ตอนที่ 115 ผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ / ตอนที่ 116 ใส่อะไรก็ดูจืดชืด

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 115 ผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ

 

 

“ขอบคุณค่ะพี่เหิง”

 

 

ซูเหิงส่งยิ้มให้เธออย่างอบอุ่นแล้วพาเธอไปหยุดลงตรงหน้าของหลินเฟยเฟย

 

 

เฉินเชียนโหรวชะเง้อชะแง้มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นวี่แววของเฉินฝานซิง

 

 

คุณย่าบอกว่าจะให้คนมาดักรอเฉินฝานซิง เห็นได้ชัดว่าเธอคงยังไม่มา

 

 

โชคดีที่คุณย่าเป็นคนรอบคอบ กลัวว่าเฉินฝานซิงจะมาไม่ทันเวลาจึงได้เตรียมให้หลินเฟยเฟยมาสมทบ

 

 

พวกเขารออยู่ตรงนั้นสักพัก ซูเหิงก้มหน้าลงมองนาฬิกาข้อมืออยู่หลายครั้งจนใบหน้าหล่อเริ่มจะเคร่งเครียด

 

 

“เชียนโหรว แน่ใจเหรอว่าเฉินฝานซิงจะมา”

 

 

เธอส่ายหน้า “ครั้งก่อนที่บ้านพี่เขาบอกว่าจะมา ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า”

 

 

ซูเหิงก้มลงมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง “เราเข้ากันไปก่อนเถอะ เธอไม่ค่อยได้ร่วมงานเลี้ยงบ่อยนัก ดูๆ แล้วเธอคงไม่มาแล้วล่ะ”

 

 

เธอแสดงสีหน้ากลัดกลุ้ม “แต่ถ้าเราเข้าไป แล้วพี่สาวเข้าไปไม่ได้ล่ะจะทำยังไง พี่เขาไม่มีบัตรเชิญนะ”

 

 

“สนใจเธอทำไม มาก็ขายหน้าเขาเปล่าๆ เรารอกันนานขนาดนี้ก็บุญแค่ไหนแล้ว! ไปกันเถอะ เราเข้ากันไปก่อน” หลินเฟยเฟยหมดความอดทนอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้หัวใจของเธอบินเข้าไปอยู่ในห้องจัดเลี้ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

ชาตินี้ยังไม่เคยมีโอกาสได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน!

 

 

เมื่อกี้เธอก็เพิ่งสอดส่ายสายตาไปเห็นผู้ชายที่โดดเด่นคนหนึ่งด้วย!

 

 

“ไม่ได้นะ เดี๋ยวถ้าคุณย่ามาแล้วจะดุฉันเอา!”

 

 

“เราเข้ากันไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะให้คนรอเธออยู่ตรงนี้”

 

 

เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าตกลง

 

 

หลินเฟยเฟยคล้องแขนเฉินฝานซิงด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ทั้งคู่เดินตามหลังซูเหิงและค่อยๆ ก้าวย่างขึ้นบนพรมแดงแล้วเดินเข้าโรงแรมไป

 

 

การรวมตัวแบบนี้ในเวลาเช่นนี้ แม้จะดูแปลกไปบ้างแต่ก็ใช่ว่าจะยอมรับไม่ได้

 

 

แต่วันนี้เสื้อผ้าหน้าผมของเฉินเชียนโหรวดูสะดุดตาเกินไป นักข่าวตรงประตูจึงได้เผลอถ่ายรูปเธอเกินไปหลายรูป

 

 

เฉินเชียนโหรวมองซูเหิงที่เดินนำหน้าเธออยู่ก่อนจะกัดฟันด้วยความผิดหวัง

 

 

หากความสัมพันธ์ของพวกเธอสามารถป่าวประกาศได้ วันนี้เธอคงได้เดินควงแขนเขาเข้าออกงานได้อย่างเปิดเผย

 

 

ขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาในโรงแรม ผู้คนจำนวนมากก็ได้มารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

เมื่อเห็นซูเหิงเดินเข้ามา บรรดาสาวๆ ด้านในก็ได้หันมามองความหล่อเหลาของเขาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย แววตาของพวกเธอเต็มไปด้วยความชื่นชมหลงใหลและเทิดทูนอย่างปิดไม่มิด

 

 

เฉินเชียนโหรวกลอกตา ก่อนจะดึงมือตัวเองออกมาจากวงแขนของหลินเฟยเฟย เธอถลกชายกระโปรงขึ้นแล้วก้าวไปข้างหน้าสองก้าว อีกนิดเดียวก็จะตามซูเหิงได้ทันแล้ว แต่จู่ๆ ร่างกายของเธอเหมือนจะสะดุดเข้ากับชายกระโปรงจนถลาไปข้างลำตัวของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

 

“ว๊ายยย”

 

 

เธอร้องตะโกนจนซูเหิงเคลื่อนสายตามามอง ก่อนจะรีบเอื้อมไปจะคว้าเอวของเธอเอาไว้

 

