ตอนที่ 81-5 ท่านสามควบคุมตัวเองไม่ได้

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

เว่ยอ๋องหน้าแตกยับเยิน จึงเอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้าส่งเสียงอีก

 

 

เจี่ยไทเฮาแค่นเสียงขึ้นจมูก “ใครกัน ที่อยู่กับเว่ยอ๋องเมื่อครู่!”

 

 

หัวใจอวิ๋นหว่านถงเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก ก่อนขยับตัวออกมายอมรับ

 

 

เจี่ยไทเฮาสำรวจมองนางให้ถ้วนถี่ แล้วจึงขมวดคิ้ว “เจ้ามิใช่คนในวัง”

 

 

อวิ๋นหว่านถงก้มศีรษะจรดพื้นคารวะพร้อมหยดน้ำตา

 

 

“เรียนไทเฮา หม่อมฉันมางานเลี้ยงในฐานะคนในบ้านขุนนางเพคะ”

 

 

หึ ดูท่าแม่ลูกสกุลฟางใจใหญ่ไม่เบา

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นดูเบาสองแม่ลูกคู่นี้เสียแล้ว ไหนเลยจะคิดว่า เพื่อจับผู้ชายชั้นสูงแล้ว อวิ๋นหว่านถงที่ดูหงิมๆ ไม่กล้าออกสิทธิออกเสียงในบ้าน จะยอมเสียชื่อ อีกทั้งยังกล้ารบกวนไทเฮาต่อหน้าต่อตา! ดูท่าทางนางคงพูดทุกอย่างออกมาหมด

 

 

ต้องออกโรงเสียแล้วเรา อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นอวี้โหรวจวงมองตนด้วยสายตาของคนที่กำลังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ริมฝีปากจึงขยับ คิดชิงความได้เปรียบ ด้วยการเอ่ยปากบอกทุกคนว่าอวิ๋นหว่านถงเป็นคนในบ้านตน จึงหายใจเข้าลึกๆ บอกให้เมี่ยวเอ๋อร์อธิบายให้สนมเอกเฮ่อเหลียนฟัง ส่วนตนก็ลุกเดินไปด้านหน้า คุกเข่าคารวะศีรษะจรดพื้น

 

 

“ไทเฮาเพคะ เด็กสาวผู้นี้คือผู้ที่หม่อมฉันพาเข้าวังมาเอง”

 

 

“อ้อ” เจี่ยไทเฮาหันมามอง พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่มนวลลง “เป็นสาวใช้ของเจ้าหรือ”

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นก้มหน้า “เรียนไทเฮา เป็นลูกของอนุที่บ้าน นางเป็นลูกสาวคนที่สาม ด้วยท่านพ่อเกรงว่าหม่อมฉันเข้าวังคนเดียวแล้วจะตื่นเต้นจนทำอะไรผิดพลาด จึงบอกให้นางตามมาดูแล หม่อมฉันจึงพานางมาด้วย ต้องโทษที่หม่อมฉันเอาแต่พูดคุยกับสหายที่ตึกไจซิง ไม่ดูแลน้องสาวให้ดี เมื่อได้พบเว่ยอ๋อง นางจึงไม่ทันระวังและเข้าใจกฎระเบียบในวังผิดไป”

 

 

แม้สนมเอกเฮ่อเหลียนไม่พอใจที่อวิ๋นเสวียนฉั่งยัดลูกสาวให้เข้าวังมาอีกคนโดยพลการ แต่พอเห็นซย่าโหวซื่อถิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองมาด้วยสายตาวิงวอนร้องขอ จึงเอ่ยปากช่วย

 

 

“ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันเป็นคนอนุญาตเอง”

 

 

เจี่ยไทเฮามีความรู้สึกดีกับอวิ๋นหว่านชิ่นอยู่เป็นทุนเดิม จึงคิดว่า เรื่องนี้จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวกับนาง แต่นางกลับแสดงความรับผิดชอบเรื่องนี้เองทั้งหมดในฐานะพี่สาว ก็ยิ่งรู้สึกสงสาร จึงพูดอย่างอ่อนโยน

