เล่ม 1 ตอนที่ 78 นายน้อยรูปผู้งามอ่อนโยน

ราชินีพลิกสวรรค์

“ท่านอาจารย์หนานกล่าวเช่นนี้ ไม่เกินจริงไปหน่อยหรือ” มู่หว่านโหรวไม่ได้เห็นกับตา เพียงแค่ได้ยินหนานอู๋เฮิ่นวิพากษ์วิจารณ์เข้าก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วจึงอดถามเสียมิได้

 

 

อย่างไรเสียคนที่นางจับตาดูคือไป๋หลี่เฟิ่ง ส่วนเจียงหลีก็เป็นเพียงแค่นางทาสของลู่เจี้ยเท่านั้น

 

 

หนานอู๋เฮิ่นยิ้มเล็กน้อยมิได้ต่อล้อต่อเถียงนางแต่อย่างใด เพียงถามแค่ว่า “องค์หญิง นี่เป็นเพียงความคิดเห็นของข้าเอง โปรดอย่าได้จริงจังไปเลย”

 

 

เมื่อกล่าวจบเขาก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะลั่นราวกับว่าอารมณ์ดีเสียเต็มประดา

 

 

หนานอู๋เฮิ่นหัวเราะอย่างมีความสุข แต่อู๋เชียนกลับมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แววตามู่หว่านโหรวเปลี่ยนไป คิ้วขมวดมองเขาที่หัวเราะเสียยกใหญ่อย่างครุ่นคิด

 

 

ในกลุ่มคน ไป๋หลี่เฟิ่งเอาแต่มองที่ประตูจวนตระกูลลู่ บรรยากาศวังเวงเช่นนั้นยังคงอบอวลอยู่รอบกาย

 

 

เขาไม่สนใจว่าคนอื่นจะพูดอะไร เพียงแค่สนใจเล็กน้อยว่าถ้าเจียงหลีสามารถฆ่าหลิงเจี้ยงได้ถึงสามคน เขาอยากสู้กับนางสักตั้งจริงๆ!

 

 

เสียดายที่วันนี้น่าจะไม่มีโอกาสเสียแล้ว

 

 

ไป๋หลี่เฟิ่งเม้มปาก เขาละสายตาก่อนจะหันหลังมุ่งหน้าออกไป

 

 

เมื่อเขาขยับจึงเรียกจุดสนใจของมู่หว่านโหรว เฮ่อเหลียนเฟิงรีบถาม “ไป๋หลี่เฟิ่ง เจ้าจะไปไหน”

 

 

ไป๋หลี่เฟิ่งหยุดเดิน “งานประลองชิงเจียวไม่จำเป็นต้องประลองกันอีกต่อไปแล้วเหตุใดข้าน้อยจำจะต้องอยู่ต่อ”

 

 

เหิมเกริมยิ่งนัก!

 

 

คนโดยรอบต่างก็รู้สึกเช่นนั้นด้วย

 

 

เฮ่อเหลียนเฟิงยิ่งโมโห เดิมทีเข้าร่วมงานประลองชิงเจียวได้เป็นอย่างดี เห็นๆ กันอยู่ว่าไป๋หลี่เฟิ่งออกไปวิ่งเล่นดูความคึกคักในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ไฉนตอนนี้เขากลับพูดจาเยี่ยงนี้

 

 

แต่เพราะเห็นแก่หน้าของมู่หว่านโหรวหรอกนะ เฮ่อเหลียนเฟิงเองก็ไม่อยากจะตำหนิเขาต่อหน้านาง

 

 

“ไป๋หลี่เฟิ่ง เจ้าจะกลับไปที่สถาบันไป๋หยวนของเราหรือไม่” ขณะนี้จู่ๆ อู๋หนานเฮิ่นก็ถามขึ้น

 

 

คำถามนี้ของเขาทำเอาแววตาของมู่หว่านโหรววูบไหว รอคอยทางเลือกของไป๋หลี่เฟิ่ง

 

 

สายตาเฉียบคมของไป๋เฟิ่งหลี่เหลือบมองไปทางเขา

 

 

อู๋หนานเฮิ่นไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านี้ เขาหยิบป้ายออกมาแล้วโยนให้ไป๋หลี่เฟิ่งก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าอยากไป หลังจากนี้หนึ่งเดือนเจ้าชูป้ายนี้รายงานตัวให้สถาบันไป๋หยวนที่เมืองซั่งตูซะ”

 

 

ไป๋หลี่เฟิ่งเอื้อมมือรับแต่ไม่ได้พยักหน้าตอบกลับหรือส่ายหน้าปฏิเสธจากนั้นก็หันหลังก้าวออกไป

 

 