 

“ไม่เป็นไรใช่ไหม”

 

 

เสียงทุ้มชวนฟังทำให้จิตใจของเธอกวัดแกว่ง ยิ่งเธอได้แหงนมองชายหนุ่มตรงหน้าก็ยิ่งทำให้จิตใจของเธอล่องลอย

 

 

วันนี้ซูเหิงอยู่ในชุดสูทเรียบร้อย ทรงผมพิถีพิถัน ลุคเจ้าชายผู้สูงส่งทำเอาคนมองหัวใจเต้นโครมคราม

 

 

จะสามารถวัดความโดดเด่นของผู้ชายคนหนึ่งได้อย่างไร ก็คงต้องดูว่าเขาเป็นที่นิยมมากแค่ไหนในหมู่สาวๆ

 

 

ตอนนี้เขาโดนสาวๆ มากหน้าหลายตาจ้องกันจนตาเป็นมัน แต่นาทีนี้เขาเป็นของเฉินเชียนโหรว

 

 

ความชอบที่ออกมาจากใจนั้นเพียงแค่เกิดจากความลุ่มหลงในรูปร่างหน้าตา

 

 

“ฉันไม่เป็นไร” เธอเอ่ยขึ้นเสียงต่ำในอ้อมแขนของเขา เธอมองเขาพร้อมทั้งขบริมฝีปาก อีกทั้งใบหน้ายังขึ้นริ้วสีแดง ท่าทางแบบนี้…

 

 

จู่ๆ ร่างของซูเหิงก็รู้สึกแข็งทื่อ มือที่กุมช่วงเอวของเธออยู่กระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย สีของนัยน์ตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีมืดดำ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 116 ใส่อะไรก็ดูจืดชืด

 

 

ปีศาจตนนี้

 

 

จะมาล่อลวงเขาในเวลานี้?

 

 

“เดินไหวรึเปล่า” เขายังคงตั้งสติแล้วดันเธอออกห่าง ก่อนจะก้มมองลงไปที่เท้าของเธอ

 

 

“ไหว” เมื่อรับรู้ได้ถึงปฏิกิริยาของซูเหิง เฉินเชียนโหรวจึงยกยิ้มขึ้น ทว่ามือที่ควงแขนของเขาอยู่นั้นกลับไม่ยอมผละออกไป

 

 

เขาเองก็ไม่ได้แกะมือเธอออกแถมยังประคองเอวของเธอเดินเข้าลิฟต์ไป

 

 

หลินเฟยเฟยที่เดินตามหลังพวกเขาอยู่ถึงกับต้องแอบเบ้ปาก

 

 

แบบอดใจไม่ไหวแล้วจริงๆ

 

 

เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปยังห้องจัดเลี้ยง หลินเฟยเฟยถึงกับอดไม่ได้ที่จะยกสองมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้

 

 

งานสังสรรค์ของสมาคมสกุลป๋อนี่คนละชั้นกับงานอื่นจริงๆ

 

 

เสียงดนตรีไพเราะระรื่นหูล่องลอยไปทั่วห้องจัดเลี้ยงอันโอ่อ่า หนุ่มสาวจากแต่ละประเทศต่างก็อยู่ในชุดเสื้อสูทรองเท้าหนังและชุดเดรสที่พลิ้วไหว

 

 

ลุคของแต่ละคนไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูไม่ใช่คนธรรมดา

 

 

หรูหราอลังการ เหล้าชั้นดีสตรีงดงาม สังสรรค์เริงรื่น

 

 

“แม่เจ้า เชียนโหรว งานที่สกุลป๋อจัดขึ้นนี่คนละเรื่องกันเลยเนอะ ที่นี่…ทำให้ฉันรู้สึกว่างานเลี้ยงในโรงแรมที่เคยไปร่วมที่ผ่านๆ มาเนี่ยดู LOW สุดๆ ไปเลย…”

 

 

อันที่จริงเฉินเชียนโหรวเองก็ทึ่งกับความงามของสถานที่แห่งนี้ไปชั่วขณะเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้มีปฏิกิริยาเหมือนกับพวกบ้านนอกเข้ากรุงอย่างหลินเฟยเฟย

 

 

เธอยกยิ้มขึ้นน้อยๆ “ยังไงก็เป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลเป็นอันดับหนึ่งล่ะนะ จะใหญ่โตขนาดนี้ก็ไม่แปลกหรอก”

 

 

เธอยืนอยู่ระหว่างขั้นบันไดสูงตรงประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยง แล้วคลี่ยิ้มออกอย่างสุภาพอ่อนหวาน

 

 

เมื่อเทียบกับหลินเฟยเฟยแล้ว เธอดูสูงสง่าขึ้นหลายเท่าตัว

 

 

เดิมเธอก็มีรูปโฉมที่โดดเด่นเกินใครอยู่แล้ว คืนนี้เธอยังแต่งตัวเป็นพิเศษ ดังนั้นเมื่อเธอปรากฏตัวขึ้น ณ ที่แห่งนี้ สายตาหลายคู่ก็ถูกส่งมายังเธอ

