บทที่ 93 กลยุทธ์เชิงรุกของต้วนปัว

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

ตอนกลางวันมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเรียกให้เฉินชางไปที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสอง

สือน่าเป็นเวรช่วงเช้าวันอาทิตย์ วันนี้ตอนตรวจผู้ป่วย อยู่ๆ ก็พบว่าแผนกฉุกเฉินมีผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดถุงน้ำดีทั้งหมดยี่สิบกว่าคนแล้ว มีผู้ป่วยที่เน้นข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดไว้ชัดเจนว่ารอนานไม่ได้อยู่หลายคน

คราวนี้สือน่าอึ้งไปแล้ว!

สถานการณ์ของแผนกฉุกเฉินเป็นอย่างไร เธอเข้าใจกว่าคนอื่น

จะอนุญาตให้ผู้ป่วยมาผ่าตัดถุงน้ำดีมากขนาดนี้ได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเตียงผู้ป่วยไม่พอเลย ปกติการผ่าตัดถุงน้ำดีเหล่านี้ ถ้าใช้การส่องกล้อง อย่างเร็ววันต่อไปก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่คุณต้องคิดถึงปัญหาอื่นด้วย!

นั่นก็คือ ใครจะเป็นคนผ่าตัด?

ในแผนกฉุกเฉิน คนที่ผ่าตัดถุงน้ำดีได้มีใครบ้าง?

ในความคิดของสือน่ามีแค่เหล่าเฉินคนเดียวเท่านั้น!

เหล่าเฉินคนเดียวจะรับไหวหรือ?

สี่สิบกว่าคน ต่อให้เหล่าเฉินเป็นคนเหล็กก็ยังต้องพักผ่อน!

อีกอย่าง การผ่าตัดถุงน้ำดีเคสหนึ่งก็ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองชั่วโมง ต่อให้ไม่พักผ่อนก็ทำไม่ทัน หากยืดเยื้อเวลานานไป เกิดพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการรักษาไปจนทำให้เกิดปัญหาเรื้อรัง ความรับผิดชอบนี้ใครจะเป็นคนรับ!

เมื่อคิดถึงตรงนี้สือน่าก็รู้สึกร้อนใจ

เพิ่งจะมีห้องผ่าตัดได้ไม่เท่าไหร่ จะรับงานใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร

ยังดีที่รู้ตัวเร็ว มิฉะนั้นหากรอจนถึงวันจันทร์แล้วเกิดเรื่องขึ้นมา ความรับผิดชอบคงหนักกว่านี้มาก

เมื่อถามพยาบาลจึงรู้ว่าเมื่อวานเฉินชางเป็นคนรับผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดถุงน้ำดีเข้ามาหลายคน

ดังนั้นสือน่าจึงโทรเข้าเบอร์มือถือของเฉินชางโดยตรง บอกให้เขามาที่แผนกฉุกเฉิน

เฉินชางคิดว่าเกิดเรื่องอะไร วิ่งหอบหายใจเข้ามา ถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนกว่า “อาจารย์สือ เกิดอะไรขึ้นหรือครับ!”

สือน่านั่งอยู่ในห้องทำงาน มองไปที่เฉินชาง “คุณเป็นคนรับผู้ป่วยเมื่อวานเข้ามาหรือ?”

เฉินชางชะงักไป “ผู้ป่วยอะไรครับ?”

สือน่าหยิบแบบฟอร์มลงทะเบียนผู้ป่วยขึ้นมา “คุณดูสิ ผู้ป่วยพวกนี้คุณเป็นคนรับมาใช่หรือเปล่า!”

เฉินชางรับมาอ่าน ไม่ทันไรก็ต้องขมวดคิ้ว “ทำไมมันเยอะขนาดนี้ล่ะครับ?”

