ตอนที่ 93 ขุดหลุมฝังชัดๆ!

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

กระสุนขนาด 7.66 มิลลิเมตร เมื่อยิงออกจะมีพลังงานจลน์ 2,600 จูล ส่วนกระสุนขนาด 12.7 มิลลิเมตร สามารถมีพลังงานจลน์ได้ถึง 15,000 จูล

แต่ถึงจะบอกข้อมูลอย่างง่ายเช่นนี้ไปแล้ว ก็ยังยากที่คนธรรมดาทั่วไปจะจินตนาการพลังของกระสุนสไนเปอร์ออกยามที่มันทะลวงผ่านคนผู้หนึ่งไป

ผู้คุ้มกันของชิ่งเจิ่นเป็นผู้มีพลังพิเศษ แต่ที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งคือขณะที่องค์กรต่างๆ ไล่จับพวกผู้มีพลังพิเศษ ชิ่งเจิ่นกลับเริ่มใช้งานพวกเขาแล้ว

ตอนนี้พยัคฆ์หมอบแห่งสมาคมตระกูลชิ่ง ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังแม้แต่ในองค์กรอื่น กำลังยืนอยู่ใต้แสงไฟดั่งราวเป็นเวทีแสดงหนึ่ง เขาก้มลงไปเก็บกระสุนที่อยู่บนพื้น แล้วยิ้มพูด “ในที่สุดผู้ก่อจลาจลก็เล็งเป้ามาที่ฉันแล้วงั้นสิ”

ผู้คนรอบชิ่งเจิ่นผงะไป นี่เป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อจลาจลเช่นนั้นหรือ องค์กรลึกลับที่สมาคมต่างๆ พูดถึงอยู่

ชิ่งเจิ่นหันไปหาหลิวปู้ ยิ้มออกพลางกล่าว “เป็นผู้จัดการของเธอ ทำไมถึงไม่รู้เลยล่ะว่าผู้ว่าจ้างเป็นผู้มีพลังพิเศษน่ะ งั้นคุณก็คงโง่งมอยู่ไม่น้อย เช่นนั้นจงไปสู่สุคติเถอะ ยุคสมัยเช่นนี้…ไม่มีที่ให้คนไร้ค่าอยู่”

ชิ่งเจิ่นกระชากผมหลิวปู้ขึ้น ก่อนจะใช้มือเปล่ายัดกระสุนยาวเท่าฝ่ามือกระแทกใส่เบ้าตาของเขา หลิวปู้กรีดร้องออกมาสั้นๆ ก่อนจะหยุดขยับเขยื้อนไป

สองมือชิ่งเจิ่นอาบโลหิต

ตอนนี้เริ่นเสี่ยวซู่กำลังยืนจังงังอยู่เหนือดาดฟ้าตึก สายตาชมดูหยางเสียวจิ่นยืนขึ้นปลดอาวุธปืนอย่างไม่รีรออะไร ราวกับรู้อยู่แล้วว่าจะต่อให้จะยิงใส่ชิ่งเจิ่นต่อ ก็ยากมากที่จะสังหารชิ่งเจิ่นลงได้

วินาทีต่อมานั้นปากกระบอกปืนสไนเปอร์ก็หันมาเล็งยิงใส่เริ่นเสี่ยวซู่ที่อยู่บนดาดฟ้า เริ่นเสี่ยวซู่สัมผัสได้ถึงความมุ่งร้ายของเด็กสาวหลังกล้องเล็งนั้น

เริ่นเสี่ยวซู่ผวาเฮือก ภารกิจไม่สำเร็จก็ต้องยิงซ้ำอีกนัดไม่ใช่เหรอฟะ หันมาเล็งใส่ฉันทำเพื่อ!

แต่หยางเสียวจิ่นดูสงบนิ่งมาก พลาดไปแล้วก็ช่างมัน มัวแต่ติดใจไปก็เท่านั้น

ปืนสไนเปอร์ยิงออกมาเสียงดังปัง ทว่าคราวนี้กระสุนไม่มีอะไรผิดแผก เป็นเพราะเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้ขยับอะไร แล้วลูกกระสุนเองก็ไม่ยิงใส่เขา

เริ่นเสี่ยวซู่ทราบความเชี่ยวชาญด้านการใช้ปืนของหยางเสียวจิ่นดี จึงรู้ว่าที่เธอไม่ยิงฆ่าเขา ก็เพื่อบอกพวกสมาคมตระกูลชิ่งว่าพวกเขาสองคนไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน

แต่ถึงเป็นอย่างนั้นจริง แบบนี้ก็ดูปุบปับไปหน่อยหรือเปล่าหา! หรือว่าที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อลั่วซินอวี่กัน!

ทันใดนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็เห็นลั่วซินอวี่ที่เพิ่งหายไป กลับมาโผล่บนยอดตึกระฟ้า เธอโบกมือทักทายเริ่นเสี่ยวซู่ ก่อนจะคว้ามือหยางเสียวจิ่น และพาเธอหายวับเข้าไปในเงา

เริ่นเสี่ยวซู่ภาพเช่นนั้นก็ตะลึงแข็งค้างไป เขามองไปที่ยอดตึกอันว่างเปล่า จากนั้นก็หันไปมองทหารของสมาคมตระกูลชิ่งแห่เข้ามาหาเขาอย่างมหาศาล คืออยากจะไปก็ไปงั้นเลย ไม่คิดจะพาฉันไปด้วยเหรอแม่!

เห็นกำลังกองพลน้อยของสมาคมตระกูลชิ่งเข้ามาแบบจัดหนักเช่นนี้ เริ่นเสี่ยวซู่ก็อยากร้องไห้โฮ ยิงปืนดึงความสนใจเสร็จ ก็ใช้พลังหนีไปเฉยเลย รู้ไหมว่าแบบนั้นมันทำคนอื่นลำบากน่ะ!

นี่มันขุดหลุมฝังเขาชัดๆ!

เอาตามตรงแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่ไม่เคยคิดแม้แต่นิดว่าลั่วซินอวี่และหยางเสียวจิ่นเป็นพวกเดียวกัน ขนาดการลอบสังหารชิ่งเจิ่นของหยางเสียวจิ่นยังไม่ทำให้เขาประหลาดใจเท่าเรื่องนี้เลย

ทันใดนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็จำตอนที่เพิ่งเจอลั่วซิวอวี่เป็นครั้งแรกได้ เขาขอให้เปลี่ยนหวังฉงหยางเป็นคนอื่น ตอนนั้นลั่วซิวอวี่ลอบมองไปที่หยางเสียวจิ่นวูบหนึ่ง ซึ่งคนอื่นยกเว้นเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ทันสังเกตเลย

ให้หลังตอนพวกเขากินปลาด้วยกัน หยางเสียวจิ่นก็เรียกเรียกเธอมากินด้วย หรือตอนที่มีคนคิดจะคุกคามลั่วซินอวี่ หยางเสียวจิ่นก็เข้ามาปรามได้ทันการณ์

ตอนก่อนหน้า เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าที่หยางเสียวจิ่นทำเช่นนั้นเพราะเห็นแก่ความเป็นลูกผู้หญิง แต่ไม่คิดเลยว่าพวกเธอจะรู้จักกันอยู่แล้ว มิหนำซ้ำถึงกับแสดงละครฉากใหญ่ต่อหน้าทุกคน

การแสดงนี้ไม่ได้ไร้ที่ติ แต่ก็พอทำให้เริ่นเสี่ยวซู่ สูเสี่ยนฉู่ และหลิวปู้หลงเชื่อ

ลั่วซินอวี่เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง มีทหารจากกองกำลังส่วนตัวมากมายตกตายไป แต่ลั่วซินอวี่กลับรอดพ้นมาจนได้ แค่นี้ก็ควรทำให้เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกไม่ชอบมาพากลแล้ว

ก่อนที่เขาจะรู้ข้อเฉลย พวกร่องรอยหลักฐานอะไรล้วนอยู่ต่อหน้าแท้ๆ ทว่าเขาไม่ทันได้นึกถึง พอเรื่องกลับตาลปัตรมาเป็นเช่นนี้แล้ว อะไรๆ ก็เข้าเค้าเข้าลางไปหมดเป็นฉากๆ ในหัว

เริ่นเสี่ยวซู่มองทหารกองใหญ่แน่นขนัดคืบใกล้เข้ามาอย่างปวดใจ เขาเผอเรอเกินไปแล้ว!

สัตว์ยิ่งสวยมากเท่าไรก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น คำพูดนี้แม้แต่นอกแดนรกร้างก็ใช้ได้!

และที่หญิงสาวคนนั้นยังเก็บหลิวปู้ไว้อยู่ ก็เพราะใช้เขาเป็นตัวช่วยลดความระแวงที่ผู้อื่นมีต่อลั่วซินอวี่ และสุดท้าย ลั่วซินอวี่ก็สามารถช่วยหยางเสียวจิ่นชี้เป้าที่อยู่ของชิ่งเจิ่นได้ ถึงกับช่วยซื้อเวลาให้หยางเสียวจิ่นเลยด้วยซ้ำ

ที่ทำให้ประหลาดใจก็คือพวกเธอนึกไม่ถึงเลยว่าชิ่งเจิ่นจะมีผู้มีพลังพิเศษเป็นผู้คุ้มกันแบบถวายชีวิตให้

ชิ่งเจิ่นมีอะไรพิเศษถึงทำให้ผู้มีพลังพิเศษยอมติดตามกัน!

ตอนนี้ประตูเหล็กสนิมเขรอะบนหลังคาแตกกระจายเพราะถูกคนกระแทกใส่ เริ่นเสี่ยวซู่ยกปืนขึ้นยิงใส่ กันไม่ให้คนผู้นั้นเข้ามา เขาหันไปมองโดยรอบก่อนจะสบถ “แม่*เอ้ย!”

ทันทีที่พูดจบ สู่หมานก็พุ่งผ่านประตูที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เข้าดาดฟ้ามา พอเห็นเริ่นเสี่ยวซู่กระโจนเข้าหาขอบดาดฟ้า ก็พยายามยกปืนเล็ง ทว่ากลับไม่สามารถตามความเร็วของเริ่นเสี่ยวซู่ได้ทัน!

ในเมืองร้างนี้ กองกำลังในชุดเครื่องแบบสีดำเคลื่อนพลราวกับอสรพิษล่าเหยื่อ เริ่นเสี่ยวซู่ไม่อาจรีรออะไรได้อีก ต้องหาทางออกไปที่นี่ก่อนจะโดนล้อม!

ตอนที่เริ่นเสี่ยวซู่ หยางเสียวจิ่น และสู่เสี่ยนฉู่ทะลวงเข้ามาในเขตของเมืองได้ เริ่นเสี่ยวซู่ก็คิดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง ตนนั้นสามารถหลบหนีออกไปได้ไวที่สุดแล้ว

แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะหยางเสียวจิ่นและลั่วซินอวี่มีไพ่ลับเก็บไว้!

เริ่นเสี่ยวซู่กระโดดออกจากดาดฟ้า ดาดฟ้าของตึกอีกด้านต่ำกว่าตึกที่เขาอยู่หลายสิบเมตร แต่เริ่นเสี่ยวซู่มั่นใจว่าตนจะไม่เป็นอะไร!

สู่หมานวิ่งไปที่ขอบดาดฟ้า หวังว่าจะสามารถยิงใส่เริ่นเสี่ยวซู่ได้สักนัด แต่พอเขาไปถึง ก็เห็นเพียงร่างของเริ่นเสี่ยวซู่รางๆ อยู่ไกลโข กำลังวิ่งหนีไปทางนอกเมือง สู่หมานตะโกนใส่อุปกรณ์สื่อสาร “เป้าหมายหนีไปทางสิบนาฬิกาของฉัน! ร่นระยะแนวรบ ปิดล้อมเขตนอกเมืองซะ!”

แนวรบในป่านอกเมืองยังสามารถควบคุมพื้นที่ได้ดีอยู่ ข้างนอกนั้นมีทหารจำนวนมากพร้อมรับมือกับภัยอันตรายใดที่คืบคลานเข้ามา แต่พวกเขาก็ประหลาดใจ ที่อันตรายกลับกลายเป็นผู้อพยพที่หนีมาทางพวกเขาเสียฉิบ

ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดว่าผู้อพยพจะเป็นภัยใด

เริ่นเสี่ยวซู่วิ่งไปตามถนนซอกซอยอย่างบ้างคลั่ง ตั้งแต่กระโดดลงมาจากดาดฟ้า ก็พยายามไม่ขึ้นไปอยู่จุดสูงแล้ว เพราะไม่อยากกลายเป็นเป้าเคลื่อนไหวให้ทหารเห็น

ขณะที่วิ่งไป เขาก็คิดไปด้วยว่าเหมือนสูเสี่ยนฉู่ยังไม่เคลื่อนไหวอะไร เวลาแบบนี้มีคนคอยแบ่งกินลูกกระสุนคงจะดีไม่น้อย!

เมืองร้างนี้ดั่งกระดานหมากยักษ์ เริ่นเสี่ยวซู่เป็นเช่นเบี้ยตัวน้อยวิ่งพล่าน บนกระดานหมากนี้ หมากขาวตัวอื่นๆ หายไปหมดแล้ว พวกหมากดำอาวุธเต็มสูบจึงแห่มาไล่ล่าฆ่าเขากันหมด