ตอนที่ 76 หลิวหลีให้ยา

แม่ครัวยอดเซียน

ตอนที่ 76 หลิวหลีให้ยา Ink Stone_Romance

“ข้าขอชิมได้หรือไม่” ฮัวจิงเฟยมองไปที่หลิวหลีด้วยท่าทีน่าสงสาร

หลิวหลีมองฮัวจิงเฟยตั้งแต่หัวจรดเท้าราวสแกนอีกฝ่าย มองจนฮัวจิงเฟยขนลุกขึ้นมาคร้ามครัน นางฟ้าก็คือนางฟ้า ช่างมีมาดเสียจริงๆ

หลิวหลีไม่พูดอะไร แต่หันหลังกลับไปทำอาหารต่อ ฮัวจิงเฟยตบอกตนเองเบาๆ แล้วฝืนพาหน้าตนเองเดินเข้าไป ของพวกนี้คืออะไรกัน แล้วเหตุใดแม่ครัวประจำสกุลเขาเหตุใดจึงไม่เคยทำของพวกนี้มาก่อน

เมื่อเห็นหลิวหลีขยับตะเกียบ ฮัวจิงเฟยถึงจะเริ่มกิน  หลิวหลีจึงพอจะรู้สึกดีๆกับคนผู้นี้ขึ้นมาเล็กน้อย แต่ว่าหลิวหลีมองจานเปล่าที่ตนเองเพิ่งจะขยับตะเกียบได้นิดเดียวเท่านั้น หัวน้าสกุลฮัว เร็วเลย เจ้าลูกหมูบ้านท่านออกมาเถลไถล รีบพากลับบ้านไปได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเกิดกลายเป็นหมูหันขึ้นมาจะทำอย่างไร

“นั่นๆ ข้าไม่เคยกินของอร่อยขนาดนี้เลย ขอมอบนี่ให้นางฟ้า” ฮัวจิงเฟยรู้สึกว่าตนเองทำเกินไปแล้ว เขาสาบานเลยว่าเขาแค่อยากจะชิมเท่านั้น ใครรู้ว่าจะอร่อยขนาดนี้ อร่อยจนเขาแทบจะกลืนลิ้นลงไปแล้ว จากนั้นค่อยๆ ละเลียดอย่างละเมียดละไม กินทุกอย่างหมดเกลี้ยงโดยไม่ทันรู้ตัว เขาไม่ได้กินน่าเกลียดหรอกใช่ไหม รีบเอาของชิ้นหนึ่งยื่นให้หลิวหลี

“ชุดเซียน” หลิวหลีมองของที่ส่งมาให้เล็กน้อย เป็นผู้ชายแต่มาส่งกระโปรงให้นางหรือ แม้จะบอกว่าเป็นชุดเต๋า แต่ว่า ให้ผิดคนรึเปล่า อีกทั้งคนผู้นี้ไม่ใช่ว่ามาเข้าร่วมการแข่งขันของสกุลหรือ เอากระโปรงมาด้วยเหรอไม่แปลกไม่หน่อยหรือ

“ใช่แล้ว มันเหมาะกับนางฟ้าอย่างมาก นางฟ้าท่านแต่งตัวเรียบเกินไป ควรต้องแต่งตัวให้สวยงามกว่านี้สักหน่อย” ฮัวจิงเฟยเห็นนางฟ้าในชุดผู้ชาย หากไม่มองละเอียดล่ะก็คงเหมือนคนทำงานทั่วๆไป และถ้าไม่นับเพศ ท่าทางของนางที่ยากจะมองว่าเป็นชายหรือหญิง น่าจะทำให้สาวน้อยไร้เดียวสาตกหลุมพรางจำนวนมาก