“เมื่อวานผมรับผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดถุงน้ำดีมาทั้งหมดหกคน รวมกับที่มีอยู่ก่อนแล้ว ทั้งหมดก็เพิ่งจะสิบกว่าคนเอง? แต่…ทำไมในแบบฟอร์มถึงมีเกือบสามสิบเลยล่ะครับ!”

จู่ๆ เฉินชางก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง

ถ้าหากมีผู้ป่วยสิบกว่าคน จัดให้มีการผ่าตัดวันละแปดเคส สองวันก็เสร็จ

แต่ตอนนี้ล่ะ?

ผู้ป่วยเกือบสามสิบคน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผ่าตัดบางอย่างรอนานไม่ได้ ถ้าไม่ผ่าตัดให้เสร็จทันเวลาจะต้องเกิดปัญหาแน่นอน

สือน่าขมวดคิ้ว “คุณจะบอกว่า? เมื่อวานไม่ได้มีผู้ป่วยเยอะขนาดนี้หรือ?”

เฉินชางพยักหน้า!

สือน่าดูบันทึกการเข้าเวรเมื่อคืน พบว่าหยวนฟางจากฝ่ายศัลยกรรมเป็นคนอยู่เวร

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปหาหยวนฟาง

โทรศัพท์ดังขึ้นหลายครั้งกว่าจะมีคนรับ “ฮัลโหล? อาจารย์สือ?”

สือน่าเข้าประเด็นทันที “เมื่อวานคุณรับผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคถุงน้ำดีอักเสบมากี่คนคะ?”

อีกฝ่ายตอบโดยไม่ลังเล “อ้อ ฉันเข้าเวรเมื่อคืน มีผู้ป่วยเกี่ยวกับถุงน้ำดีมาจำนวนหนึ่ง ฉันยังคิดว่าเกิดปัญหากับร้านปิ้งย่างที่ไหนซะอีก? ทำไมหรือคะ?”

สือน่าเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว “คุณไม่ได้ดูหรือว่าตอนนี้ในแผนกมีผู้ป่วยต้องการผ่าตัดสิบกว่าคนแล้ว? รับเข้ามาขนาดนี้ พวกเราทำไม่ทันหรอก ถ้ายืดเวลารอผ่าตัดออกไปจะไม่เกิดปัญหาหรือไง!”

หยวนฟางชะงักไปเล็กน้อย “อาจารย์สือคะ พวกเราเป็นตัวกลางนะคะ พอถึงเวลาก็ส่งมอบผู้ป่วยให้แผนกศัลยกรรมภายนอกก็ได้แล้วไม่ใช่หรือคะ? ก่อนหน้านี้ก็ทำแบบนี้ไม่ใช่หรือ?”

ประโยคนี้ทำเอาสือน่าโกรธจนวางโทรศัพท์ไป

ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างแผนกศัลยกรรมภายนอกและแผนกฉุกเฉินเป็นอย่างไร?

คนมีตาต่างก็ดูออกกันทั้งนั้น!

ให้แผนกศัลยกรรมภายนอกเข้ามาช่วยหรือ?

ไม่ใช่ว่าเป็นการหาเรื่องใส่ตัวอย่างชัดเจนหรือไร?

แต่ถ้าไม่ไปขอความช่วยเหลือตอนนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว อย่างไรเสียชีวิตผู้ป่วยก็รอไม่ได้ หากยืดเวลาออกไป เกิดปัญหาใหญ่อะไรขึ้นมาแล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบ?

สือน่านั่งคิดอยู่ที่นั่นเนิ่นนาน จู่ๆ ก็ยืดตัวขึ้นพูดกับเฉินชางว่า “เสี่ยวเฉิน คุณไปโทรหาแผนกศัลยกรรมภายนอกหน่อย ดูว่าวันนี้ใครเป็นคนอยู่เวร ให้เขามาช่วยที่แผนกเราหน่อย”

เฉินชางพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาแผนกศัลยกรรมภายนอก ไม่นานก็มีคนรับ “สวัสดีครับ แผนกศัลยกรรมภายนอกครับ”

เฉินชางพูดว่า “สวัสดีครับ ผมโทรจากแผนกฉุกเฉิน พวกเรามีคนไข้ที่ต้องการความร่วมมือจากแผนกศัลยกรรมภายนอกอยู่จำนวนหนึ่งน่ะครับ”

ต้วนปัวได้ยินก็ยิ้มออกมาทันที ตอบสนองเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?