การกระทำเช่นนี้ของเขาทำให้มู่หว่านโหรวไม่เข้าใจนัก สุดท้ายเขาก็เลือกสถาบันไป๋หยวนอยู่ดี ตอนแรกเขาอยู่เมืองซั่งตูก็หันหลังให้กับสำนักหลิงอู่ จนตอนนี้เขาพึ่งพากำลังของตัวเองแล้วเข้าสถาบันไป๋หยวน

 

 

มุมปากของมู่หว่านโหรวมีรอยยิ้มเจือจางจนแทบมองไม่เห็น จากนั้นรีบชักสีหน้ากลับมาเป็นคนเย็นชาดั่งภูเขาน้ำแข็งเช่นเดิม

 

 

นางมองไปยังประตูใหญ่ของจวนตระกูลลู่ แววตาแปรผันจนไม่รู้แน่ชัดว่าอยากสื่อความหมายอะไร

 

 

“ท่านเจ้าเมือง เมื่อครู่ตระกูลลู่ได้พากำลังพลและกำลังม้าบุกตระกูลเย่ว์ขอรับ” ทันใดนั้นอู่เชียนกล่าวเตือนเฮ่อเหลียนเฟิง

 

 

“อะไรนะ!” เฮ่อเหลียนเฟิงตกตะลึงคิดไปถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น ใบหน้าของเขาถอดสีแล้วจึงเร่งรีบพาคนในจวนของเจ้าเมืองมุ่งหน้าไปยังตระกูลเย่ว์ทันที

 

 

ล้อข้าเล่นหรืออย่างไรกัน หากตระกูลลู่และตระกูลเย่ว์สู้กันขึ้นมาจริงๆ เรื่องก็จะยิ่งบานปลายไปกันใหญ่ เขาในฐานะเจ้าเมืองจะทำเยี่ยงไรดี

 

 

ภายในเมืองซูหนานกำลังจะเกิดวิกฤต การกระทำของตระกูลลู่ทำให้คนหนักใจนับครั้งไม่ถ้วน

 

 

ในขณะเดียวกัน ภายในจวนตระกูลลู่ เจียงหลีได้รับการปรนนิบัติพัดวีอย่างสุขสบาย อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดเอี่ยม ตลอดจนลู่เจี้ยก็ให้คนนำยามารักษา อีกทั้งยังมีข้าวปลาอาหารอีกมากมายหลายอย่าง

 

 

เมื่อเจียงหลีกินอิ่มหนำสำราญเรียบร้อยแล้ว ก็มีคนเข้ามาเชิญนาง

 

 

เจียงหลีตามออกมา แต่กลับถูกพาไปยังรถม้าเรียบง่ายคันหนึ่ง กระนั้นก็ยังเห็นถึงความหรูหราได้จากด้านในของรถม้า นางเจอลู่เจี้ยอีกครั้ง

 

 

นายน้อยรูปงามขณะนี้กำลังนั่งด้วยท่าทางสบาย ภายในเกี้ยวมีกลิ่นหอมอบอวลชวนหลงใหล

 

 

เจียงหลีอึ้งไปชั่วขณะ สายตาเผลอมองร่างกายของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ อดไม่ได้ลอบกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก

 

 

“หลีเอ๋อร์ เจ้าหิวแล้วหรือ” ลู่เจี้ยมองสีหน้าของนางก็หยอกล้ออย่างมีอารมณ์ขัน

 

 

เจียงหลีถอนสายตากลับมาแล้วเดินเข้าไปใกล้ลู่เจี้ย “คนรูปงามอยู่ตรงหน้า ข้าอดใจไม่ไหว”

 

 

“คิดไม่ถึงว่าเป็นเด็กเป็นเล็กอย่างหลีเอ๋อร์จะเชี่ยวชาญเรื่องความงามเช่นนี้” ดวงตาเป็นประกายดั่งแก้วใสของลู่เจี้ยเผยให้เห็นถึงความเนือยและเย้ยหยัน

 

 

ดูเหมือนว่าเขาจะชอบเห็นนางตอนหลงเสน่ห์ และพอใจมากที่นางชอบรูปร่างหน้าตาของตน

 

 

“ชมชอบสิ่งสวยงามเป็นเรื่องธรรมดา” เจียงหลีพูดกับเขา เมื่อนั่งในรถม้าแล้วจึงเอ่ยถามขึ้น “นายน้อยจะพาข้าไปที่ไหน”

 

 

“ตระกูลเย่ว์” ลู่เจี้ยเอ่ยตอบ

 

 

แววตาเย็นชาของเจียงหลี จู่ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นเฉียบคม

 

 

ลู่เสี้ยมองสายตาที่เปลี่ยนไปของนางจึงค่อยๆ กล่าวออกมา “ตอนแรกคิดว่าหลีเอ๋อร์ลำบากมากแล้วอยากให้พักผ่อนในจวนดีๆ แต่ว่าให้ข้าเดา หลีเอ๋อร์คงไม่อยากพลาดโอกาสเช่นนี้ ฉะนั้นแล้วข้าจึงต้องเป็นผู้นำ”

