“ข้าจะควบคุมความแข็งแกร่งของข้า จะระมัดระวังให้มาก สู้กับข้าเถอะ ข้าจะทำให้เจ้าเก่งขึ้นได้อย่างแน่นอน เรื่องพละกำลังมังกรแข็งแกร่งที่สุดแล้ว มาสิ มาเถอะ… ข้าจะระวังให้มาก” เบนชักชวนอย่างกระตือรือร้น ตอนนี้เขาคันไม้คันมืออยากจะลองดู

 

 

แคลร์คิดสักพักแล้วพูด “งั้นใช้มือเดียว แล้วมัดมืออีกข้างไว้ก็แล้วกัน”

 

 

“ได้ๆๆ ” เบนพยักหน้าอย่างรีบร้อน ทำท่าทางเช็ดหมัดของเขาอย่างดี

 

 

ในเวลานี้ เทพธิดาแห่งแสงหลิวเฉว่ฉิงและบุตรแห่งแสงเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็มาที่คฤหาสน์ตระกูลฮิลล์

 

 

“บุตรและเทพธิดาแห่งแสงมาถึงที่นี่เป็นเกียรติมากครับ” ดยุกกอร์ตั้นไม่อยู่ คนที่ทักทายพวกเขาคือมาร์ควิสลาเกอร์

 

 

“พวกเรามารบกวนเสียมากกว่า” หลิวเฉว่ฉิงยิ้มเบาๆ “เรามาที่นี่เพื่อมาหาคุณหนูแคลร์ค่ะ”

 

 

“มาหาแคลร์หรือ?” มาร์ควิสลาเกอร์อึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด คนสองคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังตั้งใจมาหาแคลร์เป็นพิเศษ? ลางไม่ดีเกิดขึ้นในหัวใจของมาร์ควิสลาเกอร์ เขาจึงถามทันที “หรือว่าเรื่องกับตระกูลโรมวันนั้นยังไม่จบใช่หรือไม่? แคลร์ซ่อนอะไรไว้หรือเปล่า? หรือว่า…”

 

 

“มันไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดหรอกท่านมาร์ควิส เรื่องนั้นได้รับการจัดการแล้ว แคลร์เป็นผู้เสียหาย” เหลิ่งหลิงยวิ๋นขัดจังหวะมาร์ควิสลาเกอร์อย่างไม่แยแส เหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่รู้ว่าทำไมเขารู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นว่าชายตรงหน้ามีอคติกับแคลร์

 

 

หลิวเฉว่ฉิงยังคงเงียบนิ่ง ยิ้มอย่างอ่อนโยนและสง่างาม ไม่มีใครสังเกตเห็นความเศร้าหมองในดวงตาของนางเลย

 

 

“เช่นนั้นข้าจะเรียกให้แคลร์ออกมาพบพวกท่าน” มาร์ควิสลาเกอร์ผ่อนคลายลงเล็กน้อยและพูดอย่างรวดเร็ว

 

 

“ไม่ต้องหรอก ให้คนพาเราไปพบนางได้หรือไม่? ” เหลิ่งหลิงยวิ๋นปฏิเสธ

 

 

“โอ้ ให้ข้าพาทั้งสองไปเองเถิด” มาร์ควิสลาเกอร์ลุกขึ้น รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เขาก็พาทั้งสองคนไปที่สนามฝึกซ้อมในสวนหลังบ้าน

 

 

ทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปในสนามหลังบ้าน ทันใดนั้นสิ่งที่ดึงดูดสายตาของทุกคนอย่างไม่คาดคิดก็คือร่างของแคลร์ปลิวกระแทกเข้ากับสิ่งกีดขวางของสนามฝึกอย่างรุนแรง แคลร์อาเจียนเป็นเลือด ลื่นไถลจากสิ่งกีดขวางลงสู่พื้นอย่างช้าๆ และหมดสติไป

 

 

เสียงของทุกคนดังก้องขึ้นมา

 

 

“แคลร์!”

 

 

“แคลร์!”

 

 

“แคลร์!”

