บทที่ 23.2 เข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง (2)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

เมื่อโจวเหว่ยชิงต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามถึงชีวิตเช่นราชาหมาป่าโลกันตร์ หากรวมกับความกระหายเลือดที่เขาได้รับจากการฆ่าคนมาตลอดทั้งคืนแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมตอนนี้เขาถึงกำลังเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง

ณ เวลานี้ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์คิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ เธอรู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่รอเธออยู่ก็ย่อมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าอ้วนน้อยโจวที่อยู่ในสถานะปีศาจกลายร่างจะเป็นฝ่ายกำจัดหมาป่าโลกันตร์ทิ้งทั้งหมด หรือเป็นฝูงหมาป่าโลกันตร์ที่สามารถเอาชนะเขาได้ ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ยังต้องตายอยู่ดี

เมื่ออ้วนน้อยโจวสูญเสียการควบคุมจิตใจของตนเองไปเช่นนี้ เขาย่อมจะต้องฆ่าเธอเป็นแน่ อย่างไรก็ตาม เธอยังคงหวังว่าเด็กหนุ่มจะชนะ อย่างน้อยสำหรับเธอแล้ว ตายด้วยน้ำมือของเขาก็ยังดีกว่าการตกเป็นอาหารของหมาป่าโลกันตร์พวกนั้น

เมื่อร่างของโจวเหว่ยชิงหล่นลงกระแทกกับพื้น ร่างกายของเขาก็ปลดปล่อยชั้นไอหมอกสีเทาออกมาในปริมาณเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หากก่อนหน้านี้กลิ่นอายของเด็กหนุ่มทำให้หมาป่าโลกันตร์รู้สึกหวาดกลัวแล้วล่ะก็ ในเวลานี้นอกเหนือจากราชาหมาป่าโลกันตร์แล้ว หมาป่าโลกันตร์ตัวอื่นๆ ต่างก็นอนหมอบสั่นอยู่กับพื้น หลังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเข้มข้นที่แผ่ออกมาจากร่างกายของโจวเหว่ยชิง พวกมันก็ไม่มีความกล้าแม้แต่จะยืนขึ้นด้วยซ้ำ

ราชาหมาป่าโลกันตร์เห่าหอนออกมาซ้ำๆ แต่ทว่าหมาป่าโลกันตร์ตัวอื่นๆ ต่างก็ไร้การตอบสนองเพราะพวกมันกำลังขดตัวอยู่บนพื้นด้วยความหวาดกลัว พวกมันจึงไม่ได้ให้ความสนใจราชาของพวกมันเลยแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม แม้แต่ราชาหมาป่าโลกันตร์ก็ยังสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว ตรงเบื้องหน้าของมันนั้นคือมนุษย์จริงๆหรือ? กลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้น แม้กระทั่งราชาแห่งสัตว์ป่าก็ไม่อาจเทียบเคียงได้!

ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ มันทั้งรู้สึกขุ่นเคืองและหวาดกลัว ราชาหมาป่าโลกันตร์ส่งเสียงคำรามขณะที่มันเงื้อกรงเล็บทั้ง 2 ขึ้นสูง แสงสีเขียวรอบตัวมันเพิ่มความสว่างขึ้นเป็นสองเท่า แต่งแต้มให้บริเวณทั่วทั้งป่ากลายเป็นเฉดสีเขียวมรกตไปในพริบตา เมื่อกรงเล็บของมันแหวกอากาศออกไปเบื้องหน้า เงาสีดำทะมึนที่ดูเหมือนร่างของมันอีกร่างก็พุ่งทะยานเข้าไปหาร่างของโจวเหว่ยชิงทันที

