“อ๋อ ไม่มีอะไร ลูกปัดนี่เอาไว้ที่ข้าก่อนนะ ข้าจะไปศึกษาดูสักหน่อย เจ้าชอบอะไรก็ซื้อได้เลย” แคลร์ดึงตั๋วสีทองสองสามใบจากกระเป๋าเงินและยื่นให้ซัมเมอร์

 

 

ซัมเมอร์รับเงินมาอย่างมีความสุขและพาเฉียวฉู่ซินไปซื้อของ เบนเดินเบียดผู้คนตามหลังไป

 

 

“คุณหนู มีปัญหาอะไรหรือครับ? ” ไม่ใช่แค่แคลร์ที่ความรู้สึกไว แต่จินเหยียนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

 

 

“เหอะๆ ลูกปัดนี้ ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเลย” แคลร์เล่นกับลูกปัดในมือของนาง ทันใดนั้นก็แกล้งทำเหมือนลูกปัดจะหลุดจากมือและเกือบจะตกลงกับพื้น แคลร์เห็นความตื่นตระหนกปรากฏบนใบหน้าของชายหญิงบลอนด์ตาฟ้าทั้งสองจากหางตา

 

 

“ไม่ธรรมดาหรือครับ?” จินเหยียนมองลูกปัดในมือของแคลร์ เขาไม่เห็นอะไรที่โดดเด่นเลย

 

 

“เจ้าจะได้รู้เร็วๆ นี้แหละ” แคลร์มองไปที่สองคนที่มีผมบลอนด์ตาฟ้าที่กำลังเดินเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นที่ริมฝีปากของแคลร์

 

 

“สาวสวย สวัสดีตอนเย็น” ชายผมบลอนด์ทักทายแคลร์อย่างสุภาพเมื่อมาถึงตรงหน้าแคลร์

 

 

“สวัสดีตอนเย็น” แคลร์ตอบอย่างพอเป็นพิธี

 

 

“ข้าอยากขอถามคุณหนูว่าจะสามารถมอบลูกปัดในมือของเจ้าให้เราได้หรือไม่ เรายินดีจ่ายเงินให้มากเท่าที่ต้องการเลย” ชายผมบลอนด์ดูกังวลเล็กน้อยและพูดอย่างตรงไปตรงมา

 

 

“ลูกปัดนี้หรือ” แคลร์เล่นอย่างไม่จริงจังและพูดเบาๆ “ทั้งสองคนเป็นคนที่มีสายตาดีจริงๆ ลูกปัดนี้ไม่เหมือนใครในโลก เป็นสิ่งล้ำค่า มัน… มันบอกไม่ได้สิ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะสำหรับการพูดคุยอะไร”

 

 

หญิงผมบลอนด์ที่อยู่ข้างๆ หน้านิ่งและจ้องไปที่แคลร์ แคลร์หันหน้าไปมองนางแล้วยิ้มแต่ไม่พูดอะไร

 

 

“ได้ เช่นนั้นคุณหนูก็บอกสถานที่คุยมาเลยดีหรือไม่?” ดวงตาของชายผมบลอนด์ไม่เคยละไปจากลูกกลมๆ ในมือของแคลร์เลย

 

 

“คุยกันมาตั้งนาน ข้ายังไม่รู้ชื่อและที่มาของเจ้าทั้งสองคนเลยนะ” แคลร์พูดช้าๆ อย่างไม่ใส่ใจ

 

 

หญิงผมบลอนด์ดูเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ชายผมบลอนด์หยุดนางไว้ ซึ่งแคลร์เห็นในทุกการกระทำของพวกเขา

 

 

“ข้าชื่อหลี่หมิงหยู่ นี่คือน้องสาวของข้าหลี่เยว่เหวิน” ชายผมบลอนด์แนะนำตัวอย่างสุภาพ

 

 

“ข้าชื่อแคลร์ ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าทั้งสองคน” แคลร์มองดวงตาคมของหลี่เยว่เหวินที่อยู่ข้างๆ นางแล้วแอบขำในใจ กลัวว่าหญิงผู้นี้จะรอไม่ไหวแล้วฉกลูกปัดไปจากมือนางตอนนี้เลยมากกว่า

 

 

เดี๋ยวก่อน! สกุลหลี่? หลี่หมิงหยู่? แคลร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย รีบนึกนามสกุลและชื่อจริงในใจ เมื่อนึกได้ใบหน้าของแคลร์ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย คนจากตระกูลหลี่! ไม่คาดคิดเลยว่าจะมาปรากฏตัวที่นี่ หนึ่งในสี่ตระกูลหลักของประเทศลากัค เฟิงอี้เซวียนและสุ่ยเหวินโม่จากตระกูลเฟิงและตระกูลสุ่ยซึ่งก็เป็นสองในสี่ตระกูลหลัก ตระกูลหลี่ที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นอีกหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ เพียงแต่ตระกูลหลี่ล่มสลายไปสองสามปีก่อน ได้ยินมาว่าคนรุ่นใหม่กำลังจะฟื้นฟูให้กลับขึ้นมา ดูเหมือนว่าตระกูลหลี่จะได้รับการฟื้นฟูแล้ว และหลี่หมิงหยู่ผู้นี้ก็คือผู้นำของพวกเขา!

