บทที่ 101 ครึ่งเซียนผู้เก่งกาจ

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 101 ครึ่งเซียนผู้เก่งกาจ

จางอวี่หมินก็พูดเป็นตุเป็นตะ “ท่านแม่ พอท่านแม่พูดเช่นนี้ข้าก็รู้สึกว่าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ด้วย! หูครึ่งเซียนนี่เป็นยอดคนจริง ๆ”

แม่เฒ่าจางแค่นเสียง “ข้าก็ว่าทำไมตัวขาดทุนอย่างจางซิ่วเอ๋อจู่ ๆ ก็กล้าแกร่งขึ้นมา! บังอาจต่อต้านข้า! ที่แท้ก็เป็นเพราะมีวิญญาณร้ายสิง! แต่ครั้งนี้เราไม่ต้องกลัวแล้ว รอให้เรากำจัดวิญญาณร้ายนั่นไปให้ได้ก่อน จางซิ่วเอ๋อก็ต้องโดนเราควบคุมอยู่ดีถูกไหม?”

“ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยหาทางขายจางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถา! ขายไปไกล ๆ หน่อย! ไม่ให้มีคนรู้ว่าจางซิ่วเอ๋อเคยแต่งงาน จางชุนเถาเคยเป็นบ้า จะได้ขายได้ราคาดี!” จางอวี่หมินเสริม

สองแม่ลูกเริ่มคุยกันแผ่วเบาว่าจะจัดการจางซิ่วเอ๋ออย่างไรดี

อย่างกับจางซิ่วเอ๋อเป็นปลาบนเขียงของพวกนางแล้วอย่างไรอย่างนั้น

ทำเป็นเล่นไป ที่แม่เฒ่าจางคิดก็ไม่ผิด น้ำนั่นได้ผลจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ยาวิเศษอะไร ที่พวกนางสดชื่นไม่ง่วง เหตุผลนั้นง่ายมาก…..

ถ้าจางซิ่วเอ๋ออยู่ที่นี่ คงแหกคำจกตาของหูครึ่งเซียนได้อย่างง่ายดาย

แต่ตอนนี้คนตระกูลจางโดนหลอกอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้พวกเขาได้ฝากความหวังในการกำราบจางซิ่วเอ๋อไว้ที่หูครึ่งเซียนแล้ว

พอตกกลางดึก จางอวี่หมินและแม่เฒ่าจางก็สะลึมสะลือหลับไป แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหวาดกลัวจนหนาวสั่นหรือเพราะขี้ธูปนั้นสกปรก จางอวี่หมินและแม่เฒ่าจางจึงท้องเสียพร้อมกัน

ทว่าทั้งสองกลับไม่กล้าออกไปใช้ห้องน้ำ ห้องน้ำอยู่ด้านหลังสุดของบ้าน ถ้าออกไปเข้าตอนกลางคืนและวิญญาณร้ายเห็นจะทำอย่างไร

ทั้งสองคนจึงปลดทุกข์ในกระโถนปัสสาวะภายในห้อง

กลิ่นเหม็นเน่าจึงอบอวลไปทั้งห้อง เพราะก่อนหูครึ่งเซียนจะไปนั้นได้กำชับไว้ว่าตอนกลางคืนห้ามเปิดหน้าต่างเด็ดขาด

สองแม่ลูกก็ถือว่าได้ผลรับกรรมที่ตัวเองก่อ ตอนเช้าตื่นมานอกจากขาไม่มีแรงแล้ว หน้าตาก็ดูหม่นหมองด้วย ช่างน่ากลัวเหลือแสน

จางซิ่วเอ๋อไม่รู้ว่าตอนที่ตัวเองไม่อยู่ คนตระกูลจางกลับสร้างเรื่องสร้างราวได้ขนาดนี้ แถมโดนหลอกไป 8 ตำลึงเงิน ถ้านางรู้นางต้องหัวเราะจนกุมท้องแน่ ๆ

เช้าวันนี้ หยางชุ่ยฮวาได้ดึงโจวอู่ให้ลุกขึ้นไปเก็บลอบจับปลากลับมา

ตอนจางซิ่วเอ๋อตื่น หยางชุ่ยฮวาก็ทำข้าวเช้าจวนจะเสร็จแล้ว

แม่โจวอยู่ข้าง ๆ หมายจะช่วย หยางชุ่ยฮวากลับถลึงตาใส่และพูดอย่างไม่พอใจ “ไป ๆๆๆ ที่นี่ไม่ต้องให้เจ้าช่วย! เจ้าท้องโตขนาดนี้ไม่ทำให้วุ่นวายกว่าเดิมก็ดีแค่ไหนแล้ว!”