 

 

เจียงหลียิ้มและพยักหน้าให้ลู่เจี้ย “เป็นผู้นำนี้ ช่างชนะใจข้าเสียจริง”

 

 

“หลีเอ๋อร์ทนได้หรือไม่” ลู่เจี้ยถามยิ้มๆ

 

 

เจียงหลีเหลือบตา ยิ้มตาหยีเหมือนแมวน้อยผู้หิวโหย ค่อยเขยิบเข้าใกล้ลู่เจี้ย “ที่จริงถ้าอยากให้ข้าอาการดีขึ้นง่ายเพียงนิดเดียว ขอแค่ให้ข้าได้เข้าใกล้ท่านอีกนิดก็พอแล้ว”

 

 

เมื่อพูดจบ นางสูดหายใจเข้าลึกๆ ราวกลับว่าต้องการดูดพลังมหัศจรรย์ภายในร่างกายของลู่เจี้ย เมื่อดูดซับแล้วสามารถรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสของตนเองได้

 

 

เมื่อเห็นท่าทางออดอ้อนร้องขอเยี่ยงนี้ของนาง สายตาลู่เจี้ยจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

 

เขาควรปฏิเสธคำขอที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ของนาง กลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะกางแขนออกปล่อยอ้อมกอดของตน “เข้ามา”

 

 

คำพูดสั้นๆ เพียงสองคำทำให้ดวงตาของเจียงหลีเปล่งประกาย

 

 

นางรีบโถมตัวเข้าสู่อ้อมกอดของลู่เจี้ย อ้อมกอดของเขากว้างใหญ่หาตำแหน่งที่สบายหน่อยขดตัวเข้ากอด “อ้อมกอดของคนรูปงามสบายยิ่งนัก ช่างอ่อนโยนจริงๆ” ราชินีสีหน้าระรื่น ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของนายน้อยรูปงาม เผยให้เห็นรอยยิ้มพอใจ

 

 

อันที่จริงตอนลู่เจี้ยไม่ได้ป่วย พลังมหัศจรรย์นั้นของเขาอ่อนมาก สำหรับนางแล้วคงไม่พอใช้

 

 

แต่เมื่อหลายครั้งผ่านไป นางก็ดูเหมือนจะเคยชินกับกลิ่นอายบนร่างของลู่เจี้ยไปเสียแล้ว ถูกความอบอุ่นของเขาโอบกอดเอาไว้ทำให้นางรู้สึกปลอดภัย

 

 

เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้มิได้อ่อนแอเสียหน่อย!

 

 

ในอ้อมกอดกว้างมีหญิงสาวชุดดำขดตัวเหมือนแมว ลู่เจี้ยกระชับอ้อมกอดปล่อยให้นางซ่อนตัวในอ้อมแขนตนเองตามอำเภอใจ

 

 

การปล่อยตัวปล่อยใจนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ความตั้งใจเดิมของเขา

 

 

ในดวงตาที่สวยงามของลู่เจี้ยมีบางอย่างเปลี่ยนไป รอยยิ้มที่มุมปากเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการทำให้คนทั้งโลกสับสน แต่คราวนี้เขากลับจริงใจ

 

 

“หลีเอ๋อร์ เจ้าใช้อาวุธอะไรฆ่าหลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์สามคนนั้นหรือ” ราวกับว่ากำลังพยายามปรับสภาพหัวใจที่กำลังว้าวุ่น ลู่เจี้ยถามอย่างกะทันหัน

 

 

เจียงหลีที่กำลังหลับตาซึมซับความอ่อนโยนอย่างสบายอุรา เมื่อได้ยินคำพูดจึงลืมตาขึ้นกระตุกมุมปากแล้วเอ่ยตอบ “มาจากโลกใบนั้นของข้า สหายคนสนิทของข้าสร้างมันขึ้นมาให้ข้าเองกับมือ”

 

 

หลังจากพูดแล้วนางก็ยกคางแหลมขึ้นมองไปที่ใบหน้าของลู่เจี้ยจากล่างขึ้นบน มุมดังกล่าวยังคงสวยงามอย่างไม่อาจบรรยายได้ เจียงหลีรู้สึกอิจฉาหมั่นไส้เขาในใจ “ทำไม เจ้าอยากได้หรือ”

 

 

ความหมายล่อลวงที่ชัดเจนเยี่ยงนี้ทำให้ลู่เจี้ยยกยิ้ม นิ้วเรียวของเขาปัดแก้มของเจียงหลีและปลายนิ้วก็ลูบไล้ไปทั่วผิวเนียนละเอียดของนางทำให้เกิดอาการชาวูบ…