ตอนที่ 93 ตอนนั้นสีแดงพอดี

ปฏิญญาค่าแค้น

หลี่หมิงอวินขมวดคิ้วเล็กน้อย ลองคิดๆ ดูแล้วก็ถูกอย่างที่นางว่า อันที่จริงตอนนั้นเขาไม่ได้ไตร่ตรองมากมายขนาดนั้นจริงๆ ทันใดนั้นก็ยกมือซ้ายวางไว้บนหมัดขวาแสดงท่าทีการคาราวะ “ล้วนเป็นสามีที่ทำผิดไป ขอภรรยาโปรดให้อภัยด้วย” 

 

 

หลินหลันโยนใบหญ้าใส่เขา “ใครเป็นภรรยาเจ้า ภรรยาเจ้าอยู่ขอบฟ้าแห่งหนใดยังไม่รู้เลย!” 

 

 

หลี่หมิงอวินกล่าวเชิงล้อเล่น “คนที่ข้ากำลังตามหา ก็อยู่เบื้องหน้าของข้านี่ไง” 

 

 

“อี๋ๆๆ …เจ้าให้มันน้อยๆ หน่อย นับวันยิ่งกะล่อนเข้าไปใหญ่แล้ว” หลินหลันเดินมุ่งหน้าต่อไปลำพังโดยไม่แยแสเขา 

 

 

หลี่หมิงอวินคิดอย่างกลัดกลุ้ม กะล่อน? ใช่หรือ เขาเพียงพูดจาหยอกล้อกับสหายที่ดีที่สุดอย่างเปิดเผยต่อหน้าก็เท่านั้นเอง ช่างไม่เข้าใจกันบ้างเลย 

 

 

“นี่! มีเรื่องหนึ่งที่ข้าประหลาดใจมาก! เฉินจื่ออวี้บอกว่าเจ้าได้รับความนิยมชมชอบอย่างมากในเมืองหลวงแห่งนี้ ข้าเข้ามาเมืองหลวงก็หลายเดือนแล้ว เหตุใดไม่ยักจะเห็นบรรดาผู้ที่หลงใหลได้ปลื้มเจ้าเลยล่ะ” หลินหลันกล่าว 

 

 

หลี่หมิงอวินยิ้มเจื่อน “เจ้าเชื่อที่เขาพูดไร้สาระงั้นสิ” 

 

 

หลินหลันใช้สายตาซึ่งฉายความสงสัยมองไปที่เขา “เจ้าหน้าแดงแล้ว เจ้ากำลังเขินอาย” 

 

 

หลี่หมิงอวินลูบไปหน้าของตนอย่างไม่รู้ตัว ทันใดนั้นหลินหลันก็ส่งเสียหัวเราะขึ้นมา “ดูเจ้าสิ ถูกจับได้แล้ว!” 

 

 

หลี่หมิงอวินถึงตระหนักได้ว่าตนเองถูกหยอกเข้าแล้ว นัยน์ตาฉายให้เห็นถึงอารมณ์ทำตัวไม่ถูก สาวน้อยผู้นี้ ทั้งฉลาดและซุกซนเสียจริง 

 

 

“ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้ว่าข้าหลี่หมิงอวินชอบพอหญิงสาวชาวบ้านนามว่าหลินหลัน แล้วยังจะมีผู้ใดมาหลงใหลได้ปลื้มข้าอีกหรือ” หลี่หมิงอวินจ้องมองนางเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม 

 

 

หลินหลันแสร้งทำทีท่าประหลาดใจ “ไอ่หย่า! นี่ข้ากลายเป็นตัวถ่วงในการตามหาความสุขของเจ้าหรอกหรือ งั้นรีบให้ค่าเลิกจ้างแก่ข้า แล้วไล่ข้าออกไปเสียเถิด!” 

