ตอนที่ 195 หน้าที่สามี / ตอนที่ 196 ไม่ใช่แฟนแต่เป็นสามี

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 195 หน้าที่สามี

 

 

อวี๋กานกานเบิกตาโตมองชายตรงหน้า ถ้าไม่ใช่เพราะประโยคสุดท้ายของเขา เธอคงนึกว่าเขาแอบตามเธอมา เหมือนกับซาแซง[1]ดาราอะไรเทือกนั้น ระยะห่างของทั้งสองใกล้กันมาก เป็นธรรมดาที่อวี๋กานกานจะได้กลิ่นเหล้าจากฟังจือหัน เธอจำได้ว่าตอนนี้ไปกินข้าวด้วยกัน ฟังจือหันไม่ดื่มเหล้าด้วยซ้ำ

 

 

ฟังจือหันตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่งหนึ่งประโยค “งานวันเกิดเพื่อน แค่แวะมาดื่มแก้วสองแก้วเดี๋ยวก็ไปแล้ว”

 

 

ใครต้องการคำอธิบายจากเขากัน ชอบดื่มไม่ชอบดื่มก็เรื่องเขา อวี๋กานกานสะกิดหัวไหล่ของฟังจือหัน “ขอทางหน่อย เพื่อนรอฉันอยู่”

 

 

ฟังจือหันชำเลืองมองตระกร้าในมือของอวี๋กานกาน พร้อมกับเอี้ยวตัวหลีกทาง

 

 

อวี๋กานกานเดินไปชำระสินค้า ฟังจือหันเดินตามมา เมื่อเห็นอวี๋กานกานหยิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นมา เขายื่นมือออกมายึดไป “นี่มันเหล้า”

 

 

“ฉันไมได้ดื่ม ซื้อให้รุ่นพี่”

 

 

ฟังจือหันยอมคืนกลับมาแต่โดยดี พนักงานนำสินค้าทั้งหมดสแกนบาร์โค้ด ยิ้มแล้วกล่าว “ทั้งหมดสามร้อยแปดสิบแปดหยวนค่ะ”

 

 

อวี๋กานกานไม่รีบร้อนชำระเงิน เธอหันศีรษะไปมองฟังจือหันที่ยืนอยู่ข้างๆ “นายจ่าย”

 

 

ราวกับว่าสายตาลึกล้ำของฟังจือหันต้องการมองเธอให้ทะลุไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ “กระเป๋าสตางค์อยู่ในเสื้อโค้ต”

 

 

“ไปเอามาสิ” อวี๋กานกานเดาได้ตั้งแต่แรกที่เห็นเขาไม่ได้สวมเสื้อโค้ตแล้ว จึงจงใจให้เขาเป็นคนจ่าย เพื่อต้องการสลัดเขาให้หลุด

 

 

“เธอจ่าย” อาศัยข้อได้เปรียบจากส่วนสูง เป็นอีกครั้งที่ฟังจือหันใช้ฝามือหนาของเขาลูบลงบนศีรษะของเธอ

 

 

อวี๋กานกานไม่สบอารมณ์ “เอาเปรียบฉันตลอด บอกกับคนอื่นว่าเป็นสามีฉัน การเป็นสามีคนอื่นเนี่ย ไม่ใช่ว่าจะเป็นก็เป็นได้แบบชุ่ยๆ ต้องหัดทำหน้าที่ของสามีบ้าง อย่างเช่น จ่ายเงินแทนภรรยา”

 

 

ฟังจือหันพูดอย่างใจกว้าง “เดี๋ยวผมคืนให้สองเท่า”

 

 

“ค่าห้องนายยังไม่เคยจ่ายฉันเลย ไม่รู้ว่านายจะโม้ไปถึงเมื่อไร” อวี๋กานกานโบกมือออกคำสั่งให้เขารีบไปเอากระเป๋าสตางค์

 

 

พนักงานจ้องมองคู่รักหนุ่มหล่อสาวสวยโต้เถียงกันไปมา เม้มปากอมยิ้มกล่าว “สามารถชำระผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้นะคะ”

 

 

อวี๋กานกานหันขวับไปมองพนักงาน น้องสาว ใครต้องการให้เขาจ่ายจริงๆ กันเล่า ความหวังดีของเธอกำลังทำร้ายฉันนะ

 

 

ฟังจือหันถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง “จ่ายยังไงเหรอ”

 

 

พนักงานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “…”

 

 

อวี๋กานกานเองก็เบิกตาโตโดยที่ไม่รู้ตัว ภายในแววตาฉายประกายความงุนงง ถามออกมาด้วยความสงสัยขีดสุด “นายไม่มีวีแชทเหรอ”

 

 

“มี”

 

 

“ก็จ่ายกับวีแชทสิ”

 

 