“หรือเจ้าคิดว่าข้าจะแอบกินอะไรที่ครัว เลยระแวงข้า?” หยางชุ่ยฮวาตาขวาง พูดเสียดสี

หลังจากที่เมื่อวานแม่โจวได้คุยเปิดใจกับแม่เฒ่าโจว ก็มองหยางชุ่ยฮวาในแง่ดีขึ้น พอได้ยินหยางชุ่ยฮวาพูดเช่นนี้ก็ไม่โกรธ

กลับพูดเบา ๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ารู้ว่าพี่เป็นห่วงว่าข้าท้อง จึงไม่อยากให้ข้าทำงานสินะเจ้าคะ”

พอแม่โจวพูดแบบนี้ สีหน้าหยางชุ่ยฮวาก็แข็งทื่อไปเล็กน้อย ด่าอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ “โอ๊ย! วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกหรือไร? ทำไมพูดจาน่าฟังขึ้นเยอะเลยล่ะ?”

“ถ้าเจ้าอยากช่วยข้าทำงานข้าก็ไม่ห้าม ไปเก็บถั่วฝักยาวที่แปลงผักมาให้ข้า เอาไว้กินตอนเที่ยง” หยางชุ่ยฮวาพูดอย่างออกคำสั่ง

“ได้! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละเจ้าค่ะ!” แม่โจวยิ้มพลางออกไป

จางซิ่วเอ๋ออยู่ข้าง ๆ และเห็นภาพนั้นก็นึกสะท้อนใจขึ้นมา ตรงที่ควรจะมองผู้คนให้กว้างไกล

ตอนแรกนางก็คิดว่าหยางชุ่ยฮวาไม่ใช่คนดี แต่พอตอนนี้มาคิดดี ๆ แล้วหยางชุ่ยฮวาก็ไม่ได้เลวถึงสันดาน อย่างเรื่องเมื่อครู่ ถึงแม้หยางชุ่ยฮวาจะพูดไม่ดี แต่ก็ให้แม่ของนางไปทำงานที่ไม่ต้องเหนื่อย

จางซิ่วเอ๋อเป็นฝ่ายเข้าไปใกล้ ช่วยหยางชุ่ยฮวาคุมไฟในเตา

หยางชุ่ยฮวาเหลือบมองจางซิ่วเอ๋อและแค่นเสียง

ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับหยางชุ่ยฮวา เห็นแก่เรื่องที่นางดีกับคนตระกูลโจว ต่อให้หยางชุ่ยฮวาปากร้ายไปหน่อยก็ไม่เป็นไร ดีกว่าพวกปากร้ายแล้วยังใจดำ

วันนี้ได้ปลามาไม่น้อย หยางชุ่ยฮวาค่อนข้างอารมณ์ดี ตั้งใจว่ากินข้าวเช้าเสร็จจะไปขายปลา

ก่อนไปหยางชุ่ยฮวาถลึงตามองแม่โจว “นี่น้องสาว ตอนนี้เจ้ามีเงินแล้ว ให้พี่สะใภ้สักหน่อยสิ ข้าจะเอาไปใช้ที่ตลาด”

จางซิ่วเอ๋อมองแม่โจว นางไม่อยากให้แม่โจวเป็นคนดีที่โง่ ความสัมพันธ์ดีขึ้นก็เรื่องหนึ่ง เรื่องยอมให้เงินง่าย ๆ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ตอนนี้พวกนางไม่เกลียดหยางชุ่ยฮวาแล้วก็จริง แต่ถ้าหยางชุ่ยฮวาละโมบอยากได้เงินที่ไม่ใช่ของนาง จางซิ่วเอ๋อก็ไม่ยอม

นิสัยเสียแบบนี้ยอมให้กำเริบเสิบสานไม่ได้!