 

 

หลี่หมิงอวินกล่าวอย่างขุ่นเคือง “เลิกคิดไปได้เลย” 

 

 

หลินหลันส่ายหน้า “งั้นก็ไม่เกี่ยวกับข้าแล้วนะ” 

 

 

หลี่หมิงอวินกล่าว “เดิมทีก็ไม่เกี่ยวกับเจ้าเสียหน่อย” 

 

 

“เส้นทางภูเขาของที่นี่มีสิบแปดโค้ง ธารน้ำของที่นี่เชื่อมกันเก้าสาย ยืนเรียงกันร้องเพลงพื้นบ้านของที่นี่ อนุรักษ์นิยมเพลงพื้นบ้านของที่นี่ [1] …” หลินหลันเริ่มฮัมเพลงขึ้นมาอีกครั้ง 

 

 

หลังออกมาจากจวนหลี่ ไม่ต้องพบเจอหน้าแม่มดชราและพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอาย อารมณ์ของหลินหลันจึงสุขสันต์เป็นพิเศษ อีกทั้งวิวทิวทัศน์ของที่นี่ก็ไม่เลวเลยจริงๆ เขาชุ่ยเวยสีเขียวชอุ่ม เสียงนกขับขาน ดอกไม้ผลิบาน สมกับที่อาศัยอยู่ในเขตภูเขามาเนิ่นนาน เมื่อได้เห็นภูเขาอีกคราก็รู้สึกอุ่นใจเป็นอย่างมาก! 

 

 

ได้ยินนางร้องเพลงอย่างมีความสุข พลางมองดูทิวทัศน์เขาชุ่ยเวยซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวชอุ่ม ได้สูดอากาศอันแสนบริสุทธิ์สดชื่น ทำให้หลี่หมิงอวินผ่อนคลายอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน 

 

 

“นี่เพลงอะไรของเจ้า เมื่อก่อนมักได้ยินเจ้าร้องอยู่ประจำ” 

 

 

หลินหลันหันไปมองเขาพร้อมรอยยิ้ม “ข้าเรียบเรียงเอง” 

 

 

หลี่หมิงอวินเชื่อเป็นจริงเป็นจัง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเข้าใจเรียบเรียงจริงๆ เรียบเรียงได้ไม่เลวเลย” 

 

 

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ข้าทำอะไรได้ตั้งมากมายน่ะ!” หลินหลันเชิดหน้าเชิดตาอย่างภูมิใจ 

 

 

หลี่หมิงอวินอมยิ้ม กล่าวอยากหยอกล้อ “อืม! ค่อนข้างมากทีเดียวเชียว งั้นหลังจากไปถึงที่พักแล้ว เจ้าเองก็ไม่มีเรื่องอันใดต้องทำ ปลอกพัดของข้าอันนั้นคงได้เวลาปักลวดลายแล้วล่ะ!” 

 

 

เมื่อเอ่ยถึงปลอกพัดพับ หลินหลันก็รู้สึกถึงอารมณ์พ่ายแพ้อย่างราบคราบ ปักลวดลายไปตั้งหลายวัน ยิ่งปักก็ยิ่งกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ กระทั่งนางมองดูเองยังรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย แล้วจะเอาไปอวดใครได้หรือ ต่อให้หลี่หมิงอวินชอบ เกิดวันดีคืนดีเอาไปให้ผู้อื่นดูงานปักสภาพเช่นนี้ นางเกรงว่าจะขายหน้าเอาน่ะสิ! นางจึงโยนทิ้งไปที่มุมใดสักมุมหนึ่งจนหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ถึงอวี้หลงจะช่วงนางปักแล้วหนึ่งลาย ทว่าปักเสียสวยงามเกินไป หลี่หมิงอวินก็ไม่ใช่คนเลอะเลือน แค่มองก็คงรู้แล้วว่าไม่ใช่ฝีมือนาง ดังนั้น เงินนี้ นางตัดสินใจไม่ต้องการแล้วแม้จะเสียดายมากก็ตาม 

 

 

“ใครว่าข้าไม่มีเรื่องอันใดต้องทำแล้ว งานการข้ามากโข ได้เข้ามาในภูเขาทั้งที ข้าต้องไปตามหาสมุนไพรที่ข้าสามารถใช้ได้ ข้ายังต้องตรวจสอบดูรอบๆ ทั้งสี่ทิศด้วยว่า ในระยะใกล้เคียงนี้มีงูพิษและสัตว์ดุร้ายหรือไม่ แล้วยังต้องคอยดูแลบรรดาสาวรับใช้ แล้วยังต้องคอยดูแลตอนเจ้าขะมักเขม้นอย่างหนัก…” หลินหลันทำทีครุ่นคิดอย่างหนักพลางพับนิ้วมือของนางนับตามไปได้ 