ฟังจือหันไม่ขยับเขยื้อน เป็นเพราะเขาไม่รู้จริงๆ ว่าจ่ายกับวีแชททำอย่างไร เขาใช้วีแชทน้อยมาก มีไว้แค่ประดับตกแต่งมือถือ

 

 

อวี๋กานกานพูดอะไรไม่ออก

 

 

พนักงานกล่าว “อาลีเพย์ล่ะคะ”

 

 

ฟังจือหันไม่ได้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไว้ด้วยซ้ำ

 

 

พนักงานเหม่อมองท้องฟ้าอย่างหมดกำลัง หนุ่มหล่อ ฉันหมดทางช่วยคุณแล้วจริงๆ

 

 

“เงินก็ไม่จ่าย หลังจากนี้ห้ามบอกกับคนอื่นว่าเป็นสามีของฉันอีก” อวี๋กานกานเปิดแอปพลิเคชันในมือถือ ยืนคิวอาร์โค้ดให้พนักงานสแกน สลัดไม่หลุด เงินก็ไม่จ่ายแถมยังไม่ยอมไปไหน งั้นไม่สู้ใช้โอกาสนี้ห้ามเขาพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ดีกว่าเหรอ

 

 

หลังจากที่ชำระเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว อวี๋กานกานเตรียมจะออกจากร้านสะดวกซื้อ ส่วนสินค้าที่ซื้อพนักงานจะนำไปส่งให้ที่ห้องคาราโอเกะ ทันทีที่ก้าวเท้าคอเสื้อของเธอถูกฟังจือหันคว้าเอาไว้ อวี๋กานกานถอยหลังไปหลายก้าวจนชนเข้ากับแผ่นอกของฟังจือหัน ท่อนแขนเรียวยาวของฟังจือหันโอบรอบบริเวณคอของอวี๋กานกานกอดเธอเอาไว้ในอ้อมอก “จะไปไหน”

 

 

“กลับห้องคาราโอเกะ ไปอยู่เป็นเพื่อนพวกรุ่นพี่ไง” อวี๋กานกานดันฟังจือหันออก แต่ว่าด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอ สำหรับฟังจือหันแล้วก็เหมือนกับมดขย่มต้นไม้ใหญ่ ไม่สะทกสะท้าน

 

 

“อยู่กับผม” จู่ๆ น้ำเสียงของฟังจือหันก็อ่อนลงหลายระดับ แฝงไว้ด้วยความทุกข์ใจกระซิบร้องขอข้างใบหูของเธอ

 

 

 

 

——

 

 

[1] ซาแซง หมายถึง กลุ่มแฟนคลับที่ต้องการใกล้ชิด หรืออยากรู้เรื่องราวของดารา ศิลปินมากเกินความพอดีจนรุกล้ำความเป็นส่วนตัว เช่นดักเจอหน้าบ้าน ดักเจอตามโรงแรม ติดเรื่องสะกดรอย เป็นต้น  

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 196 ไม่ใช่แฟนแต่เป็นสามี

 

 

“ไม่ล่ะ” อวี๋กานกานปฏิเสธ

 

 

พูดยังไม่ทันขาดคำ ราวกับเป็นการลงโทษ ฟังจือหันกระชับเธอไว้ในอ้อมกอดแน่นยิ่งขึ้น

 

 

อวี๋กานกานร้อง “โอ้ย” เสียงหลง

 

 

จังซ่าเห็นว่าอวี๋กานกานออกไปนานแล้วยังไม่กลับเข้ามา หลังจากที่ร้องจบไปหนึ่งบทเพลง จึงออกมาตามหา เห็นจากไกลๆ ว่าอวี๋กานกานกำลังถูกผู้ชายคนหนึ่งกอดคอ หัวใจของเธอกระตุกวูบทันที บวกกับได้ยินเสียงร้องของอวี๋กานกาน เธอก็ระเบิดออกมาทันที คิดว่าอวี๋กานกานถูกลวนลาม จังซ่าวิ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูงสุด ตะโกนเสียงดังใส่ฟังจือหัน “แกจะทำอะไรน่ะ”

 

 

อวี๋กานกานเห็นจังซ่าที่เดือดปุดๆ วิ่งพุ่งเข้ามาประหนึ่งต้องการจะต่อยฟังจือหัน จังซ่าเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง มีหรือจะใช่คู่มือของฟังจือหัน เธอเคยเห็นฝีไม้ลายมือด้านการชกต่อยของฟังจือหันมาแล้ว ลูกถีบนั้นสามารถทำให้กระอักเลือดได้ จังซ่าไม่มีทางทนไหวแน่

 

 

อวี๋กานกานยกมือปราม รีบตะโกนบอกจังซ่า “รู้จักกัน รู้จักกัน…”

 

 

จังซ่าหยุดฝีเท้าลงทันที ถามด้วยความสับสนงุนงง “เธอว่าไงนะ รู้จักกันเหรอ”

 

 