“เอาความงามมาชนะพวกเจ้าเนี่ยนะ?” หลิวหลีเอ่ย ความคิดเรื่องใช้รูปลักษณ์ภายนอกนี่ไม่เลวเลย  อีกอย่างความงามถือถือว่าเป็นอาวุธเช่นกัน น้องเตียวเสี้ยนพูดถูกเหลือเกิน พอมาคิดเช่นนี้แล้วเหมือนว่าตนเองจะเสียข้อได้เปรียบไปโดยเปล่าประโยชน์  หลิวหลีวางชามและตะเกียบไว้ด้านข้าง ถือกระโปรงไว้พลางประหวัดระลึกถึง

“อืม อันนี้” ฮัวจิงเฟยลูบจมูก ความคิดของนางฟ้าช่างไม่เหมือนใคร พอนึกถึงแผนสาวงาม แต่ทว่าเขาก็เข้าใจในสิ่งที่หลิวหลีพูดแม้ว่าผู้บำเพ็ญเพียรหญิงจะเห็นความสำคัญของตนเองแต่ที่บำเพ็ญเพียรจริงๆนั้นมีน้อยมาก  และผู้บำเพ็ญชายไม่ใช่คนโง่เขลา พอพลังบำเพ็ญเพียรสูงแล้ว จะให้ความสำคัญกับพลังบำเพ็ญเพียรมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก

“พอแล้ว พบก็ได้พบแล้ว อาหารก็ได้กินแล้ว เจ้าควรกลับไปได้แล้ว ไม่เช่นนั้นข้าไม่รับประกันความปลอดภัยของตัวเจ้าเอง” หลิวหลีรับชุดกระโปรงมาและส่งแขกอย่างไร้ซึ่งความเกรงใจ กินดื่มจนอิ่มหนำสำราญ ยังจะโอ้เอ้อยู่ที่นี่ทำไมกัน

“อ้อๆ นางฟ้า ข้าไปก่อนนะ การแข่งขันพรุ่งนี้สู้ๆนะขอรับ” ฮัวจิงเฟยเพิ่งจะรู้เนื้อรู้ตัว จึงรีบหันหลังกลับไปทันที ก่อนไป หลิวหลีได้โยนขวดเล็กๆไปให้เขา

“นังหนู เจ้าเอาขนมข้าใหเคนอื่นหรือ” ฮัวจิงเฟยไปแล้ว  อ๋าวเลี่ยพูดพลางมองหลิวหลีอย่างตัดพ้อ เจ้าเด็กตาถั่วนั่น คิดไม่ถึงเลยว่าจะกินมื้อดึกของเขาไป เขาควรจะรังแกเด็กหรือไม่นะ

“หึๆ เอ๋าเลี่ย เจ้าวางใจเถอะ ไม่รู้สึกว่าจานของข้าออกจะประณีตเกินไปหรือ ของที่ประณีตมักจะใส่ของได้ไม่เท่าไหร่นักหรอก ตอนที่รู้ว่ามีคนมาข้าก็เลยเก็บอาหารเอาไว้เกินครึ่ง” หลิวหลีตอบ จากนั้นหยิบอาหารเลิศรสจานโตหลากชนิดออกมา  นานา ออกมา หลิวหลีถือเครปเค้กมะม่วงไว้ แล้วเริ่มกินมัน

“นังหนู เจ้าให้ยาคนอื่นไปเรื่อยอีกแล้วหรือ?” อย่าคิดว่าเขาไม่เห็นเชียว

“ไม่ใช่สักหน่อย คราวนี้ข้าให้ไปเม็ดเดียวเอง  ถึงแม้เขาจะพูดมาก แถมมีตาแต่ไร้แววแล้ว ทว่านิสัยโดยเนื้อแท้ใช้ได้ทีเดียว ภายในร่างกายเขามีอาการบาดเจ็บซุกซ่อนอยู่ ข้าเองก็ดีกับคนที่ข้าถูกชะตาอยู่แล้ว”

“ไม่กลัวว่าศัตรูจะแข็งแกร่งกว่าหรือ?” รักษาอาการบาดเจ็บของคู่ต่อสู้เช่นนี้ มีแต่นังหนูคนนี้ทำเรื่องอะไรเช่นนี้ได้

“ไม่กลัว มีแต่พลังเท่านั้นที่เป็นอนิจจัง ทุกสิ่งล้วนแต่ไม่จีรัง” หลิวหลีพูดอย่างฮึกเหิม

“นังหนู เจ้าสู้คนเมื่อครู่ได้หรือ?” เชื่อมั่นในตัวเองมาก ถือเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

“หมอนั่นน่ะ ไม่ใช่ปัญหาเลย ผู้ทำพันธสัญญาของเขาน่าจะเป็นพยัคฆ์ขาว มีความสามารถในการล่องหน แถมยังผนึกลมหายใจของตนเองได้ เพียงแต่ทำได้ไม่นานนัก แต่ไม่เพียงพอ นี่น่าจะเป็นอาวุธลับของตระกูลฮัวแล้ว” หลิวหลีวิเคราะห์

“พวกเขาล้วนเข้าใจสถานการณ์ของคนอื่นๆในสกุลหลง แต่พวกเขารู้เรื่องของเจ้าน้อยนิดนัก จะมาสืบข่าวก็คงไม่แปลกอะไร” เอ๋าเลี่ยวิเคราะห์

“จริงด้วย อย่างไรก็ตามข้าเคยใช้เพลิงอัสนีครามปรุงยาในตอนแรก ดังนั้นเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปก็ไม่เป็นอะไรอยู่ดี” หลิวหลีย่อมเข้าใจอยู่แล้ว

ณ บริเวณที่พักของสกุลฮัว ฮัวเชียนหนิวลืมตา “เจ้าเด็กนี่ รู้จักกลับบ้านอยู่เหรอเนี่ย” เมื่อด่าเสร็จก็กลับไปบำเพ็ญเพียร

“เป็นอย่างไร พอใจแล้วใช่ไหม ได้พบเจอนางฟ้าแล้วเป็นอย่างไร?” ฮัวจิงหงมองฮัวจิงเฟยพลางถาม

“เจอแล้ว มองใกล้ๆ นางฟ้ายิ่งสมบูรณ์แบบมากขึ้นอีก แถมยังทำอาหารก็อร่อยมากด้วย” ฮัวจิงเฟยตอบพลางเลียริมฝีปาก

“เจ้าคงไม่หน้าด้านกินหรอกกระมัง” ฮัวจิงหงกุมขมับ เมื่อเห็นสายตาเก้อเขินของฮัวจิงเฟย หลิวหลีจากสกุหลงนี่นิสัยดีใช้ได้ทีเดียว ไม่เรียกพวกสกุลหลงซ้อมแล้วตะเพิดเขาออกมา

“เจออะไรบ้าง สถานการณ์คนอื่นในสกุลหลงพวกเราต่างรู้ไส้กันและกัน จะมีก็แต่หลิวหลีที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา แถมไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร พวกเรารู้แค่นางเป็นนักปรุงยา เรื่องอื่นเป็นอย่างไรบ้าง พวกเราไม่มีใครรู้เลย“

“นางมีเพลิงอัคคี และนางใช้เพลิงอัสนีครามได้ค่อนข้างคล่องแคล่วทีเดียว เจอนางต้องระวัง” ฮัวจิงเฟยพูดอย่างจริงจัง

“เป็นเช่นนั้น จะครอบครองเพลิงอัคคีได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

“จริงสิ นางให้ขวดข้า ข้ายังไม่ได้เปิดดูเลย นี่ ยาสมารชีพจรชั้นยอดนี่นา นางรู้ได้อย่างไร ไม่กล้วว่าจะสร้างศัตรูตัวฉกาจให้ของสกุลหลงหรือ” ฮัวจิงเฟยพึมพำ คิดไม่ถึงว่านางจะมองเห็นบาดแผลภายในของตนเอง หากมิใช่ยาสมานชีพจรชั้นยอดแล้วจะไร้ประโยชน์