ไม่ทันไรก็รู้ตัวแล้ว?

แต่…ต้วนปัวพูดไปว่า “ได้ครับ คุณรอสักครู่ ผมจะรีบลงไปเดี๋ยวนี้”

ที่ต้องให้ความร่วมมือก็ยังต้องให้ความร่วมมือ นี่คือกฎข้อบังคับของโรงพยาบาล ถ้าคุณไม่มาก็ต้องรับผิดชอบ

ต้วนปัววางโทรศัพท์แล้วก็เดินลงไปชั้นล่าง

เมื่อลงมาถึง พอสือน่าเห็นว่าเป็นต้วนปัว สีหน้าพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดอย่างเคร่งขรึมจริงจังว่า “หมอต้วน สวัสดีค่ะ วันนี้พวกเรารับผู้ป่วยมาหลายคน คุณช่วยดูหน่อยว่าสถานการณ์เป็นยังไง”

“เสี่ยวเฉิน คุณเอาประวัติผู้ป่วยมาหน่อย หมอต้วน เชิญทางนี้ค่ะ”

เฉินชางกอดแฟ้มประวัติผู้ป่วยเดินตามหลังไป

ต้วนปัวมีท่าทีจริงจัง ไม่แสดงความผิดปกติให้เห็น มีความอดทนเป็นเลิศ หลังจากตรวจดูประวัติแล้วก็พูดกับผู้ป่วยว่า

“คุณเป็นโรคถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน ผมกังวลว่าถ้ายืดเยื้อต่อไปจะทำให้อาการรุนแรงยิ่งขึ้น ต้องผ่าตัดนะครับ!”

เมื่อผู้ป่วยได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้าทันที “ได้ครับ! หมอ คุณช่วยผ่าตัดให้ผมก่อนนะครับ!”

ต้วนปัวยิ้ม พูดปลอบใจไปว่า “คุณวางใจเถอะ แผนกฉุกเฉินมีห้องผ่าตัดอยู่สองห้อง เรื่องจัดสรรการผ่าตัดต้องไม่มีปัญหาแน่ แต่…จะยืดเยื้อต่อไปไม่ได้แล้วนะครับ! ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี หากอาการหนักขึ้นมา การผ่าตัดก็จะยากขึ้น!”

คนไข้ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกวางใจลงไม่น้อย แผนกฉุกเฉินมีห้องผ่าตัดสองห้อง

แต่จู่ๆ ก็รู้สึกกังวลขึ้นมาอีก…ต้องรีบผ่าตัดให้เร็ว!

เรื่องนี้ต้องพูดกับหมอสักหน่อย ถ้าหาก…ถ้าหากปล่อยอาการไว้นานจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหนกัน!

เดินตรวจคราวนี้ ต้วนปัวจริงจังมาก ดูมีความรับผิดชอบมาก อธิบายสถานการณ์ให้ผู้ป่วยฟังอย่างละเอียดและอดทน

ส่วนใหญ่เขาบอกไปทั้งหมด สิ่งที่พูดล้วนเป็นความจริง

หลังจากตรวจผู้ป่วยเสร็จไปหลายคน ต้วนปัวก็มองไปที่สือน่าด้วยรอยยิ้ม “หมอสือ ผู้ป่วยมากขนาดนี้ มากกว่าแผนกศัลยกรรมภายนอกของพวกเราเยอะเลยนะครับ ได้ยินว่าหมอสือได้เป็นหัวหน้าฝ่ายเล็กๆ แล้ว ยินดีด้วยนะครับ!”