 

 

หลี่หมิงอวินอดไม่ได้ที่จะบ่นตำหนิภายในใจ สองเหตุผลแรกไม่มีอะไรมากไปกว่าการแก้ตัวในการเดินเที่ยวเล่นบนภูเขา เหตุผลประการหลังนี้สามารถเพิกเฉยได้ มีแม่โจวอยู่ทั้งคน จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องสาวใช้เลย สำหรับเหตุผลสุดท้าย ยิ่งไม่ถือว่าเป็นเหตุผลเอาเสียเลย เขาหลี่หมิงอวินเมื่ออ่านตำราไม่เคยต้องการผู้ใดมาคอยดูแล 

 

 

“เห็นทีว่าข้าต้องรอปลอกพัดของเจ้าไปจนถึงฤดูหนาวแล้วสินะ” หลี่หมิงอวินเอ่ยด้วยสีหน้าผิดหวัง 

 

 

หลินหลับกะพริบดวงตากลมโตปริบๆ “งั้นไว้รอปีหน้าค่อยปักแล้วกัน ถึงอย่างไรฤดูหนาวก็ไม่ต้องใช้พัดแล้วนี่” 

 

 

หลี่หมิงอวินแทบจะยิ้มทั้งน้ำตา “เจ้าไม่ต้องการเงินแล้วหรือ” 

 

 

หลินหลันเอ่ยอย่างเป็นจริงเป็นจัง “นี่! อันที่จริงข้าไม่ได้เห็นเงินแล้วตาโตอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ เจ้าช่วยนำเงินมาหลอกล่อข้าให้มันน้อยๆ หน่อย” 

 

 

หลี่หมิงอวินกลั้นหัวเราะ ไม่ได้เห็นเงินแล้วตาโต? แล้วเป็นผู้ใดกันที่พูดอยู่เรื่อยว่า…เจ้าควรให้เงินตอบแทนข้ามากขึ้นหน่อยไม่ใช่หรือ 

 

 

“นี่…หมิงอวิน เจ้าดูสิ ทางด้านนั้นมีใบไม้สีแดงด้วย…” หลินหลันชี้นิ้วไปเบื้องหน้าพลางเอ่ยขึ้นด้วยอาการตื่นตาตื่นใจ 

 

 

หลี่หมิงอวินมองไปตามทิศทางที่นางชี้ ที่แท้บนเนินเขาเบื้องหน้าที่เห็นก็คือป่าเมเปิ้ลนั่นเอง ใบเมเปิ้ลสีแดงราวกับกลุ่มเปลวเพลิงท่ามกลางภูเขาเขียวขจี ยิ่งเพิ่มสีสันสดใสมีชีวิตชีวามากขึ้น 

 

 

“ไป ไปดูกันหน่อยเถอะ” หลินหลันถือกระโปรงแล้วออกตัววิ่งไปเบื้องหน้า 

 

 

หลี่หมิงอวินรีบส่งเสียงตะโกนขึ้นทันควัน “เจ้าช้าหน่อย ระวังหกล้ม” เขายิ้มเจื่อนพลางส่ายหน้าเล็กน้อย เดินตามไปด้วยฝีก้าวอันรวดเร็ว 

 

 

มองดูเหมือนใกล้ทว่าความจริงไม่เลย ผืนป่าเมเปิ้ลเบื้องหน้าซึ่งเสมือนอยู่ใกล้สายตา ทว่าเส้นทางภูเขาคดเคี้ยวไปมากลับเป็นระยะทางที่ไกลมากพอตัว สำหรับหลินหลันไม่เป็นปัญหา ด้วยการออกกำลังกายมาตั้งหลายปี การวิ่งในระยะเช่นนี้ไม่สะถกสะท้านเลยด้วยซ้ำ ทางด้านหลี่หมิงอวินแม้ว่าจะมีประสบการณ์เดินเขาอยู่บ้างเช่นกัน ทว่าเมื่อเทียบกับหลินหลัน ชั้นเชิงยังถือว่าห่างไกลกันลิบลับ จึงได้แต่กัดฟันสู้ตามไป 

 

 

“หมิงอวิน เร็วหน่อย…” หลินหลันร้องเรียกเสียงใส 

 

 