นี่คือทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของราชาหมาป่าโลกันตร์ซึ่งถูกเรียกว่าทักษะ ‘ร่างแยกหมาป่าทลายสวรรค์’ และเป็นหนึ่งในทักษะธาตุลมที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดามณี 6 ดวงแรก แรงเฉือนตัดที่แท้จริงของมันเท่ากับพายุทอร์นาโดเลยทีเดียว และแน่นอนว่าทักษะนี้ไม่เพียงแต่จะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากเท่านั้น มันยังสามารถจับเป้าหมายได้ภายในระยะ 50 หลา อีกทั้งยังสามารถไล่ล่าติดตามอีกฝ่ายจนกว่าจะสังหารเป้าหมายลงได้ด้วย

ในขณะนั้นเอง โจวเหว่ยชิงพลันร้องขู่คำรามออกมา เสียงนั้นดังกึกก้องไปทั่วป่าราวกับเสียงคำรามของเสือ ไอพลังสีเทาที่ลอนวนอยู่รอบๆ ตัวของเขาดูเหมือนจะค่อยๆ แผ่ขยายอาณาเขตของมันออกไปเรื่อยๆ จากนั้นไม่นานหมาป่าโลกันตร์ที่กำลังหมอบสั่นเทาอยู่ที่พื้นต่างก็น้ำลายฟูมปากและล้มลงหมดสติ บางตัวหวาดกลัวจนกระทั่งปัสสาวะเรี่ยราดออกมา

โจวเหว่ยชิงขยับตัวอีกครั้ง เขายกขาขวาเงื้อขึ้นไปด้านหลังและฟาดลงกับพื้นดินอย่างกระทันหัน  ร่างกายทั้งหมดของเขาจึงดีดพุ่งขึ้นไปในแนวนอนทันทีราวกับสายฟ้าฟาด โจวเหว่ยชิงขยับตัวหลบหลีกทักษะ ‘ร่างแยกหมาป่าทลายสวรรค์’ ที่ราชาหมาป่าโลกันตร์ส่งออกมาได้อย่างทันท่วงที และด้วยการขยับตัวกลางอากาศเพียงครั้งเดียว เด็กหนุ่มก็มาปรากฏตัวต่อหน้าหมาป่าโลกันตร์จำนวน 2 ตัวที่อยู่ใกล้ๆ เขาแล้ว โจวเหว่ยชิงเหยียดมือทั้ง 2 ข้างออกจากกัน จากนั้นก็ตวัดลงบนศีรษะของพวกมัน ทันใดนั้นก็เกิดเสียงแตกดังโพละ กะโหลกศีรษะของหมาป่าโลกันตร์ทั้ง 2 ตัวถูกทุบจนแยกออกเป็นสองซีกอย่างไร้ความปราณี

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหมาป่านั้นขึ้นชื่อในเรื่อง ‘หัวแข็งและเอวอ่อน’ ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วส่วนที่แข็งที่สุดในร่างกายของพวกมันจึงเป็นศีรษะ แต่ทว่าภายใต้เงื้อมมือของโจวเหว่ยชิงที่บนร่างกายเต็มไปด้วยลายเสือดำที่ดูโหดเหี้ยมและชั่วร้าย กะโหลกศีรษะของหมาป่าโลกันตร์จึงยุบลงไปได้อย่างง่ายดาย

โจวเหว่ยชิงไม่ได้หยุดพักแม้เพียงเสี้ยววินาที ในขณะที่เท้าของเขาสัมผัสพื้น เขาก็สามารถกระโดดหลบหลีกการโจมตีจาก ‘ร่างแยกหมาป่าทลายสวรรค์’ ได้อีกครั้งอย่างทันท่วงที ด้วยความเร็วอันน่าทึ่งและร่างกายที่ประสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้ เมื่อรวมกับดวงตาแดงก่ำที่ดูเย็นยะเยือกคู่นั้น ตอนนี้โจวเหว่ยชิงจึงดูน่ากลัวอย่างถึงที่สุด

จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น จู่ๆ เมื่อโจวเหว่ยชิงโผล่ออกมาจากซากศพของหมาป่าโลกันตร์ทั้ง 2 ตัวนั้น ลูกไฟสีเขียว 2 ดวงก็พร้อมใจกันลอยออกมาจากศีรษะของหมาป่าโลกันตร์ที่เด็กหนุ่มเพิ่งจะสังหารทิ้งไป โจวเหว่ยชิงอ้าปากกลืนลูกไฟทั้ง 2 ดวงนั้นเข้าไป จากนั้นก็รวบรวมพลังตวัดขาขวาของเขากระแทกเข้ากับ ‘ร่างแยกหมาป่าทลายสวรรค์’ ที่ไล่ตามมาอย่างรุนแรง

เมื่อขาขวาสีดำสนิทของเขากลับขยับกลับเข้าที่ เสียงระเบิดก็ดังสนั่นขึ้นทันที จากนั้น ‘ร่างแยกหมาป่าทลายสวรรค์’ ก็พลันถูกเขาทำลายลงกลางอากาศอย่างไม่มีใครคาดคิด ปราณสวรรค์ทักษะธาตุลมแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ปลิวละล่องออกไปทุกทิศทาง ด้วยแรงระเบิดนั้น บางส่วนยังพัดกรีดโดนร่างขอโจวเหว่ยชิงทำให้เกิดบาดแผลเล็กๆขึ้นหลายรอย

ทว่าหลังสายตาอันน่าสะพรึงกลัวของเขาสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง ในพริบตานั้นบาดแผลทั่วร่างของโจวเหว่ยชิงก็เริ่มสมานเองด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ลงมือตอบโต้ราชาหมาป่าโลกันตร์กลับ  โจวเหว่ยชิงเพียงแค่หลบไปด้านข้างและตวัดมือทุบศีรษะหมาป่าโลกันตร์อีก 2 ตัวที่หมอบอยู่อีกครั้ง แน่นอนว่าหมาป่าโลกันตร์เหล่านั้นไม่แสดงท่าทีต่อต้านใดๆเลย การสังหารพวกมันจึงง่ายพอๆ กับการผ่าแตงโม นอกจากนี้ทุกครั้งที่เขาฆ่าหมาป่าโลกันตร์ ลูกไฟสีเขียวอีกดวงก็จะปรากฏขึ้นและถูกเขาดูดกลืนเข้าไปเรื่อยๆ และเมื่อใดก็ตามที่ทำเช่นนั้น ไอหมอกสีเทาดำรอบๆ ร่างของโจวเหว่ยชิงก็จะเข้มข้นขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

หากโจวเหว่ยชิงยังมีสติอยู่ เขาจะพบว่าวงล้อทักษะธาตุในตอนนี้หมุนไปยังพื้นที่ส่วนสีเทาอันลึกลับและชั่วร้าย ทักษะที่เด็กหนุ่มใช้อยู่ในขณะนี้คือทักษะที่มาพร้อมกับมณีสวรรค์ของตน ซึ่งแต่เดิมไม่เคยถูกเขาใช้มาก่อน และมันก็คือทักษะกลืนกินนั่นเอง

มันคือทักษะจากไข่มุกรัตติกาล และอาจกล่าวได้ว่าเป็นทักษะที่เขาได้รับสืบทอดมาจากมัน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมก่อนหน้านี้ทักษะธาตุปีศาจของเขาจึงไม่จำเป็นต้องผ่านการกักเก็บทักษะ

ในขณะนี้ จริงๆ แล้วโจวเหว่ยชิงที่กำลังอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่างก็ยังคงเป็นโจวเหว่ยชิงคนเดิม แม้ว่าพลังและประสาทสัมผัสของเขาจะดีขึ้นหลายเท่าก็ตาม  สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ ดูเหมือนว่าสถานะปีศาจกลายร่างของเขาจะแตกต่างจากสถานะปีศาจกลายร่างของจ้าวมณีสวรรค์ที่มีทักษะธาตุปีศาจคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เขาดื่มด่ำกับการฆ่าฟันสิ่งมีชีวิตเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายไปในเวลาเดียวกันด้วย

อย่างไรก็ตาม ขณะที่โจวเหว่ยชิงเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง พลังปราณสวรรค์ทั้งหมดในร่างกายของเขาต่างก็ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว ดังนั้นแม้ว่าเขาจะได้รับความแข็งแกร่งอย่างมหาศาลจากสถานะปีศาจกลายร่าง แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้โจวเหว่ยชิงสังหารหมู่หมาป่าโลกันตร์พวกนี้ได้ทั้งหมด นั่นเป็นผลให้เด็กหนุ่มยังไม่สามารถจัดการราชาหมาป่าโลกันตร์ได้ในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องหันไปจัดการหมาป่าโลกันตร์ธรรมดาเพื่อดูดกลืนปราณสวรรค์ธาตุลมของพวกมันมาเสริมกำลังให้ตนเองแทน

และนั่นก็ยังเป็นวิธีที่โจวหว่ยชิงใช้ทำลาย ‘ร่างแยกหมาป่าทลายสวรรค์’ เขาต้องกลืนกินพลังปราณสวรรค์ธาตุลมของหมาป่าโลกันตร์ 2 ตัวควบคู่ไปกับการใช้พลังของขาขวาปีศาจถึงจะสามารถทำลายทักษะ ‘ร่างแยกหมาป่าทลายสวรรค์’ ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเช่นนั้นได้

เมื่อเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง โจวเหว่ยชิงไม่เพียงแต่สามารถใช้ ‘ทักษะปีศาจกลืนวิญญาณ’ เพื่อดูดกลืนพลังปราณของศัตรูเท่านั้น แต่เขายังสามารถดูดกลืนพลังชีวิตของศัตรูได้อีกด้วย นี่คือเหตุผลว่าทำไมอาการบาดเจ็บของเด็กหนุ่มจึงถูกรักษาอย่างรวดเร็ว

เพียงไม่กี่อึดใจ หมาป่าโลกันตร์อีกหลายชีวิตก็ถูกสังหารด้วยน้ำมือของโจวเหว่ยชิง และกลิ่นอายของเขาก็ค่อยๆเปล่งรัศมีน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ

ราชาหมาป่าโลกันตร์ก็ไม่ได้ดันทุรังบุกโจมตีโจวเหว่ยชิงต่อ ดวงตาสีเขียวสดของมันจ้องมองมาทางเขาอย่างดื้อรั้น อย่างไรก็ตาม ร่างกายของมันก็ค่อยๆ ขยับถอยห่างออกไปทีละเล็กละน้อย เนื่องจากกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวของโจวเหว่ยชิงทำให้ราชาหมาป่าโลกันตร์อย่างมันไม่กล้าจะสู้กลับ ถ้าไม่ใช่เพราะฝูงหมาป่าโลกันตร์ของมันกำลังถูกเล่นงาน ราชาหมาป่าโลกันตร์ก็อาจจะเผ่นหนีไปแล้วก็ได้

ราชาหมาป่าโลกันตร์ส่งเสียงโหยหวนออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน มันกำลังพยายามจะสื่อสารบางอย่างกับโจวเหว่ยชิง โชคไม่ดีที่โจวเหว่ยชิงกำลังเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง และเมื่อเป็นดังนั้น เขาจะสามารถสื่อสารกับมันได้อย่าง ไร?

เมื่อหมาป่าโลกันตร์ตัวที่ 20 ถูกโจวเหว่ยชิงสังหารและกลืนกินพลังปราณเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นไม่นานมือทั้งสองข้างของเขาก็โน้มลงไปยันกับพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น ทันใดนั้นโจวหว่ยชิงก็เงยหน้าขึ้นร้องคำรามคล้ายกับเสือ และเสียงขู่คำรามนั้นก็ดังสะท้อนกึกก้องไปทั่วทั้งป่า

……………………………………………