 

 

เสียงอุทานทั้งหลายดังขึ้นพร้อมกัน

 

 

หลิวเฉว่ฉิงรู้สึกถึงบางอย่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วผ่านดวงตาของนางไป เหลิ่งหลิงยวิ๋นได้พุ่งออกไปแล้ว

 

 

ประตูที่กั้นเปิดออกทันที ทุกคนรีบไปหาแคลร์ในเวลาเดียวกัน จินเหยียนอยู่ใกล้ที่สุดและวิ่งเร็วที่สุด เมื่อทุกคนวิ่งมาตรงหน้าเขา จินเหยียนก็กอดแคลร์ไว้ในอ้อมแขนของเขาแน่นแล้ว

 

 

เบนยืนอึ้งอยู่ในระยะไกล เขายื่นมือออกไปและมองมันอย่างว่างเปล่า มือนี้ทำให้แคลร์กระเด็นออกไป เขาเพิ่งจะทำไปโดยไม่รู้ตัว การโจมตีของแคลร์ดุเดือดและแข็งแกร่งเกินไป เขาจึงไม่ได้ควบคุมความแข็งแกร่งในการตอบโต้

 

 

จบแล้ว เกิดปัญหาขึ้นแล้ว!

 

 

เบนกระตุกปากและวิ่งมาอย่างรวดเร็ว

 

 

“แคลร์ เป็นอย่างไรบ้าง? ” ซัมเมอร์และเฉียวฉู่ซินคิ้วขมวดเข้าหากัน ไม่มีการตอบสนองใดๆ จากแคลร์

 

 

จินเหยียนอุ้มแคลร์ขึ้นและกำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน แต่เหลิ่งหลิงยวิ๋นหยุดไว้ “ให้ข้ารักษานางเอง”

 

 

จากนั้นทุกคนก็กลับมามีสติและเห็นบุตรและธิดาแห่งแสง ไม่รู้ว่าพวกเขามาที่สวนหลังบ้านเมื่อใด ใบหน้าของลาเกอร์ดูซับซ้อนเล็กน้อยขณะที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา

 

 

“ท่านบุตรแห่งแสง เช่นนั้นรบกวนท่านด้วย เร็วหน่อยนะครับ” จินเหยียนวางแคลร์ที่หมดสติลงอีกครั้งอย่างระมัดระวัง บุตรแห่งแสงมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษและไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขา ความโล่งใจฉายผ่านดวงตาของจินเหยียน โชคดีจริงๆ ที่ท่านบุตรแห่งแสงมาพอดี

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาโบกมือร่ายคาถาเวทมนตร์รักษาใส่แคลร์ แสงสีขาวปกคลุมร่างของแคลร์ทั้งหมดในทันที

 

 

ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าริมฝีปากของหลิวเฉว่ฉิงกัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของนางยังคงจับจ้องไปที่ร่างของแคลร์

 

 

แสงสีขาวบนร่างของแคลร์ค่อยๆ สลายไป ทุกคนโล่งใจเมื่อเห็นใบหน้าของนาง ใบหน้าที่เคยซีดตอนนี้กลายเป็นสีดอกกุหลาบแล้ว

 

 

“นางได้รับบาดเจ็บที่อวัยวะภายใน ต้องพักฟื้นหลังจากที่ข้ารักษานางแล้ว” เหลิ่งหลิงยวิ๋นสั่งหลังจากหยุดการรักษาแล้ว “อย่าออกกำลังกายหนักในช่วงนี้ ดูแลนางด้วย”

 

 

“ท่านบุตรแห่งแสง ขอบคุณมากครับ” คิ้วที่ขมวดแน่นของจินเหยียนคลายออกหลังจากที่ใบหน้าของแคลร์เริ่มแดงก่ำ จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นแสดงความเคารพเหลิ่งหลิงยวิ๋น

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นสิ่งที่ข้าต้องทำอยู่แล้ว” เหลิ่งหลิงยวิ๋นโบกมือเบาๆ ให้จินเหยียนอย่างสุภาพ

 

 

“ขอบคุณท่านบุตรแห่งแสงสำหรับความช่วยเหลือของท่าน” เสียงของลาเกอร์ดังขึ้นในเวลานี้

 

 

“เป็นสิ่งที่ข้าต้องทำอยู่แล้ว” เหลิ่งหลิงยวิ๋นตอบเบาๆ “พาแคลร์กลับไปพักผ่อนที่ห้องเถอะ”

 

 

แคลร์ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ในเวลานี้แล้วนางก็เห็นใบหน้าที่เป็นกังวลของคนกลุ่มหนึ่ง

 

 

“แคลร์ เจ้าฟื้นแล้ว เยี่ยมไปเลย! ” ซัมเมอร์และเฉียวฉู่ซินอุทานอย่างมีความสุขเมื่อเห็นแคลร์ฟื้นขึ้น

 

 

“ข้า…” แคลร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย นางยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่เล็กน้อย จำได้เพียงแค่ว่าการโจมตีที่รุนแรงและทรงพลังของเบนทำให้ตนเองกระเด็นไป