ใบหน้าของอวี๋กานกานขึ้นสีเล็กน้อย พอดีกับที่ฟังจือหันผ่อนแรงลง เธอจึงฉวยโอกาสดิ้นหลุดออกมาแล้วเดินไปยืนข้างๆ จังซ่า “ใช่ๆ คนรู้จัก”

 

 

จังซ่าถอนหายใจ สายตาจับจ้องไปที่ฟังจือหัน มองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า กลับพบว่าก็ไม่ได้มีอะไรไม่น่าไว้วางใจ ผู้ชายคนนี้ไม่ว่าจะด้านออร่าหรือหน้าตาก็ล้วนสมบูรณ์แบบไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ยืนคู่กับอวี๋กานกาน คนหนึ่งหน้าตาหล่อเหลา เย่อหยิ่งเย็นชา อีกคนน่ารักสดใส จิตใจงดงาม ดูรักใคร่กลมเกลียวเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก

 

 

“แฟน?” จังซ่าเขยิบเข้าใกล้ใบหูของอวี๋กานกาน เอ่ยปากถามด้วยเสียงบางเบาประหนึ่งเสียงยุงบิน มีเพียงแค่อวี๋กานกานเท่านั้นที่ได้ยิน

 

 

อวี๋กานกานรู้สึกเสียววาบที่สันหลัง รีบส่ายศีรษะ จากนั้นแนะนำฟังจือหันให้จังซ่าอย่างเป็นกันเอง “นี่ฟังจือหัน”

 

 

จากนั้นหันไปพูดกับฟังจือหัน “นี่รุ่นพี่ของฉันเอง พี่จังซ่า”

 

 

ฟังจือหันพยักหน้าให้จังซ่าถือว่าเป็นทักทาย แต่ยังคงไว้ซึ่งสีหน้าเย็นชา

 

 

“พวกเรายังมีธุระ ขอตัวนะ” สายตาสุกใสของอวี๋กานกานแฝงไว้ซึ่งความคาดหวังอะไรบางอย่างเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าฟังจือหันไม่ได้คัดค้านอะไร เธอก็จูงมือจังซ่าเดินออกมาทันที

 

 

จังซ่าหันกลับไปมองฟังจือหันแวบหนึ่ง ฟังจือหันชื่อนี้ค่อนข้างคุ้นหูอยู่บ้าง แต่จู่ๆ ก็นึกไม่ออกขึ้นมาว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหน

 

 

จังซ่าถามอวี๋กานกาน “หนุ่มคนนั้นมองแวบแรกก็รู้เลยว่าเป็นบุปผาบนยอดเขา อีกทั้งยังเป็นบุปฝาที่ผลิบานอยู่บนยอดภูเขาหิมะ เธอไปเด็ดดอกไม้ดอกนี้มาได้ยังไงกันจ้ะ”

 

 

อวี๋กานกานส่ายมือปฏิเสธพัลวัน รีบพูด “หนูบอกแล้วว่าไม่ใช่แฟนหนู”

 

 

จังซ่าไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน แม้ว่าเมื่อคู่ทั้งสองคนจะไม่ได้ปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรกัน รวมถึงไม่มีการสัมผัสเนื้อต้องตัว แต่ในสายตาที่สื่อออกมามันเต็มไปด้วยความละมุนละไม ให้ความรู้สึกถึงสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น มีกลิ่นพิรุธ

 

 

“งั้นเธอรู้จักเขาได้ยังไง”

 

 

“ที่จริง…เขาเป็น…คนไข้ของหนู” อวี๋กานกานหาข้ออ้างไปตามน้ำ

 

 

“คนไข้?”

 

 

“อือ”

 

 

“ป่วยเป็นอะไร”

 

 

ฟังจือหันไม่ได้ป่วยเป็นอะไร อวี๋กานกานคิ้วขมวด พูดอ้อมๆ “โรคจำพวกที่พูดออกมาไม่ค่อยได้น่ะค่ะ”

 

 

สายตาของจังซ่าแฝงไว้ด้วยความงุนงง แต่ภายในวินาทีถัดมาก็เข้าใจอย่างฉับพลัน “นกเขาไม่ขัน!”

 

 

เข้าใจผิดแล้ว อวี๋กานกานเอามือกายหน้าผาก “…”

 

 

เธอไม่ได้จงใจจะดิสเครดิตฟังจือหันนะ ทั้งหมดนี้จังซ่าเข้าใจผิดไปเอง!

 

 

 

 

กลับถึงห้องคาราโอเกะ เสียงโทรศัพท์ของอวี๋กานกานดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นข้อความที่ส่งมาจากฟังจือหัน

 

 

[ลงมาที่ลานจอดรถ]

 

 

ถ้อยคำเรียบง่ายไม่กี่พยางค์ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ แต่กลับชวนให้รู้สึกถึงความเผด็จการที่ไม่อาจปฏิเสธได้