“ได้ยินมาว่าพรสวรรค์ในการปรุงยาของหลิวหลีร้ายกาจนัก แววตาแหลมคม แต่ถ้าส่งผลดีกับเจ้าล่ะก็ สกุลฮัวคงต้องรับไมตรีจิตนี้เอาไว้ หลังจากการประลองสกุลฮัวเราจะต้องไปขอบคุณนางอย่างงามแน่” ฮัวจิงหงเอ่ย

“จิงเฟย เจ้ารีบกินยา ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” ฮัวจิงหงพูด

“ขอรับ” ฮัวจิงเฟยย่อมต้องหวังว่าบาดแผลที่ซ่อนอยู่ของเขาจะดีขึ้น เขาก็อยากจะประลองให้ดีๆ จึงรีบกินยาลงไป นี่มันรสเอี้ยบ๊วยนี่นา ยังไม่ทันได้ลิ้มรสอย่างละเอียด ยาก็ละลายเป็นน้ำไหลซ่านไปบริเวณที่บาดเจ็บ ฮัวจิงเฟยรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง

“เกิดอะไรขึ้น?” ฮัวเชียนหนิวเอ่ย กลับมาแล้ว ทำไมก่อเรื่องไม่หยุดไม่หย่อนเช่นนี้

“เรียนท่านลุง จิงเฟยได้รับยาผสานชีพยอดชั้นยอดมากจากหลิวหลี สกุลหลง กำลังรักษาอาการบาดเจ็บขอรับ” ฮัวจิงเฟยเอ่ย

“หลิวหลีจากสกุลหลงคนนี้ใช้ได้ทีเดียว เดิมทีข้าคิดว่าจะแบกหน้าไปขอร้องเหวินเซวียน แต่เจ้าก็รู้ว่าการประลองกำลังจะเกิดขึ้น เหวินเซวียนคงรับปากหลังการประลองจบลง คิดไม่ถึงเลยว่าการกระทำอันไร้มารยาทของจิงเฟยนี้จะเป็นคุณ อีกทั้งหลิวหลีสกุลหลงนี้ตาหลักแหลมนัก นางคงจะเป็นไม้ตายที่สำคัญที่สุดในการแข่งขันคราวนี้ของสกุลหลง” ฮัวเชียนหนิวเอ่ย

“ท่านลุงหมายความว่าการแข่งขันคราวนี้ต้องระวังหลิวหลีสกุลหลง นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน” ถึงฮัวจิงหงจะรู้สึกว่าต้องระวังหลิวหลี แต่ก็ไม่รู้สึกว่าความหวังจะถูกฝากไว้ที่สตรีนางนี้

“เชื่อลุงเถอะ ท่านอาเชียนอวี่ของเจ้าไม่หลอกข้าหรอก อีกอย่างหลิวหลีไม่ได้ธรรมดาแบบที่พวกเจ้าคิด พวกเราสกุลอสูรเทพล้วนผูกพันธสัญญากับอสูรเทพเพื่อเป็นเกียรติ แต่ว่าตอนนี้ไม่ว่าจะสกุลหลงหรือสกุลอื่นๆ ต่างก็ไม่เคยเห็นคู่พันธสัญญาของนาง คงจะมีแค่เหวินเซวียนที่รู้เรื่องจริง ดังนั้นจิงหงเจ้าอย่าประมาท” ฮัวเชียนหนิวพูดอย่างจริงจัง

“ขอรับ ท่านลุง” พอพูดเช่นนี้ ฮัวจิงหงก็ตระหนักได้ว่า เขาเองไม่เคยเห็นคู่พันธสัญญาของหลิวหลีจริงๆ คนอื่นๆต่างปล่อยคู่พันธสัญญาของตนออกมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย

 ………………………………….