 

 

ไม่คาดคิดจริงๆ ว่าลูกปัดที่ไม่ได้ดูโดดเด่นนี้จะดึงดูคนเหล่านี้มา ทักษะของหญิงผมบลอนด์แคลร์เคยได้เห็นมาแล้ว เช่นนั้นความแข็งแกร่งของชายผมบลอนด์ที่เป็นพี่ชายก็คงจะต้องสูงกว่าหญิงผู้นั้นแน่

 

 

“ไปกันเถอะ เราไปหาที่คุยกันดีกว่า” ดวงตาของแคลร์เป็นประกาย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของนาง คนที่รู้จักแคลร์จะรู้ดีว่าตอนนี้แคลร์กำลังมีแผนอีกแล้ว

 

 

แคลร์ไปบอกกับกลุ่มพวกซัมเมอร์ จากนั้นก็พาสองพี่น้องตระกูลหลี่กลับไปที่บ้านของคามิลล์

 

 

คามิลล์ยิ้มราวกับสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ เขากำลังชงชาให้กับทุกคน แคลร์ไม่สนใจความโกรธแค้นในสายตาของคามิลล์ ความหมายในสายตานั้นแคลร์รู้ดี หญิงโง่ที่สมควรตายนี่ คิดว่าบ้านเขาเป็นอะไรถึงได้พาคนมาที่นี่ไม่หยุดเลย

 

 

“ผู้นำคนใหม่แห่งตระกูลหลี่ เรามาคุยกันเถอะว่าเจ้าต้องการลูกปัดนี้ไปเพื่ออะไร? ” แคลร์ยกถ้วยชาขึ้นอย่างสง่างาม ยิ้มและพูดเบาๆ

 

 

การแสดงออกของหลี่หมิงหยู่และหลี่เยว่เหวินเปลี่ยนไป แต่แคลร์พูดก่อน “ไม่ต้องกังวล ทุกคนในที่นี้คือคนที่ไว้ใจได้ หากข้าจะทำร้ายพวกเจ้าก็คงไม่พามาที่นี่หรอก อีกอย่าง คุณหนูหลี่ผู้นี้ก็เคยพบกับข้ามาสองครั้งแล้ว”

 

 

“เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลี่เยว่เหวินก้มหน้า

 

 

“ดวงตาของเจ้าพิเศษมาก ดุร้ายและงดงาม” หลี่เยว่เหวินตะลึงกับคำตอบของแคลร์ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดแบบนี้กับดวงตาของนาง แต่มันฟังดูดีทีเดียว

 

 

หลี่หมิงหยู่มองคนในห้องด้วยความกังวลเล็กน้อย คนเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องของเขาเลย เด็กหญิงทั้งสองที่นั่งอยู่ด้วยกันกำลังมองเครื่องประดับบนโต๊ะและพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง ชายชุดดำหาวเอนกายบนโซฟาอย่างเบื่อหน่ายเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของสองสาว ชายหนุ่มที่มีลักษณะเหมือนอัศวินค้อมหัวลงและยืนอยู่อีกด้าน ชายผมบลอนด์รูปงามเป็นเพียงผู้เดียวที่ดูทำตัวปกติ เขากำลังวางเค้กลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง มีเพียงแคลร์เท่านั้นที่คุยกับพวกเขาอย่างจริงจัง!

 

 

“ตระกูลหลี่ต้องการจะฟื้นฟูตระกูล และต้องการลูกปัดในมือของข้า เกรงว่าทั้งสองเรื่องคงจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันใช่หรือไม่? ผู้นำรุ่นใหม่หลี่หมิงหยู่คงจะไม่ได้เบื่อแล้วมาพักผ่อนที่ประเทศอื่นๆ หรือเดินทางมาซื้อเครื่องประดับหรอกใช่หรือไม่?” แคลร์หยิบลูกปัดกลมๆ ออกมาเล่น สายตาของสองพี่น้องตระกูลหลี่ก็มองไปที่มัน เครื่องทองสัมฤทธิ์ในกระเป๋าของหลี่หมิงหยู่ก็ยิ่งสั่นมากยิ่งขึ้น