 

 

“ตอนนี้เจ้ารู้สึกไม่สบายตัวตรงไหนบ้างหรือไม่?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นนั่งอยู่ข้างๆ มองแคลร์แล้วถาม

 

 

“ท่านบุตรแห่งแสง ท่านรักษาข้าหรือ? ” แคลร์เอื้อมมือไปแตะหลังเบาๆ ดีที่ไม่หัก การปะทะกันเมื่อกี้เป็นเรื่องน่าตกใจจริงๆ

 

 

“ใช่ ตอนนี้ข้าจะพาเจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้อง” เหลิ่งหลิงยวิ๋นยื่นมือออกไปช่วยแคลร์

 

 

แต่จินเหยียนรีบยื่นมือออกไปกอดแคลร์ไว้ในอ้อมแขนของเขา เขามองเหลิ่งหลิงยวิ๋นแล้วพูด “ขอบคุณท่านบุตรแห่งแสงที่ช่วยข้า ข้ามีหน้าที่ต้องปกป้องคุณหนู แต่ข้ากลับประมาท”

 

 

“ท่านบุตรแห่งแสง ท่านเทพธิดาแห่งแสง พวกท่านมาหาข้าหรือ? ” แคลร์มองหลิวเฉว่ฉิงยืนอยู่ข้างหลังเหลิ่งหลิงยวิ๋นแล้วถามอย่างอ่อนแรง

 

 

หลิวเฉว่ฉิงต้องการพูดอะไรบางอย่างแต่เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดก่อน

 

 

“ใช่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคงต้องรอให้เจ้าพัหฟื้นร่างกายให้ดีก่อนดีกว่า” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพยักหน้าและพูด

 

 

“ขอบคุณท่านบุตรแห่งแสงที่รักษาข้า” แคลร์ยิ้มเล็กน้อยและขอบคุณอีกครั้ง

 

 

“เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนักหรอก กลับไปพักที่ห้องก่อนเถอะ” เหลิ่งหลิงยวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองแสงแดดที่ส่องและส่งสัญญาณบอกแคลร์ว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ดังนั้นนางไม่ควรจะอยู่ที่นี่

 

 

ทุกคนรวมตัวกันอยู่รอบๆ ขณะจินเหยียนพาแคลร์กลับไปที่ห้อง เบนยืนอยู่อย่างมึนงง เขากลัวและไม่กล้าตามไป สีหน้าของลาเกอร์มีความซับซ้อนอยู่ตลอดและก็ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน

 

 

หลิวเฉว่ฉิงมองแผ่นหลังของเหลิ่งหลิงยวิ๋นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย นางกำลังจะเดินตามไป แต่หางตาของนางเห็นเบนที่ดูลุกลี้ลุกลนอยู่

 

 

เสื้อผ้าสีดำ ผมสีดำ และดวงตาสีดำช่างดูโดดเด่นสะดุดตาเหลือเกิน หลิวเฉว่ฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่เบนอีกสองสามครั้ง ทันใดนั้นหลิวเฉว่ฉิงก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางมองไม่เห็นความแข็งแกร่งของชายผู้นี้เลย! ยิ่งไปกว่านั้นชายในชุดดำผู้นี้ดูเหมือนจะไม่มีลมหายใจของมนุษย์อยู่เลย?!

 

 

สัมผัสที่หกและสัญชาตญาณของสตรีทำให้หลิวเฉว่ฉิงสงสัย สัตว์เลี้ยงตัวน้อยของแคลร์คือสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏบนหลังมังกรดำในวันนั้น ตอนนี้นางก็ไม่สามารถตรวจจับพละกำลังของชายผู้นี้ที่ไม่มีลมหายใจของมนุษย์ได้ หรือว่ามันจะเป็น? ชายผู้นี้อาจจะเป็นมังกรดำใช่หรือไม่?!

 

 

หลิวเฉว่ฉิงระงับความตื่นเต้นในใจของนางไว้และไม่ได้ติดตามทุกคนเข้าไปในบ้าน แต่นางรีบอำลามาร์ควิสลาเกอร์แล้วกลับไปที่วิหารทันที ตอนนี้นางจะต้องบอกพระสันตปาปาให้ทราบถึงการคาดเดานี้ หากพระสันตปาปาได้เห็นชายในชุดดำด้วยตาของเขาเอง พวกเขาจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของชายผู้นั้นได้ พระสันตปาปาเท่านั้นที่มีความแข็งแกร่งนี้!

