักทายสหายคนหนึ่งก่อน การมาในครั้งนี้เป็นนางให้ข้าโดยสารเรือระยะหนึ่ง”

ไม่รอให้ทั้งสองคนทำความเข้าใจ ลู่เซิ่งก็สาวเท้าไปยังเรือท่องเที่ยว

ตอนนี้เรือท่องเที่ยวเทียบฝั่งแล้ว เป็นเพราะชนหินโสโครกจึงกำลังซ่อมแซม

พวกเหล่าคุณชายคุณหนูบนเรือก่อนหน้านี้ยังชมความครึกครื้นอยู่ ตอนนี้เห็นลู่เซิ่งมาทางนี้ พลันตกใจหน้าถอดสี พากันไปซ่อนในท้องเรือไม่ยอมออกมา

บนดาดฟ้าเรือพริบตาเดียวเหลือแค่เปียนซู่กับอาไท่ที่อยู่ข้างกายนาง ที่ยังมีความกล้าอยู่

“คุณชาย!” นิ่งซานรีบเข้ามาคารวะ

“รอก่อน ข้ามีธุระเล็กน้อย” ลู่เซิ่งกล่าว เดินมาถึงตรงหน้าพวกเปียนซู่

ถึงตอนนี้พวกเขายังงงๆ อยู่ ตื่นตระหนกเพราะการขยายร่างครั้งสุดท้ายของลู่เซิ่ง

สภาวะและอานุภาพระดับนั้น รวมถึงการยกระดับของความเร็วและพละกำลังตั้งแต่เริ่มจนจบทำให้คนทั้งสองเกิดความรู้สึกหวาดกลัวต่อลู่เซิ่ง

ลู่เซิ่งยิ้มเผยฟันให้คนทั้งสอง

“เห็นแก่ที่ท่านให้ข้าโดยสารมาระยะหนึ่ง คุณชายเปียนถ้ามีเรื่องราวมาหาข้าได้ที่ห้องเพาะดอกไม้หยกทอง แดนเหนือแห่งนี้อย่างไรข้าผู้แซ่ลู่ก็นับเป็นคนท้องถิ่น มีเรื่องราวสมควรช่วยได้”

เปียนซู่พลันสั่นเทา นึกถึงกงซุนจางหลานที่ถูกเขาทำร้ายจนตายก่อนหน้า

คนโหดเหี้ยมผู้นี้ก่อนหน้านี้ยังตะโกนฆ่าคน ตอนนี้กลับมีบุคลิกเป็นมิตร เมื่อครู่คนผู้นั้นบนฝั่งเรียกเขาว่าอะไรนะ คุณชาย

เปียนซู่แอบมองหัวล้านเลี่ยนของลู่เซิ่ง ยังมีกล้ามเนื้อบนตัว ที่กำยำจนต่อยโคตัวหนึ่งตายได้ นี่มันเหมือนคุณชายตรงไหน?! นางตะโกนในใจ เปลือกนอกยังคงตอบรับอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

“คุณชาย… เกรงใจแล้ว…”

“ไม่ต้องเกรงใจๆ ” ลู่เซิ่งกลับฉงนยิ่ง คุณชายเปียนผู้นี้มีสมบัติแบบใดบนตัวกันแน่ ถึงทำให้คนจำนวนมากขนาดนี้เข้าหานาง

“ไม่อย่างนั้นข้าช่วยท่านกำจัดสวะน่ารำคาญเหล่านั้น” เขาชี้ไปที่ท้องเรือ

“เอ่อ… ไม่ต้องแล้ว… ไม่รบกวนคุณชาย…” เปียนซู่รีบตอบ

อาไท่ที่อยู่ด้านข้างดึงชายเสื้อนาง

“คุณชายลู่คิดว่าท่านคงมองออกคร่าวๆ แล้วว่า สถานการณ์ในตอนนี้ของคุณหนูไม่ดีนัก ถ้ามีเรื่องอาจต้องให้ท่านช่วยเหลือสงเคราะห์จริงๆ แน่นอนว่าไม่ใช่ช่วยเหลือเปล่าๆ เงินทองที่ควรตอบแทนพวกเราล้วนทราบ” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม

“อือ…” ลู่เซิ่งพยักหน้าอย่างพอใจ ชายชราผู้นี้คุยรู้เรื่อง เขาแค่นั่งเรือของนาง ย่อมไม่ต้องการลงมือช่วยเหลือจริงๆ

เป้าหมายที่แท้จริงย่อมเพราะความสนใจ บวกกับดูว่าจะหาประโยชน์จากแม่นางน้อยผู้นี้ได้ไหม

ก่อนหน้านี้เขาได้ยินเรื่องราวส่วนหนึ่งจากสวะเหล่านั้นว่า บนตัวคุณหนูเปียนซู่ผู้นี้สมควรมีสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตน

“ในเมืองเลียบคีรีไม่ว่าบ่อนพนันที่มีคำว่าทองตรงไหน แจ้งชื่อของข้าจะมีคนต้อนรับพวกท่าน นิ่งซาน เจ้าอยู่ดูแลพวกเขาดีๆ ข้าล่วงหน้าไปก่อน” ลู่เซิ่งกำชับ

“ขอรับ ลูกพี่” นิ่งซานรีบเอ่ยอย่างเคารพ เห็นลู่เซิ่งฆ่ากงซุนจางหลานเหมือนบ้าคลั่ง ความเลื่อมใสที่เขามีต่อลูกพี่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมขั้นหนึ่ง แต่ว่าเขาเปลี่ยนคำเรียกเป็นลูกพี่ไม่ใช่คุณชายโดยไม่รู้ตัวอีกแล้ว

“บอกกี่รอบแล้วให้เรียกข้าว่าคุณชาย!” ลู่เซิ่งพลันไม่พอใจแล้ว

“ขอรับๆ … คุณชาย…” หน้าผากนิ่งซานมีเหงื่อไหลเล็กน้อย

พวกเปียนซู่ที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าประหลาดใจ อยากขำแต่อย่างไรก็ไม่กล้าขำ

ลู่เซิ่งคร้านจะสนใจพวกเขา ลงเรือไปหาพวกประมุขพรรคผู้เฒ่าแล้ว

………………………………………….