 

 

“ตกลง ข้าจะบอกเจ้า” หลี่หมิงหยู่คิดสักพักและตอบกลับด้วยท่าทางจริงจัง

 

 

“พี่ใหญ่!” หลี่เยว่เหวินส่งเสียงห้ามไว้

 

 

“ไม่เป็นไร นางเป็นคนของ… ” หลี่หมิงหยู่ไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้น หลี่เยว่หวินมองไปที่ดวงตาของหลี่หมิงหยู่ แล้วถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าและหยุดพูด

 

 

“แต่ข้าหวังว่าพวกเราทั้งสามคนจะสามารถพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวได้” หลี่หมิงหยู่ถาม

 

 

“ไม่มีปัญหา อาจารย์ ข้าขอยืมใช้ห้องหนังสือของท่านหน่อยสิ” แคลร์ลุกขึ้นพูดกับคามิลล์ที่กำลังวางเค้กอยู่ จากนั้นก็พาทั้งสองคนไปที่ห้องหนังสือ

 

 

ขนมในมือของคามิลล์ถูกบดขยี้ เขาเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มเหมือนดอกไม้ “ได้สิ ไม่มีปัญหา”

 

 

จินเหยียนก็ตามไปเฝ้าด้านนอกห้องหนังสือต่อ

 

 

แคลร์สร้างเขตกั้นเวทย์ไว้ในห้องหนังสือและนั่งลง สองพี่น้องตระกูลหลี่ก็นั่งลงเช่นกัน แต่ดวงตาของพวกเขาไม่เคยละจากลูกกลมๆ ในมือของแคลร์เลย

 

 

“ลูกกลมๆ ในมือของเจ้าเกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูของตระกูลหลี่! ” คำพูดของหลี่หมิงหยู่ทำให้แคลร์ประหลาดใจ

 

 

“ข้ากำลังบอกความจริงกับเจ้า ลูกปัดในมือของเจ้าเรียกว่าไข่มุกชังหลันซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกับชังหลันอันนี้ของข้า” หลี่หมิงหยู่หยิบเครื่องทองแดงสัมฤทธิ์ออกมาจากกระเป๋าของเขาและยื่นไปตรงหน้าแคลร์ แคลร์เห็นว่าเครื่องทองแดงสัมฤทธิ์นั้นมีช่องกลวงอยู่และตำแหน่งนั้นก็มีขนาดเท่ากับลูกกลมๆ ในมือของนางพอดี

 

 

“งั้นหรือ? ” แคลร์ถามแล้วมองไปชังหลันที่มือของหลี่หมิงหยู่

 

 

“ชังหลันเป็นเพียงกุญแจนำทางเท่านั้น เมื่อไข่มุกชังหลันและชังหลันรวมเข้าด้วยกัน มันจะระบุได้ว่าสมบัติอยู่ที่ไหน เมื่อเราพบสมบัตินั้นก็จะเป็นวันที่เราฟื้นฟูตระกูลหลี่ได้” หลี่หมิงหยู่พูดถึงจุดประสงค์ของเขาอย่างช้าๆ

 

 

“สมบัติคืออะไร? มันสามารถชุบชีวิตครอบครัวได้งั้นหรือ? ” แคลร์งง

 

 

“มันคือสิ่งประดิษฐ์ชิ้นหนึ่ง มันคือดาบ… ดาบชังหลัน บรรพบุรุษของตระกูลหลี่ต้องใช้พลังงานไปไม่รู้เท่าไหร่ในการสร้างมันมาหลายชั่วอายุคน เมื่อตระกูลหลี่รุ่งโรจน์ถึงที่สุด ดาบนั้นก็ถูกสั่งให้ฝังเพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังเอาแต่พึ่งพาพลังเพื่อความก้าวหน้า แต่ตอนนี้ตระกูลหลี่กำลังตกต่ำลง เราต้องการสิ่งประดิษฐ์นี้ “หลี่หมิงหยู่พูดตามความจริง แต่แคลร์รู้สึกสับสนเล็กน้อย

 

 

“เจ้าบอกข้ามากขนาดนี้ เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฉกเอาชังหลันของเจ้า แล้วไปตามล่าหาสมบัติด้วยตัวเองหรือ? ” แคลร์พูด

 

 

“เจ้าไม่มีความสามารถนั้นหรอก ข้าสามารถเอาชีวิตของเจ้าได้เลยด้วยซ้ำ” หลี่เยว่เหวินที่อยู่ข้างๆ พูดอย่างเหยียดหยาม

 

 

“ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าก็อย่าคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย นับประสาอะไรกับไปค้นหาสิ่งประดิษฐ์ของเจ้าเพื่อฟื้นฟูครอบครัวล่ะ” แคลร์ตอบกลับสบายๆ

 

 

หลี่เยว่เหวินมองแคลร์ที่ไม่แยแสคำพูดของนางด้วยความเกลียดชัง สาวน้อยผู้นี้ไม่น่ารักเลย!

