ตอนที่ 98 เช่นนั้นก็ให้พวกเขาเข้ามา

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 98 เช่นนั้นก็ให้พวกเขาเข้ามา

อีกด้านหนึ่ง หลังจากเฮยฉางหลิงใช้กำลังบุกเขามาในแดนจงหยวน รวมทั้งหวงฉีเสวียนผู้พิทักษ์ราตรีที่ปกป้องแดนใต้ ได้ทำลายป้ายคำสั่งถงเสวียน

ทำให้โลกผู้บำเพ็ญเพียรทั่วทั้งจงหยวนถึงกับสั่นสะเทือน

หนึ่งในห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ของจงหยวน

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยินหยาง

เจ้าสำนักหยินหยางที่กำลังเข้าฌานบำเพ็ญเพียร พลังหยินหยางลอยอ้อยอิ่งอยู่รอบกาย เปล่งแสงสีขาวดำออกมา ผมและหนวดเคราสีขาวโพลนพลิ้วไหวราวกับต้องลม ชุดคลุมสีขาวดำสั่นไหวเล็กน้อย

ดูแล้วราวกับเทพจากสรวงสวรรค์ลงมาบนโลกมนุษย์

ในตอนนั้นเองเหมือนเขาจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนไปด้วยความตกใจ ดวงตาเรียวยาวเบิกโพลงขึ้นทันที

“ศิษย์น้องฉีเสวียนทำลายป้ายคำสั่งถงเสวียน หรือว่าทางใต้จะเกิดเรื่องอันใดขึ้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

เมื่อสิ้นเสียงลำแสงสีดำสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า จากภูเขาด้านหลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยินหยาง

ทันใดนั้นเสียงเคร่งขรึมของชายชราผู้หนึ่ง ก็ดังก้องขึ้นทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยินหยาง

“แดนใต้เกิดการเปลี่ยนแปลง ผู้อาวุโสทั้งหมดที่มีตราบนบ่าให้ตามข้าไปยังแดนใต้”

“ศิษย์สายตรงและศิษย์สายหลักทั้งหมด ตามผู้สืบทอดไปแดนใต้เพื่อเตรียมพร้อมรบ”

ทันทีที่สิ้นเสียง พลันเกิดลำแสงสีขาวดำพุ่งขึ้นฟ้าจากทุกทิศทุกทางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยินหยาง

มินานบุรุษหนุ่มสวมชุดสีขาวดำผู้มีท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลา นำขบวนเหล่าหนุ่มสาวมากมายปรากฏตัวบนลานกว้างใจกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยินหยาง

เหล่าหนุ่มสาวเกือบสองร้อยคน ตอบรับคำสั่งของเจ้าสำนักหยินหยางอย่างหนักแน่น “ขอรับ/เจ้าค่ะ ! ”

ตอนนั้นเองก็มีลำแสงหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากด้านล่างเขา ก่อนที่ชายชราชุดดำรูปร่างซูบผอมผู้หนึ่งจะปรากฏกายขึ้น

“เรียนท่านเจ้าสำนัก ทางใต้เพิ่งส่งข่าวมาว่าจ้าวปีศาจพยัคฆ์ดำแห่งเทือกเขาแดนใต้ได้บุกเข้าชายแดนมาขอรับ”

ชายชราชุดดำประสานมือทั้งสองข้าง พร้อมกับกล่าวรายงานขึ้น

“บัดซบสิ้นดี ! ”

เจ้าสำนักหยินหยางได้ยินเช่นนั้นก็สบถขึ้น หลังจากนั้นก็ได้ถามต่อว่า “ศิษย์น้องฉีเสวียนเป็นอะไรมากหรือไม่ ? ”

ชายชราชุดดำตอบกลับ “ศิษย์พี่ฉีเสวียน เพียงแค่ใช้พลังมากเกินไปเท่านั้น มิได้บาดเจ็บอะไรมากขอรับ”

เจ้าสำนักหยินหยางจึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “เผ่าพยัคฆ์ดำยโสโอหังมาแต่ไหนแต่ไร แต่ปีศาจนามว่าเฮยฉางหลิงนั่นต่างหากที่แข็งแกร่งที่สุด”

“หลายพันปีก่อน ข้าเคยปะมือกับมันคราหนึ่ง ปีศาจตนนี้ดุร้ายยิ่งนัก ทั้งยังบำเพ็ญเพียรวิถีสังหารอีกด้วย หากมิใช่เพราะในตัวข้ามีสมบัติโบราณชิ้นหนึ่งอยู่ คาดว่าเพียงเวลาแค่ 2 ชั่วยาม ข้าคงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน”

ชายชราชุดดำได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านเจ้าสำนัก ข่าวที่ศิษย์พี่ฉีเสวียนส่งมา กล่าวว่าจ้าวปีศาจเผ่าพยัคฆ์ดำที่บุกเข้าจงหยวนผู้นั้น คือเฮยฉางหลิงที่ท่านเอ่ยถึงขอรับ”

“บัดซบ ! ”

“เป็นเจ้านี่จริง ๆ ด้วย”

เจ้าสำนักหยินหยางอดมิได้ที่จะสบถขึ้นอีกครา ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมา “แม้ปีศาจตนนี้จะแข็งแกร่ง แต่ที่นี่คือจงหยวนที่มีผู้แข็งแกร่งมากมาย ข้าจะดูซิว่าวันนี้มันจะกลับไปได้เยี่ยงไร ? ”

เอ่ยเพียงเท่านั้นเจ้าสำนักหยินหยางก็โบกมือไปมา แล้วหันไปเอ่ยกับเหล่าผู้อาวุโสและศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยินหยาง “พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว แค่จ้าวปีศาจตนหนึ่งบุกเข้ามา ข้าจะไปจัดการเอง”

เอ่ยจบเจ้าสำนักหยินหยางก็หันไปถามอีกครั้งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย “จริงสิ ศิษย์น้องฉีเสวียนได้บอกหรือไม่ว่าเหตุใดเฮยฉางหลิงผู้นี้ถึงได้บุกเข้าจงหยวน ? ”

“บอกขอรับ”

ชายชราชุดดำพยักหน้า “ศิษย์พี่ฉีเสวียนกล่าวว่า ที่จ้าวปีศาจเผ่าพยัคฆ์ดำผู้นี้บุกเข้าจงหยวน เหตุเพราะสมบัติโบราณชิ้นหนึ่งของเผ่าพยัคฆ์ดำ ถูกจ้าวปีศาจเผ่าจิ้งจอกวิญญาณผู้หนึ่งขโมยมาขอรับ”

“บ้าจริง ! ”

สีหน้าของเจ้าสำนักหยินหยางเปลี่ยนไปในทันที มุมปากกระตุกเล็กน้อย “เช่นนั้นก็เท่ากับว่ามีจ้าวปีศาจสองตนเข้ามาในจงหยวนเยี่ยงนั้นสิ ? ”

ชายชราชุดดำพยักหน้ายอมรับ

เจ้าสำนักหยินหยางกลอกตาเล็กน้อย แล้วหันไปสั่งว่า “ผู้อาวุโสที่มีตราบนบ่าอย่าเพิ่งไปไหน ให้ตามข้าไปก่อน”

เหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยินหยางที่เหาะไปได้ครึ่งทาง จู่ ๆ ก็หยุดลง หลังจากสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะเหาะกลับมาทางที่เจ้าสำนักหยินหยางยืนอยู่

ตอนนั้นเองที่ชายชราชุดดำได้เอ่ยเสริมขึ้น “เรียนท่านเจ้าสำนัก ศิษย์ที่ประจำการที่แคว้นต้าเยี่ยนส่งข่าวมาว่า จ้าวปีศาจเผ่าจิ้งจอกวิญญาณเหมือนจะเหาะไปทางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนนะขอรับ”

“บัดซบ เหตุใดเจ้ามิรีบบอก ! ”

เจ้าสำนักหยินหยางกรอกตาอีกครั้ง ก่อนจะรีบเหาะไปทางทิศเหนือทันที

……………………………..

ขณะเดียวกันอีกสี่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือ รวมทั้งเหล่าสำนักเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และมีภูมิหลังที่ลึกซึ้งต่างก็ทยอยทราบข่าวนี้กันทั่ว

แรกเริ่มพวกเขาทราบเพียงว่าเกิดเรื่องขึ้นที่แดนใต้ เพราะป้ายคำสั่งถงเสวียนถูกทำลาย

จากนั้นก็มีข่าวถูกส่งมาว่าจ้าวปีศาจตนหนึ่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณเข้ามาในจงหยวน

มินานก็มีจ้าวปีศาจของเผ่าพยัคฆ์ดำใช้กำลังบุกรุกการป้องกันของแดนใต้ เข้ามายังแผ่นดินจงหยวน

อีกทั้งมินานหลังจากนั้น สายข่าวของดินแดนศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งนิกายต่าง ๆ ก็ส่งข่าวมาว่า แม้จ้าวปีศาจเผ่าพยัคฆ์ดำผู้นี้จะมีไอชั่วร้ายมหาศาล แต่กลับพุ่งตรงไปทางเหนือทันทีมิได้มีท่าทีจะลงมือแต่อย่างใด

เช่นนั้นก็เป็นการยืนยันข่าวที่ผู้พิทักษ์ราตรีแดนใต้ หวงฉีเสวียน ส่งมาได้เป็นอย่างดี