 

 

สายตาชื่นชมและหลงใหลของชายหนุ่มและสายตาอิจฉาริษยาของหญิงสาวยิ่งทำให้หัวใจของเฉินเชียนโหรวพองโต

 

 

เธอยกชายกระโปรงขึ้นแล้วก้าวลงไปสองก้าวเพื่อตรงไปยังใจกลางของงานเลี้ยง

 

 

ท่วงท่าสง่าผ่าเผย งดงามพราวไปด้วยเสน่ห์ไม่ว่าจะก้าวเดินไปทางไหนก็ล้วนแต่ดึงดูดความสนใจของคนในงานไปได้ไม่น้อย

 

 

เฉินเชียนโหรวจึงกลายเป็นคนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในคืนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

ระหว่างทางเธอได้ยืนขวางบริกรไว้ เพื่อหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาสองแก้วส่งให้ซูเหิงและหลินเฟยเฟยก่อนจะหยิบให้ตัวเองอีกหนึ่งแก้ว ทั้งสามจิบมันลงไปคนละคำ

 

 

รอบตัวของซูเหิงเริ่มมีหญิงสาวรายล้อมเข้ามา ดูเหมือนว่าพวกเธอจะเข้ามาคุยเรื่องธุรกิจ

 

 

เรื่องธรรมดาของผู้ชายเมื่อต้องร่วมงานสังสรรค์ หนึ่งคือเพื่อฆ่าเวลา สองก็คือพบปะพูดคุยกันเพื่อหาโอกาสในการร่วมงาน

 

 

เฉินเชียนโหรวเข้าใจและไม่ได้ตามเข้าไป

 

 

ตรงกันข้าม แค่เพียงซูเหิงก้าวออกไป รอบกายก็มีสุภาพบุรุษจำนวนไม่น้อยทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักทยอยกันเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวเธอ

 

 

เมื่อเผชิญหน้ากับบรรดาชายหนุ่มที่รายล้อมกันเข้ามา เธอก็ทั้งได้ใจและทั้งพยายามรักษาระยะห่างกับพวกเขาอย่างสุดความสามารถ จนทำให้ชายหนุ่มเหล่านั้นรู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจ

 

 

เพราะมีผู้ชายล้อมหน้าล้อมหลังเป็นจำนวนมาก หญิงสาวที่สนิทชิดเชื้อกับเฉินเชียนโหรวเป็นอย่างดีจึงพากันมาออกันอยู่ข้างๆ เธอ

 

 

“เชียนโหรว วันนี้เธอสวยสุดๆ ไปเลยนะ”

 

 

“ชุดราตรีนี่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของชาแนลสินะ ทำไมถึงได้มือไวขนาดนี้ฮะ”

 

 

“เท่าไหร่ๆ คงจะแพงน่าดูเลยละสิ”

 

 

เฉินเชียนโหรวยกยิ้มขึ้น “ตอนซื้อมันมีปัญหานิดหน่อยน่ะ เลยต้องจ่ายไปสองล้านแปด”

 

 

ผู้คนต่างพากันนิ่งอึ้ง แค่หลักแสนก็พอที่จะทำให้พวกเขาทึ่งได้แล้ว ยังจะเพิ่มมาเป็นสองล้านแปด?

 

 

พวกเขาคือคนมีเงินไม่ผิดแน่ แต่ต่อให้รวยแค่ไหนก็คงไม่ใช้เงินเป็นเบี้ยแบบนี้!

 

 

หลินเฟยเฟยที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับเอ่ยขึ้นอย่างได้ใจว่า

 

 

“เดรสตัวนี้ตอนแรกก็โดนยัยเฉินฝานซิงนั่นแย่งไปแล้ว! แต่สุดท้ายพี่ชายฉันทนดูไม่ไหวเลยควักเงินในราคาที่สูงกว่าตั้งสองล้านแปดให้กับเธอเพื่อซื้อมันกลับมา!”

 

 

“อ๋อ ที่แท้ซูเหิงก็ซื้อให้นี่เอง?”

 

 

“เชียนโหรวเธอนี่โชคดีจริงๆ นะ ซูเหิงทำให้เธอขนาดเนี้ย”

 

 

“น่าอิจฉาจังเลยนะ ออกหน้าเพื่อแย่งชุดราตรีจากแฟนเก่ามาให้เธอ คิดแล้วก็เท่สุดๆ ไปเลยอะ…”

 

 

“ว่าแต่สองล้านแปดนี่คงหวานปากเฉินฝานซิงน่าดูล่ะสิ!”

 

 

“จนจบเป็นบ้าไปแล้ว! วันๆ เอาแต่ใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ ซากๆ แถมยังเชยระเบิด ใส่อะไรก็ดูจืดชืด! คนพรรค์นั้นคงพามาออกงานที่ไหนไม่ได้!”