แม่เฒ่าโจวมองหยางชุ่ยฮวาพลางกล่าว “ชุ่ยฮวา! เจ้าขอเงินน้องเจ้าได้อย่างไรกัน! เหมยจื่อกลับมาหนนี้เอาของมาให้ที่บ้านมากพอแล้ว”

สีหน้าโจวชางซุ่นก็ไม่ดีเท่าไหร่ “เอาล่ะ รีบไปเถอะ เดี๋ยวตะวันจะขึ้นแล้ว ปลาจะออกมายาก!”

หยางชุ่ยฮวาแค่นเสียง “เหอะ ข้าว่าแล้วเชียวว่าหวังอะไรไม่ได้หรอก! ไม่ให้ก็ไม่ให้”

จางซิ่วเอ๋อเห็นหยางชุ่ยฮวาไปแล้วก็นึกในใจ คนอย่างหยางชุ่ยฮวาต้องดูอย่างเป็นกลาง มีตอนดี ๆ ก็จริง แต่บางครั้งก็นิสัยเหลือทนเหลือเกิน…..

แต่หยางชุ่ยฮวาในตอนนี้ดีกว่าก่อนเยอะแล้ว

จางซิ่วเอ๋อก็ไม่อยากไปว่าอะไร ขอแค่หยางชุ่ยฮวาใช้ชีวิตกับคนตระกูลโจวดี ๆ หลังจากนี้นางต้องดูแลคนในตระกูลโจว หยางชุ่ยฮวาก็ได้ประโยชน์ไปด้วย

ที่ควรได้นั้นได้แน่ แต่ของที่ไม่ใช่ของนางหยางชุ่ยฮวาก็อย่าโลภ

หยางชุ่ยฮวาค่อนข้างหน้าหนา เมื่อเช้ายังไม่ค่อยสู้ดีนัก พอตอนเที่ยงกลับมาก็หน้าตาแช่มชื่นเสียแล้ว

“ครั้งนี้ข้าขายได้ 300 เหรียญเลยนะ!” หยางชุ่ยฮวามองซ้ายมองขวา เห็นว่าไม่มีคนนอกก็เอ่ยเสียงเบา

พูดมาถึงตรงนี้ หยางชุ่ยฮวาก็หยิบพวงเหรียญพวงหนึ่งที่มีเงินประมาณ 100 เหรียญให้แม่เฒ่าโจว “ท่านแม่ อันนี้ให้ท่าน ที่เหลือข้าเก็บไว้นะ”

จางซิ่วเอ๋อมองหยางชุ่ยฮวาอย่างขบขัน หยางชุ่ยฮวานี่เป็นคนกล้าได้กล้าเสียจริง ๆ เก็บเงินส่วนตัวยังเก็บได้สง่าผ่าเผยขนาดนี้

หยางชุ่ยฮวาหยิบแถบผ้าออกมาสองสามเส้นแล้วยื่นให้จางซิ่วเอ๋อ “พวกเจ้าเอาไปแบ่งกัน พวกเจ้ายังไม่ได้ของรับขวัญกันเลย”

จางชุนเถาได้ยินแล้วดีใจจนลืมทุกอย่าง รีบลากจางซิ่วเอ๋อออกไป

“พี่ ป้าสะใภ้ใหญ่เราเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยนะ เมื่อก่อนอย่าว่าแต่เอาของให้เราเลย แค่เรากินข้าวเยอะไปคำเดียวยังด่าไปครึ่งค่อนวัน!” จางชุนเถาบอกเสียงต่ำ

จางซิ่วเอ๋อมองแถบผ้าหลากสีในมือแล้วถอนหายใจ “ป้าสะใภ้ใหญ่เป็นคนไม่เลว นางขี้งกไปบ้างก็เพราะชีวิตบีบคั้นให้เป็นแบบนั้น อีกหน่อยเราก็ต้องมีมารยาทกับนางให้มากหน่อย”

“นางไม่ด่าข้าไม่ถากถางข้า ข้ามีมารยาทกับนางอยู่แล้ว!” ชุนเถาบอกยิ้ม ๆ

………………………………