 

 

“จะโทษเจ้าได้อย่างไรเล่า ในเมื่อพ่อเจ้าเป็นคนบอกให้น้องสาวเจ้าเข้าวังมาดูแลเจ้าเอง แต่นางกลับไม่อยู่ดูแลข้างกายเจ้า แถมเจ้ายังต้องแบ่งสมาธิไปดูแลนางอีก มิหนำซ้ำตอนนี้เจ้ายังออกรับผิดแทนนางด้วย ใช่เรื่องที่ไหน เร็ว ลุกขึ้นเร็วเข้า”

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน พอเงยหน้าขึ้น ก็ยิ้มทั้งน้ำตา ยิ้มเพราะตื้นตันใจ น้ำตาไหลเพราะ

 

 

ละอายใจ มองเจี่ยไทเฮาพลางสำนึกเสียใจและรู้สึกผิดเพิ่มมากขึ้น เจี่ยไทเฮาจึงชมเชยนาง

 

 

“เจ้ากตัญญูต่อบิดา ปกป้องน้องสาวต่างมารดา มีคุณสมบัติพี่ใหญ่ของบ้านเต็มตัว เป็นแบบฉบับให้กับสตรีต้าเซวียนได้อย่างแท้จริง อวิ๋นเสวียนฉั่งสามารถสั่งสอนลูกสาวออกมาได้เช่นนี้ นับว่าไม่เลวทีเดียว พวกเจ้าแต่ละคน ดูไว้เป็นตัวอย่างด้วย”

 

 

กลุ่มสาวๆ พยักหน้ารับไปตามๆ กัน

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นจึงปาดน้ำตา “ไทเฮาทรงยอหม่อมฉันเกินไปแล้วเพคะ”

 

 

ไทเฮาโบกมือ เรียกขันทีน้อยข้างกายเข้ามากระซิบบอก

 

 

“รอให้คุณหนูอวิ๋นกลับไปนั่งที่เดิมแล้ว ช่วยไปถามนางหน่อยว่า เคล็ดลับที่สั่งน้ำตาได้ดั่งใจนึกนั้น นางไปเรียนมาจากไหน ข้าจะได้จำเอามาใช้บ้าง”

 

 

จากนั้น พอเจี่ยไทเฮาหันกลับมามองอวิ๋นหว่านถง สีหน้าก็เปลี่ยน พลางส่ายศีรษะอย่างไม่ชอบใจ

 

 

“เจ้าเป็นลูกอนุในบ้าน ควรเคารพพี่สาวและดูแลพี่สาวให้ดีตามคำกำชับของพ่อ แต่แล้วเจ้ากลับปลีกตัวออกไปตามลำพัง นี่เป็นการกระทำของคนที่ไร้ซึ่งการสอนสั่งอย่างสิ้นเชิง!”

 

 

อวิ๋นหว่านถงถูกด่าจนโงหัวไม่ขึ้น

 

 

แต่เจี่ยไทเฮาด่าก็ส่วนด่า อย่างไรก็เป็นลูกสาวขุนนางคนหนึ่ง ย่อมต้องมีบทสรุปที่ชัดเจน ต่อให้ไม่มีอะไรกับเว่ยอ๋อง ก็ถูกคนเห็นแล้วว่าทั้งสองนอนอยู่บนเตียงเดียวกันในห้อง

 

 

ทว่าจวนอ๋องของเจ้าห้าก็ไม่ขาดนางกำนัล แถมมีเยอะเสียด้วย

 

 

เจี่ยไทเฮาจึงถอนหายใจออกมา งานเลี้ยงสังสรรค์ของทุกๆ ปีล้วนมีการจับคู่อยู่หลายคู่ แต่คิดไม่ถึงว่าปีนี้คู่แรกจะถูกจับให้คู่กันอย่างคลุมเครือและน่าอายเช่นนี้ คิดพลางตัดสินใจเบ็ดเสร็จ จึงค่อยๆ เอ่ยขึ้น

 

 

“จวนเว่ยอ๋องแม้มีนางกำนัลมากมาย แต่ที่ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาจริงๆ กลับมีเพียงชายารองคนหนึ่ง กับชายาบ่าวอีกสองคน ปีก่อนเห็นว่าป่วยและเสียชีวิตไปคนหนึ่ง ซึ่งคนที่เหลือต่างก็ยังมีทายาท น่ากังวลใจยิ่ง วันนี้นับว่าคุณหนูสามของสกุลอวิ๋นกับเว่ยอ๋องมีวาสนาต่อกัน ข้าจึงขอเป็นเจ้าภาพ ยกคุณหนูสามของสกุลอวิ๋นให้เป็นชายารองของเว่ยอ๋องเรา เติมเต็มตำแหน่งที่ว่างลง ซึ่งก็สมกันดี”

 

 

ว่าพลางหันไปมองเจี่ยงฮองเฮากับมเหสีรองเหวย “ฮองเฮา มเหสีรอง พวกเจ้าว่าดีไหม”

 

 

เจี่ยงฮองเฮาย่อมคล้อยตามเจี่ยไทเฮา

 

 

ส่วนมเหสีรองเหวย เนื่องจากโอรสถูกตำหนิ กำลังโกรธแค้นอวิ๋นหวานถง และเดาว่าอาจเป็นแผนของฝ่ายหญิง ซึ่งถ้าเป็นจริง ต่อไปต้องได้เห็นดีกันแน่

 

 

แต่ตอนนี้พอได้ยินไทเฮารับสั่งว่า ยกคุณหนูสามบ้านอวิ๋นให้เว่ยอ๋อง ซ้ำยังให้เป็นชายารองที่จ่อตำแหน่งชายาเอกด้วย จึงรู้สึกไม่พอใจ แม้ไม่ค่อยอยากได้อวิ๋นหว่านถงเป็นลูกสะใภ้ แต่ไหนเลยจะกล้าพูดว่าไม่เห็นด้วย จึงได้แต่พยักหน้า

 

 

“คู่ที่ไทเฮาทรงจับให้ ไหนเลยจะไม่ดีเพคะ!”

 

 

เจี่ยไทเฮาค่อยอารมณ์ดีขึ้นบ้าง

 

 

แม้เป็นแค่ชายารอง แต่สามีเป็นถึงองค์ชายในราชวงศ์เชียว สถานการณ์ในวันนี้ เห็นชัดว่าเกินเลยจาก

 

 

ที่อวิ๋นหว่านถงคิดไว้มาก นางจึงดีใจยิ่ง

 

 

“ขอบพระทัยไทเฮา! ขอบพระทัยมเหสีรอง!”

 

 

ทว่าเว่ยอ๋องกลับรู้สึกไม่เป็นธรรมยิ่ง โดยจนถึงตอนนี้ที่จวนตนมีหนึ่งชายารองกับสองชายาบ่าว ก็ล้วนแล้วแต่รับเข้ามาเพื่อบังหน้าทั้งสิ้น ซึ่งปกติแล้วตนก็มิได้แตะต้องพวกนางแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังต้องกำชับพวกนางอย่างเข้มงวดด้วยว่าไม่ให้บอกใคร

 

 

โดยปีก่อน ชายารองทนสภาพเช่นนี้ไม่ได้ เพราะคิดว่าชาตินี้ ถ้าต้องอยู่อย่างซังกะตาย ถึงสามีมีชาติกำเนิดที่ดีอย่างไร หญิงสาวก็ไม่มีทางมีความสุขได้แม้แต่วันเดียว จึงร้องไห้ขอกลับไปหามารดาที่บ้าน!