 

 

“ไม่มีประโยชน์หรอก ถึงแม้เจ้าจะพบมัน ดาบชังหลันก็สามารถใช้งานได้โดยผู้ที่มีความสามารถเท่านั้น ผู้นั้นจะต้องมีสายเลือดของตระกูลหลี่เท่านั้นด้วย เมื่อได้รับการยอมรับจากดาบชังหลันแล้ว คนผู้นั้นจึงจะสามารถดึงดาบออกมาได้ เจ้าต้องมีเจตจำนงที่แข็งแกร่ง ความมุ่งมั่นที่ไม่เกรงกลัว และพรสวรรค์ที่ผูกพันกับตระกูลหลี่จึงจะสามารถดึงดาบชังหลันออกมาและใช้มันได้” หลี่หมิงหยู่พูดอย่างใจเย็น

 

 

เมื่อแคลร์ได้ยินเช่นนี้ก็สนใจขึ้นมา “สิ่งประดิษฐ์นั้นมีจิตวิญญาณมากเช่นนี้เลยหรือ? สามารถที่จะเลือกเจ้าของได้เอง? “

 

 

“ในเมื่อเป็นเครื่องมือของพระเจ้า มันจึงมีคุณสมบัติพิเศษโดยธรรมชาติอยู่แล้ว” หลี่หมิงหยู่อธิบาย

 

 

“ไข่มุกชังหลันนี้ข้ามอบให้เจ้าได้ แต่ข้ามีเพียงเงื่อนไขเดียวเท่านั้น” แคลร์พูดช้าๆ พลางแตะไข่มุกในมือของนาง

 

 

“เงื่อนไขเป็นอย่างไร?” หลี่หมิงหยู่ถามทันที

 

 

“ข้าอยากไปกับพวกเจ้า ข้าอยากเห็นสิ่งประดิษฐ์นั้นว่าหน้าตาเป็นอย่างไรและอยาฝึกฝนตัวเองไปด้วยระหว่างทาง” แคลร์พูดขณะมองไข่มุกในมือของตนเอง

 

 

“ฝึกตัวเอง? ที่จริง ตอนนี้เจ้าอ่อนแอเหมือนไก่ตัวเล็กๆ เลยนะ” หลี่เยว่เหวินยิ้มเยาะ

 

 

“ข้าจะแข็งแกร่งขึ้น” แคลร์เงยหน้าขึ้นและพูดพร้อมกับมองหลี่เยว่เหวินที่กำลังหัวเราะอย่างจริงจัง

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่เยว่เหวินนิ่งค้างหลังจากเห็นสายตาที่แน่วแน่ของแคลร์

 

 

“แต่พวกเจ้าต้องรอสิบวัน” แคลร์พูดเบาๆ และวางลูกกลมๆ ในมือของนางลง

 

 

“ทำไม?” หลี่เยว่เหวินขมวดคิ้วและถามอย่างไม่พอใจ

 

 

“ในอีกสิบวันจะเป็นวันเกิดของข้า นี่เป็นวันเกิดปีแรกของข้าที่มีการจัดงานฉลอง แม้ว่าข้าจะไม่ชอบงานเลี้ยงเช่นนี้ แต่ท่านปู่ของข้าก็ได้เชิญคนเป็นจำนวนมาก ข้าไม่สามารถทิ้งพวกเขาไว้ได้” แคลร์พูดเบาๆ แต่น้ำเสียงของนางดูจนใจ

 

 

หลี่หมิงหยู่และหลี่เยว่เหวินมองหน้ากัน ทั้งคู่เห็นความซับซ้อนในดวงตาของกันและกัน

 

 

“ข้าไม่ขัดข้องเรื่องที่ต้องรอสิบวัน ข้าหวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะรักษาสัญญา” หลี่หมิงหยู่ยืนขึ้นและพูดเรียบๆ “หลังจากนี้สิบวัน เราจะรอเจ้าที่โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดทางประตูตะวันออก”

 

 

“ได้” แคลร์พยักหน้าและลุกขึ้น “ข้าจะออกไปส่ง”

 

 

หลังจากส่งสองพี่น้องตระกูลหลี่ไปแล้ว แคลร์ก็กลับไปที่ห้องโถงเพื่อดูซัมเมอร์และเฉียวฉู่ซินที่ยังคงดูเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ อยู่แล้วมีรอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏออกมา

 

 

…………………………………………………………………………….