จ้าวปีศาจเผ่าพยัคฆ์ดำผู้นี้เข้ามาในดินแดนจงหยวน เพียงเพื่อชิงสมบัติโบราณของเผ่าพยัคฆ์ดำที่อยู่กับจ้าวปีศาจเผ่าจิ้งจอกวิญญาณกลับคืนเท่านั้น

เยี่ยงไรเสีย สมบัติโบราณก็ถือเป็นสิ่งที่มีความหมายอย่างยิ่ง มิว่าจะต่อตัวเขาเองหรือว่าต่อเผ่าพันธุ์

เช่นนั้นการที่เผ่าพยัคฆ์ดำบุกเข้าจงหยวน ก็ถือว่าสมเหตุสมผลอยู่บ้าง

แต่การที่จ้าวปีศาจของสองเผ่าใหญ่เข้ามาในดินแดนจงหยวน ก็ทำลายข้อตกลงหลายล้านปีระหว่างเทือกเขาแดนใต้และจงหยวน โดยที่สำนักต่าง ๆ ในจงหยวนทำเป็นมิรู้มิชี้เช่นนี้ก็ดูจะมิถูกต้องนัก

เพราะจ้าวปีศาจทั้งสองตน ถือว่ามีฐานะที่สูงส่งในเทือกเขาแดนใต้อยู่แล้ว

อีกปัญหาก็คือจ้าวปีศาจทั้งสองนี้กำลังเล่นปาหี่อยู่หรือไม่ ?

อยากอาศัยโอกาสนี้เพื่อสืบดูสถานการณ์ของสำนักต่าง ๆ ในจงหยวนหรือไม่ ?

เช่นนั้นมิว่าเป้าหมายของจ้าวปีศาจทั้งสองจะเป็นเช่นไร สำนักต่าง ๆ ของจงหยวนก็ควรมีผู้แข็งแกร่งออกหน้า

และในวันนั้นเองเหล่าผู้แข็งแกร่งของสำนักบำเพ็ญเพียรต่าง ๆ ก็ทยอยกันออกฌาน ก่อนจะรีบเดินทางขึ้นไปทางเหนือของจงหยวนทันที

เพียงพริบตาก็สมกับคำกล่าวที่ว่า ผู้แข็งแกร่งมากมายราวหมู่เมฆอย่างแท้จริง เมื่อตอนนี้มีผู้แข็งแกร่งมากมายมารวมตัวกันที่ด้านเหนือของจงหยวน

แน่นอนว่าทุกสิ่งต้องมีข้อยกเว้น ตัวอย่างเช่นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนและดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงที่ยังอยู่ระหว่างจัดงานประลองฝีมือ

ภูเขาด้านหลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน

ยังคงเป็นป่าไผ่ผืนนั้น

ยังคงเป็นศาลาหลังนั้น

ยังคงเป็นกระดานหมากล้อมกระดานนั้น

เจ้าสำนักจื่อชิงสวีฉือเทียนและเจ้าสำนักไท่เสวียนนักพรตฉางเสวียนนั่งตรงข้ามกัน

สวีฉิงเทียนถือหมากหนึ่งตัว เอ่ยพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยให้กับนักพรตฉางเสวียน “พี่เหอ ท่านมิกังวลเลยหรือว่าเหตุใดจ้าวปีศาจทั้งสองถึงได้มุ่งหน้าขึ้นเหนือมาเช่นนี้ ? ”

นักพรตฉางเสวียนที่ถือหมากตัวหนึ่งอยู่ในมือ ลูบที่หนวดตนเองพลางเอ่ยอย่างมั่นใจว่า “เขาไท่เสวียนอยู่ด้านเหนือของเมืองเสี่ยวฉือ หากจ้าวปีศาจทั้งสองต้องการจะมายังเขาไท่เสวียน จะเยี่ยงไรก็ต้องผ่านเมืองเสี่ยวฉือก่อน”

“เวลานี้ท่านบรรพจารย์เย่ของเราพักผ่อนอยู่ที่นั่น เช่นนั้นหากจ้าวปีศาจทั้งสองคิดว่าการมีชีวิตอยู่มันสบายเกินไป เช่นนั้นก็เชิญพวกเขาเข้ามาได้เลย ! ”

สวีฉิงเทียนได้ยินเช่นนั้นก็อดมิได้ที่จะเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วเหลือบมองนักพรตฉางเสวียนอย่างดูแคลน

แต่เขาก็ต้องยอมรับความจริง ใครใช้ให้อีกฝ่ายโชคดีมีที่พึ่งพิงที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้กันเล่า

อีกทั้งเทพแห่งหมากอย่างหนานกงเสวียนจี ก็ยังยอมมาเป็นแขกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนอีกด้วย

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนตอนนี้ต่อให้ผู้เป็นอมตะเหล่านั้นจากเทือกเขาแดนใต้มารวมตัวกัน เกรงว่าก็คงมามิถึงตีนเขาไท่เสวียนเป็นแน่ !