 

 

แต่นางเป็นลูกสาวขุนนางใหญ่ ขืนกลับบ้านไป แล้วบิดานางไปเอาเรื่องกับราชสำนัก เรื่องที่ตนเลี้ยงเด็กผู้หญิง และชอบผู้ชายเหล่านั้น มีหรือจะไม่ถูกหนิงซีฮ่องเต้สืบรู้

 

 

ตนโกรธมาก จึงพลั้งมือบีบคอนางตาย สุดท้ายก็แสร้งบอกว่าป่วยตาย ชายาบ่าวที่เหลืออีกสองคนค่อยทำตัวเป็นจักจั่นในฤดูหนาว ไม่กล้าเรียกร้องอีก

 

 

พอเจี่ยไทเฮาพระราชทานสมรส จวนอ๋องก็มีหญิงสาวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง ซึ่งก็คือภาระที่เพิ่มขึ้น แล้วจะไม่ให้เว่ยอ๋องปวดหัวได้อย่างไรเล่า แต่ไม่มีทางเลือก ได้แต่ตอบรับอย่างหดหู่

 

 

“กลับถึงจวนแล้ว หลานค่อยเตรียมการ”

 

 

เมื่ออวิ๋นหว่านถงได้ยิน ก็รู้สึกดีใจประดุจเรือน้อยที่พลิกไปมาบนเกลียวคลื่น ชายารอง ชายารองของจวนเว่ยอ๋อง แต่นี้เป็นต้นไป เกียรติยศและความมั่งคั่ง ยังมีท่านอ๋องที่หล่อเหลาเช่นนี้ ล้วนเป็นของตนทั้งหมด พอกลับไปยืนด้านหลังอวิ๋นหว่านชิ่น ก็ยังดีใจไม่หาย จนต้องฮัมเพลงเบาๆ ออกมา

 

 

หลังจากจัดการเรื่องเว่ยอ๋องกับคุณหนูสามบ้านอวิ๋นเสร็จ เจี่ยไทเฮาก็ฉวยโอกาสตีเหล็กเมื่อยังร้อน หันมองฉินอ๋อง จากนั้นก็เหลือบมองอวี้โหรวจวง

 

 

อวี้โหรวจวงเข้าใจความหมายของไทเฮา สายตางามๆ จึงค่อยๆ ชม้ายมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อก่อน นางได้แต่รู้สึกว่าฉินอ๋องไม่คู่ควรกับนาง ระดับนางต้องรัชทายาทเท่านั้น อาจเป็นเพราะของที่ไม่มีใครแย่ง แลดูไม่มีคุณค่า จะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อมีคนมาแย่ง ตอนนี้พออวิ๋นหว่านชิ่นมาแย่ง นางจึงไม่อยากยอม อวิ๋นหว่านชิ่นอาศัยอะไร ทำให้ฉินอ๋องชอบ?

 

 

ตอนนี้จึงเป็นโอกาสดี ถ้าไทเฮาพระราชทานสมรส ฉินอ๋องย่อมไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ!

 

 

ซึ่งอวิ๋นหว่านชิ่นก็ต้องแพ้ไปในที่สุด!

 

 

ซย่าโหวซื่อถิงนั่งฟังไทเฮาพูด พลางหยิบถ้วยชาขึ้นใกล้ริมฝีปากอย่างไม่สนใจ คล้ายกำลังจิบชาโดยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

 

 

เจี่ยไทเฮาชะงักเล็กน้อย ก่อนค่อยๆ พูด

 

 

“จะว่าไป ฉินอ๋องก็โตแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะสุขภาพที่ทำให้ลากยาวไปหลายปี ก็ควรแต่งงานไปนานแล้ว

 

 

องค์ชายบางคนแม้ยังไม่ได้แต่งชายาเอก ก็ยังมีชายารองกับชายาบ่าว หรือต่อให้แย่แค่ไหนก็ยังมีนางกำนัล แต่

 

 

ฉินอ๋องกลับไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ ข้างกายก็ไม่มีหญิงสาว หลายวันก่อน ตอนฝ่าบาทมาดื่มน้ำชากับข้า ยังพูดอยู่ว่าโหรวจวงกับเจ้าสาม ไม่ว่าจะอายุ หรือหน้าตา ล้วนเหมาะสมกันดี วันนี้ดูไปแล้ว ก็จริงอย่างว่า มิสู้ ตอนนี้ข้า…”

 

 

คำสำคัญยังไม่ทันออกจากปาก เหล่าองค์ชายก็พากันตื่นตระหนก!