“ว้าว! ใบเมเปิ้ลสวยชะมัด นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นใบเมเปิล…” หลินหลันหยิบใบเมเปิ้ลที่ร่วงหล่นสู่พื้นมาไว้ในใจกลางฝ่ามือ นางเงยหน้ามองขึ้นไปยังต้นเมเปิลสีแดงที่กำลังพลิ้วไหวไปตามสายลมในฤดูใบไม้ร่วง นึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งเรียนมหาวิทยาลัย ไปยังสวนสาธารณะภูเขาเซียงซาน [2] กับเพื่อนร่วมชั้นเรียน นั่นเป็นครั้งเดียวที่นางได้ออกท่องเที่ยวกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน มีนักเรียนชายคนหนึ่งยื่นใบเมเปิ้ลให้แก่นางอย่างซื่อๆ บอกว่าสีแดงเพลิงแสดงถึงความรักที่จริงใจของเขา…เป็นอะไรที่เลี่ยนเสียจริงเลย 

 

 

หลี่หมิงอวินตามหลินหลันขึ้นมา ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ความสง่างามและสงบเยือกเย็นก่อนหน้ามลายหายไป มีเพียงลมหายใจกระหืดกระหอบเข้ามาแทนที่ 

 

 

“เจ้าวิ่งไวเกินไปแล้ว” หลี่หมิงอวินปาดเหงื่อ 

 

 

หลินหลันทำเสียงดุ “เป็นเจ้าที่ช้าเกินไปต่างหาก” 

 

 

หลี่หมิงอวินสูดลมหายใจเข้าลึกอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ปรับระดับจังหวะหายใจกลับสู่ภาวะเดิม ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้าชอบดูใบเมเปิ้ล มีสถานที่ที่ดีกว่านี้อีก” 

 

 

“งั้นหรือ” หลินหลันคิดในใจ แม้ว่าไม่ใช่ช่วงเวลาเดียวกัน ทว่าตำแหน่งสถานที่คงไม่ต่างจากกันไปมากนัก ซึ่งความจริงแล้วในเมืองปักกิ่งก็มีสถานที่หนึ่งเรียกว่าเซียงซานด้วยเช่นกัน 

 

 

หลี่หมิงอวินกล่าว “แต่ว่าอยู่ไกลจากที่นี่นิดหน่อย ภูเขาที่นั่นเต็มไปด้วยเมเปิ้ลสีแดงชนิดนี้ ไว้รอข้าสอบเตี้ยนซื่อเสร็จสิ้นแล้ว จะพาเจ้าไปชม” 

 

 

“ได้สิๆ พอเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าแทบจะอดใจรอไม่ไหวเสียแล้ว” หลินหลันกล่าวอย่างมีความสุข 

 

 

หลี่หมิงอวินมองดูดวงตาคู่นั้นที่กำลังสว่างไสวเพราะความตื่นเต้น ชั่วขณะหนึ่งนัยน์ตาเช่นนั้นก็วูบหายไป เมื่อจินตนาว่าใบเมเปิลสีแดงดั่งเปลวเพลิงนี้เปลี่ยนสีไปแล้ว 

 

 

“ทว่า…เมื่อถึงตอนนั้น ใบเมเปิลจะร่วงหล่นหมดแล้วหรือไม่” หลินหลันเงยหน้าพลางเอ่ยถามเขา กลับเห็นเขาจ้องมองตนเองอย่างเหม่อลอย 

 

 

สายลมพัดผ่านมา หอบเอาใบเมเปิลพลิ้วไสวลอยลงมา ร่วงหล่นสู่ใจกลางผมสลวยสีดำเข้มของนางอย่างบางเบา 

 

 

หลี่หมิงอวินเผยรอยยิ้มจางๆ ยื่นมือออกไปหยิบใบเมเปิลที่ร่วงหล่นอยู่ใจกลางผมสีดำเข้มของนาง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันแสนอบอุ่นเป็นพิเศษ “ไม่หรอก ตอนนั้นใบเมเปิลจะเป็นสีแดงพอดี” 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] หนึ่งในท่อนเพลงเก่าโบราณ ชื่อว่า เส้นทางภูเขาสิบแปดโค้ง《山路十八弯》 

 

 

[2] สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในเมืองปักกิ่ง Fragrant Hills Park (Xiangshan Gongyuan) เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมในการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุด