บทที่ 42 นายน้อยแข็งแกร่งขึ้นแล้ว

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 42 นายน้อยแข็งแกร่งขึ้นแล้ว

ยามราตรี

ตำหนักไม้ไผ่

เงียบงันสงบสุข

บ้านพักแห่งนี้โอบล้อมด้วยกำแพงอิฐดำ มีสนามหญ้า ลานนั่งเล่นและสระน้ำ ต้นไม้นานาชนิดปลูกเรียงรายอยู่ที่สนามหญ้า ติดกันเป็นลานฝึกวิชาขนาดเล็ก อาวุธนานาชนิดแขวนอยู่บนที่วางพร้อมหยิบจับมาใช้สอยได้ทุกเวลา ตำหนักไม้ไผ่แท้จริงแล้วเป็นบ้านสองชั้นที่ประกอบไปด้วยสี่ห้องนอน สามห้องนั่งเล่น ส่วนห้องน้ำแยกอยู่นอกตัวบ้าน…

นับเป็นที่พักอันสมบูรณ์แบบ

ภายในห้องนอนอันเงียบสงบบนชั้นสอง หลินเป่ยเฉินกำลังนอนเล่นโทรศัพท์มือถือ

ไม่ถึงครึ่งชั่วยามหลังการแข่งขันเสร็จสิ้นลง หลินเป่ยเฉินและพ่อบ้านหวังจงก็ถูกนำตัวมายังตำหนักไม้ไผ่หลังนี้ พวกเขาไม่ต่างจากขอทานที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นพระราชาในชั่วข้ามคืน เปลี่ยนที่อยู่อาศัยจากข้างถนน เป็นสรวงสวรรค์ภายในพริบตา

พ่อบ้านหวังกำลังทำความสะอาดห้องอื่นๆ อย่างขะมักเขม้น

เมื่อไม่มีอะไรทำแล้ว หลินเป่ยเฉินก็หยิบของรางวัลที่ได้มาจากการแข่งขันออกมาดู

ของรางวัลทั้งสองอย่างนั้นตั้งอยู่เบื้องหน้าเขา

ผงฟื้นฟูเป็นสมุนไพรวิเศษที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ เป็นเหมือนยาสมานบาดแผลแต่มีสรรพคุณดีกว่ามาก ทว่า สำหรับในโลกจอมยุทธ์แห่งนี้แล้ว ผงฟื้นฟูเป็นสิ่งที่หาได้ทั่วไปไม่ต่างจากยาแก้ปวดหัว จึงนับเป็นสมุนไพรตัวที่มีค่าน้อยที่สุดในตัวเลือกทั้งสี่รายการ

หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็หยิบคัมภีร์กระบี่เร้นกายขึ้นมาเปิด…

เขาเริ่มต้นอ่านอย่างจริงจัง

เมื่ออ่านจบแล้ว เด็กหนุ่มก็พูดอะไรไม่ออกอีกครึ่งค่อนวัน

เพราะว่าสาระสำคัญของคัมภีร์เล่มนี้ สามารถอธิบายได้ด้วยประโยคเดียวว่า

“ยิ่งร่างกายถูกทุบตีมากแค่ไหน ก็ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น”

แม้คัมภีร์จะมีคำว่า ‘กระบี่’ เด่นหราบนหน้าปก แต่เอาเข้าจริง นี่กลับไม่ใช่คัมภีร์ฝึกวิชากระบี่

มันเป็นคัมภีร์ฝึกฝนร่างกายต่างหาก

เนื้อหาของคัมภีร์ว่าด้วยการเปรียบเปรยร่างกายของคนเรา เป็นเหมือนกระบี่เล่มหนึ่งที่ถูกหล่อหลอมขึ้นมาด้วยช่างตีดาบ การทุบตีร่างกายตัวเองในคัมภีร์เล่มนี้ เปรียบเสมือนการตีกระบี่จากเหล็กเหลวร้อนให้ขึ้นรูปทรงตามที่ต้องการ จนในที่สุด มันก็จะกลายเป็นกระบี่ที่แข็งแกร่งค้ำฟ้า

ขั้นสูงสุดของวิชากระบี่เร้นกาย เรียกขานว่าขั้น ‘มือกระบี่’

หมายความว่าถ้าสามารถฝึกจนบรรลุเคล็ดวิชาระดับสูงสุดของคัมภีร์เล่มนี้ ผู้ฝึกวิชาก็จะเป็นเหมือนมือกระบี่ที่ควบคุมร่างกายตนเองได้อย่างคล่องแคล่ว

ฟังดูน่าสนใจดีไม่น้อย

แต่ปัญหาก็คือ การฝึกฝนวิชานี้ จำเป็นต้องทุบตีร่างกายตนเองอย่างต่อเนื่อง

ยิ่งทุบตีหนักเท่าไหร่ ก็ยิ่งบรรลุวิชาระดับสูงมากเท่านั้น

ยิ่งทุบตีหนักเท่าไหร่ ยิ่งเลื่อนระดับได้เร็วมากเท่านั้น

ยิ่งทุบตีหนักเท่าไหร่ ร่างกายยิ่งมีความแข็งแกร่งมากเท่านั้น

หรือพูดอีกอย่างก็คือ…

ถ้าไม่ทุบตีตัวเองจนขาดใจตายไปเสียก่อน นับจากนี้ไป เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนใครรุมสหบาทาจนตายอีกแล้ว

แต่แน่นอนว่าระหว่างฝึกวิชา ก็จำเป็นต้องใช้พลังปราณเป็นจำนวนมาก

การมีร่างกายที่แข็งแกร่ง นับเป็นอีกหนึ่งทักษะของมือกระบี่เช่นกัน

หลินเป่ยเฉินรู้สึกอยากฝึกฝนวิชานี้ขึ้นมาจับใจ

แต่ว่า…

เมื่อนึกถึงปัจจัยในการฝึกวิชาที่ต้องทรมานร่างกายตัวเองแล้ว เขาก็ถอดใจขึ้นมาดื้อๆ

ไอ้เจ้าคัมภีร์บ้าบอเอ๊ย!

“คนที่คิดค้นวิชานี้ขึ้นมา ต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ”

หลินเป่ยเฉินอดบ่นไม่ได้

ขณะนี้ เด็กหนุ่มไม่สงสัยอีกแล้วว่าตอนที่เขาเลือกของรางวัลทั้งสองชนิด ทำไมพวกคณบดีฉู่ถึงมองเขาเหมือนเป็นตัวโง่งมคนหนึ่ง ปรากฏว่าที่ถูกมองอย่างนั้น ไม่ใช่เพราะเขาเลือกผงฟื้นฟู แต่เป็นเพราะว่าเขาเลือกคัมภีร์กระบี่เร้นกายต่างหาก

ว่าแต่อาจารย์คนไหนกันนะ ที่เลือกเอาตำราเล่มนี้มาเป็นของรางวัล?

หลินเป่ยเฉินกำลังจะโยนคัมภีร์ทิ้งไปอย่างไม่สนใจอะไรอีก

แต่แล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้

ระดับพลังของเขาขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงเหมือนคนอื่นๆ

บางทีเขาอาจมีหนทางฝึกวิชานี้ก็ได้

หลินเป่ยเฉินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาสแกนคัมภีร์กระบี่เร้นกาย

หลังจากนั้น ก็รอคอยอีกพักหนึ่ง ก่อนจะกดเข้าไปในแอปสโตร์

แล้วหลินเป่ยเฉินก็พบเจอแอปที่ชื่อว่า “คัมภีร์กระบี่เร้นกาย (ฉบับพื้นฐาน)” อยู่ในแอปสโตร์จริงๆ

แต่เดี๋ยวก่อนนะ

ชื่อของแอปที่เขาหาเจอ มันมีวงเล็บต่อท้ายด้วยว่า “ฉบับพื้นฐาน”

แล้วไอ้คัมภีร์ที่เขาได้มานี่ มันเป็นฉบับพื้นฐานหรือว่าฉบับไหนกันล่ะ?

แต่ช่างมันเถอะ ฉบับไหนก็ไม่สำคัญแล้ว

หลินเป่ยเฉินกดดาวน์โหลดไม่ลังเล

“ติ๊ง! แอปพลิเคชันนี้ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูล 4 GB ในขณะนี้ คุณมีพื้นที่เก็บข้อมูลเหลืออยู่เพียง 4.5 GB ต้องการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันนี้ต่อไปหรือไม่?”

หน้าต่างคำเตือนเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ

หลินเป่ยเฉินถึงกับชะงักไปทันที

แอปคัมภีร์กระบี่เร้นกายต้องใช้พื้นที่เก็บข้อมูลถึง 4 กิกะไบต์เชียวหรือ?

เห็นได้ชัดว่าเมื่อเป็นแอปที่สามารถฝึกวิชาผ่านโทรศัพท์ได้ มันก็กินพื้นที่เก็บข้อมูลไม่ใช่น้อย

และนั่นก็หมายความว่าคัมภีร์กระบี่เร้นกายนั้นลึกซึ้งยิ่งกว่าทักษะกระบี่สามพิฆาตที่ได้รับการอัปเดตข้อมูลใหม่เสียอีก ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่หลินเป่ยเฉินไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ยิ่งเป็นคัมภีร์ที่ใหม่และมีเคล็ดวิชาแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็ยิ่งต้องใช้พื้นที่ความจำในตัวเครื่องมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อหลินเป่ยเฉินคิดทุกอย่างรอบคอบดีแล้ว จึงได้กดตัวเลือก – ตกลง

แล้วแถบสถานะการดาวน์โหลดสีเขียวก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

หลังจากนั้น มวลพลังงานสสารลึกลับก็ไหลรินออกมาจากร่างกายของเด็กหนุ่ม ตรงเข้าสู่โทรศัพท์มือถือเหมือนน้ำที่ไหลทะลักออกมาจากเขื่อน

“อ๊า…”

หลินเป่ยเฉินส่งเสียงครางออกมาด้วยความสยิวกาย

เด็กหนุ่มรู้สึกล่องลอย

ไม่นานนัก หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกแสบร้อนตั้งแต่ช่วงเอวลงไป เมื่อแอปคัมภีร์กระบี่เร้นกายถูกดาวน์โหลดเสร็จสิ้น เขาก็รู้สึกเหนื่อยล้า ใบหน้าซีดขาวเหมือนคนหมดแรง

หลินเป่ยเฉินหอบหายใจขณะกดติดตั้ง

การติดตั้งใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าที่คิด

หนึ่งเค่อให้หลัง…

เมื่อติดตั้งแอปพลิเคชันเสร็จเรียบร้อย โลโก้ของแอปที่เป็นภาพ “มือกระบี่” ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอหลักของโทรศัพท์

เขากดเข้าไปในแอปโดยเร็ว

แล้วหน้าจอก็ปรากฏตัวการ์ตูนสีดำ ซึ่งเป็นตัวแทนของหลินเป่ยเฉินขึ้นมาตัวหนึ่ง เหมือนที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิด

ตัวการ์ตูนนั้นยืนอยู่บนแท่นหิน มันกำลังโพสต์ท่าโคจรพลังลมปราณ จากนั้นก็มีค้อนปรากฏขึ้นกลางอากาศ ฟาดเข้าใส่แผ่นหลังของตัวการ์ตูนอย่างไม่ทันตั้งตัว

เหมือนเล่นเกมตีตัวตุ่นอย่างไรอย่างนั้น

เคล้ง! เคล้ง!

ถึงกับมีเสียงตีเหล็กเป็นซาวนด์ประกอบ

พลัน หลินเป่ยเฉินรู้สึกเจ็บแปลบที่บริเวณแผ่นหลัง เหมือนเขาถูกค้อนฟาดเข้าจริงๆ

นี่ไม่ใช่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายแต่อย่างใด

ผู้เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ สามารถรู้สึกได้ถึงการฝึกวิชาที่เกิดขึ้นบนหน้าจอ

เช่นเดียวกับการฝึกวิชาด้วยพลังปราณก่อนหน้านี้ ร่างกายของเด็กหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาอย่างประหลาด

โชคดีที่การถูกฟาดด้วยค้อนไม่ได้เจ็บปวดเกินไปนัก

ดูเหมือนโทรศัพท์มือถือจะปรับเปลี่ยนความเจ็บปวดจากคัมภีร์กระบี่เร้นกาย ให้อยู่ในระดับที่คนธรรมดาสามารถทนทานได้

บนหน้าจอในขณะนี้ ค้อนพิฆาตจะปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันและฟาดเข้าใส่ร่างกายของตัวการ์ตูนเป็นระยะ ผลที่ตามมาก็คือ หลินเป่ยเฉินรู้สึกเจ็บปวดตามเนื้อตัว ตอนแรกที่ยังไม่คุ้นเคยก็รู้สึกทรมาน แต่เมื่อสามารถปรับตัวได้แล้ว มันกลับทำให้เขาสบายตัวขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ

ความรู้สึกเหมือนได้นวดแผนไทยอย่างไรอย่างนั้น

“เฮ้อ แต่เราจะฝึกไปเพื่ออะไรกัน เราไม่ได้อยากจะเป็นกระสอบทรายให้ใครทุบตีเล่นๆ สักหน่อย”

หลินเป่ยเฉินรีบเตือนสติตัวเองโดยเร็ว

หลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ เด็กหนุ่มจึงเปิดแอปการฝึกวิชาหลอมรวมพลังลมปราณ ควบคู่ไปกับแอปฝึกวิชากระบี่เร้นกาย เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ปิดแอปอื่นๆ หมดสิ้น ก่อนจะปิดหน้าจอ และปล่อยให้แอปทั้งสองวิชานี้ทำงานในพื้นหลังต่อไป

“อ๊า…”

“โอ้ววว์…”

“อู้ววว์…”

เสียงแปลกๆ ดังออกมาจากห้องพักของหลินเป่ยเฉิน

เป็นเสียงที่ค่อนข้าง…สยิวหูมากเลยทีเดียว

พ่อบ้านหวังถึงกับเดินมาแอบฟังที่หน้าประตูแล้ว

หลังแอบฟังอยู่ได้ประมาณหนึ่งเค่อ ในที่สุด ชายชราก็มีสีหน้าโล่งใจมากขึ้น

“ก่อนหน้านี้ นายน้อยหลงใหลสตรียิ่งกว่าอะไรดี ไม่คิดเลยว่าท่านจะสามารถทำร้ายสาวงามอย่างมู่ซินเยว่ได้ลงคอ ไอ้เราก็อุตส่าห์กลัวแทบตายว่านายน้อยจะเปลี่ยนไป แต่ได้ยินอย่างนี้ คงไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว นายน้อยของข้าก็แค่ชอบเล่นสนุกกับสาวๆ เท่านั้นเอง”

ยิ่งไปกว่านั้น เดี๋ยวนี้นายน้อยทนทานได้ถึงหนึ่งเค่อแล้วหรือ?

“นายน้อยของข้าแข็งแกร่งมากขึ้นแล้วสินะ”

พ่อบ้านชราเดินลงบันไดไปด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม

“แต่มีสตรีแอบเข้ามาในบ้านหลังนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? นายน้อยถึงกับยอมอยู่กับนางเพียงลำพัง ต้องไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่แท้”

หวังจงเริ่มใช้จินตนาการของตนเองคาดเดาเรื่องราวต่างๆ ออกทะเลไปไกล

หลินเป่ยเฉินรู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวตลอดทั้งวัน

หลายชั่วยามต่อมา เขามักจะส่งเสียงครางออกจากห้องพักไม่ได้หยุด

ตอนแรก พ่อบ้านหวังก็ยิ้มไม่หุบ บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ความเคารพยกย่อง ก่อนที่มันจะค่อยๆเปลี่ยนมาเป็นความตกตะลึงและความไม่อยากเชื่อในที่สุด

“นายน้อยแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ!”

“หรือว่าก่อนหน้านี้นายน้อยจะกดดันตัวเองมากเกินไป?”

“ทั้งวันเลยหรือนี่”

“นอกจากทักษะการต่อสู้จะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ทักษะบนเตียงของนายน้อยก็คงเพิ่มขึ้นเหมือนกันสินะ?”

“แต่ถ้าบุรุษหักโหมมากเกินไป ร่างกายอาจเหนื่อยล้าเกินขีดจำกัด ถ้าหากนายน้อยลุ่มหลงในรสสวาทจนถอนตัวไม่ขึ้น บางทีนายน้อย…”

“ไม่ได้การ ข้าต้องหาโอกาสเดือนนายน้อยบ้างแล้ว”

“นายน้อยจำเป็นต้องระงับจิตใจบ้างแล้วจริงๆ มิเช่นนั้น เมื่อแก่ตัวไป ต่อให้จิตใจสดใสร่าเริง แต่ร่างกายคงอ่อนแอเสื่อมสมรรถภาพหมดแล้ว” หวังจงครุ่นคิดด้วยความเป็นกังวล