 

 

หลิวเฉว่ฉิงรีบออกจากคฤหาสน์ตระกูลฮิลล์และไม่มีใครรู้สึกถึงความผิดปกติเลย

 

 

ทุกคนอยู่ในห้องของแคลร์และมองนางที่อ่อนแรงบนเตียงอย่างใจจดใจจ่อ

 

 

เบนยืนก้มหัวอยู่ที่ประตู เขากลัวที่จะเข้ามา และรับสายตาที่น่ากลัวจากคนที่อยู่ข้างๆ เตียงเป็นครั้งคราว

 

 

“ข้าสบายดีแล้ว อย่าไปโทษเขาอีกเลย” แคลร์เอนกายลงข้างเตียง เห็นทุกคนหันไปมองเบนเป็นครั้งคราว

 

 

“เขาเป็น…” ซัมเมอร์กำลังจะตะโกนพูดอะไรบางอย่างด้วยความโกรธ แต่ทันใดนั้นก็เห็นเหลิ่งหลิงยวิ๋นจึงปิดปากไป “ข้าจะบอกว่าเขารุนแรงมาก ดูสิ ตอนนี้เป็นเรื่องแล้ว เขาไม่ได้ยับยั้งพลังของตัวเขาเองเลย”

 

 

“ฮึ่ม! เช่นนั้นข้าจะทำร้ายเจ้าตอนนี้เลย” เฉียวฉู่ซินหันไปด้วยความโกรธ และมองมังกรดำที่ประตู

 

 

มังกรดำก้มหน้าไม่พูดอะไร ปล่อยให้ทุกคนโจมตีเขา

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นสังเกตเห็นคนที่ประตู เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็น ชายผู้นี้มีพลังอันตรายรุนแรงและทรงพลัง แต่ดูเหมือนเขาไม่ใช่มนุษย์เลยนะ?! ดังนั้นแคลร์ถึงได้บาดเจ็บเช่นนี้น่ะหรือ?

 

 

“ดีขึ้นมากแล้ว ข้าขอบคุณท่านบุตรแห่งแสง” แคลร์ยิ้มและพูดอย่างผ่อนคลาย

 

 

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าท่านบุตรแห่งแสงไม่ได้มาทันเวลาพอดีล่ะ?” ซัมเมอร์ถามด้วยความโกรธ

 

 

“ข้าก็คงจะหมดสติไปนานอีกสักหน่อย” แคลร์รู้ว่านางทำให้เบนรีบร้อนจนไม่ทันได้ยั้งมือ

 

 

“หึ” ซัมเมอร์หัวเราะอย่างเย็นชา

 

 

“จริงสิ ท่านบุตรแห่งแสงมาหาข้ามีอะไรหรือ? ” แคลร์ถามพลางหันไปมองเหลิ่งหลิงยวิ๋น

 

 

“ไว้คุยวันอื่นดีกว่า วันนี้เจ้าอ่อนแอมาก ดีขึ้นแล้วค่อยคุยกัน” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดเบาๆ

 

 

“ไม่เป็นไร ทักษะการรักษาของท่านดีที่สุดอยู่แล้ว ตอนนี้ข้าสบายดีแล้ว” แคลร์ยิ้ม

 

 

“ข้า ข้าอยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องในเช้าวันนั้น” เหลิ่งหลิงยวิ๋นลังเลแต่ก็ยังคงพูดถึงจุดประสงค์ของการเดินทางมาในครั้งนี้

 

 

ทันใดนั้นแคลร์ก็หันไปพูดกับคนอื่นๆ “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะคุยกับท่านบุตรแห่งแสงสักพัก”

 

 

ใบหน้าของทุกคนดูกังวลและไม่เต็มใจ แต่ด้วยสายตาที่แน่วแน่ของแคลร์ พวกเขาจึงต้องทำตาม เมื่อทุกคนเดินไปที่ประตู พวกเขาเห็นมาร์ควิสลาเกอร์ที่กำลังจะเข้าไป

 

 

“ท่านมาร์ควิส คุณหนูบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับท่านบุตรแห่งแสงตามลำพัง” จินเหยียนหยุดมาร์ควิสลาเกอร์ไม่ให้เข้าไป

 

 

มาร์ควิสลาเกอร์มองแคลร์ที่เอนกายอยู่บนเตียงและเหลิ่งหลิงยวิ๋นที่นั่งอยู่ด้านข้างแล้วขยับริมฝีปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดเขาก็ไม่ได้พูดอะไรและหันหลังจากไป

 

 

…………………………………………………………………………….