สือน่ายิ้มไม่ถึงดวงตา พยักหน้าพูดว่า “เทียบหมอต้วนไม่ได้หรอกค่ะ ใช่แล้ว อีกไม่นานก็จะได้เป็นรองหัวหน้าแผนกแล้วสินะคะ? วันหลังพบกันคงต้องเรียกคุณว่าหัวหน้าต้วนแล้ว”

ต้วนปัวมีท่าทางเป็นมิตรมาก คนที่ไม่รู้สถานการณ์ยังคิดว่าเป็นเพื่อนซี้กันเสียอีก!

ต้วนปัวรีบโบกมือปฏิเสธ “โรคเกี่ยวกับแผนกศัลยกรรมภายนอกของพวกเราค่อนข้างน้อยน่ะครับ ไม่เหมือนแผนกฉุกเฉิน ประเภทอาการป่วยมากกว่าแล้วยังอันตรายกว่าด้วย ถ้าไม่มีฝีมือจริงๆ คงทำไม่ไหวแน่”

“คนนี้คือเฉินชาง หมอเฉินสินะครับ อุทิศตัวให้งานจริงๆ เลยนะครับ วันอาทิตย์ก็มาทำงานด้วย!”

เฉินชางยิ้ม “สวัสดีครับหมอต้วน”

ต้วนปัวพยักหน้า “ครับ ครั้งที่แล้วผมได้ยินว่าฝีมือการผ่าตัดของคุณชนะเสี่ยวโจวของแผนกพวกเราได้ด้วย จะต้องเป็นเรื่องจริงแน่ๆ ดูถูกไม่ได้เลยนะครับ คนหนุ่มสาวเหนือกว่าคนรุ่นเก่าแล้วจริงๆ! ยุคสมัยนี้ แค่เรียนจบปริญญาตรีก็ได้บรรจุเป็นบุคลากรอย่างเป็นทางการของโรงพยาบาลอันดับสองแล้ว คุณเองก็เก่งพอตัวเลยนะครับ”

เฉินชางส่ายหน้า “แค่โชคดีน่ะครับ พอดีได้เจอเคสผ่าตัดไส้ติ่ง ถ้าเป็นการผ่าตัดอื่นจะต้องเทียบหมอโจวไม่ได้แน่ครับ จะอย่างไรแต่ละคนก็เชี่ยวชาญไปคนละอย่าง!”

คำพูดของเฉินชางไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อย ไม่ปล่อยให้ต้วนปัวกุมจุดอ่อนได้ แต่เมื่อคำพูดนี้เข้าหูอีกฝ่ายกลับรู้สึกเหมือนได้รับข้อมูลใหม่

เฉินชางมีประสบการณ์ไม่มาก ทำเป็นอย่างเดียวเท่านั้น!

จากข้อมูลที่เขามี เฉินชางอยู่ที่แผนกฉุกเฉินมาสองปีกว่าแล้ว ปกติทำแต่งานเขียนประวัติผู้ป่วย ถูกลากไปเข้าร่วมการผ่าตัดเป็นบางครั้ง ปีนี้เพิ่งจะได้สัมผัสกับการผ่าตัดไส้ติ่ง ส่วนการผ่าตัดอื่นๆ ไม่เคยทำ

ทันใดนั้น ต้วนปัวก็พูดยิ้มๆ ว่า “คนหนุ่มต้องลงมือให้มาก ศึกษาให้มาก แผนกฉุกเฉินเป็นเวทีที่ดี มีผู้ป่วยมาก ต้องทดสอบฝีมือมากๆ หน่อยนะครับ การผ่าตัดจริงไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น ฝึกไปหลายครั้งก็เป็นเอง”

“เป็นศัลยแพทย์ต้องกล้าหาญ! หมอเฉินพยายามเข้านะครับ ผมจะคอยดูคุณ!”