ตอนที่ 54: การเปลี่ยนแปลงของปราณ
เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเขาเลย ตั้งแต่ที่เขาเสียการควบคุมของร่างกายไป เขาก็ไม่สามารถหยุดการดูดพลังงานของโลกรอบ ๆ เขาได้ เมื่อรู้สึกว่าร่างกายของเขาเองได้ดูดซึมพลังงานของโลกไปด้วยความเร็วที่น่ากลัว เจี้ยนเฉินก็ยังคงมั่นคงแม้ว่าเขาจะค่อนข้างเครียด ถ้าร่างของเขายังคงดูดซึมพลังงานของโลกไปด้วยอัตราเร็วแบบนี้เรื่อย ๆ ก็ไม่รู้ว่าร่างกายของเขาจะทนได้นานขนาดไหนก่อนที่มันจะระเบิดเนื่องจากปราณเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน แต่สิ่งที่เจี้ยนเฉินเฉินสงสัยที่สุดคือ เขาไม่รู้ว่ามันเริ่มเกิดแบบนี้ได้อย่างไร ทำไมปราณของเขาถึงได้เริ่มดูดซึมพลังงานของโลกด้วยอัตราที่เร็วเยี่ยงนี้ ? นี่ทำให้เจี้ยนเฉินกลัว
เขารู้ในใจว่าพลังงานของโลกรอบ ๆ เขานั้นได้มารวมกันอย่างรวดเร็วและรอบ ๆ ตัวเขาก็เหมือนพายุในขณะที่มันไหลไปด้วยความเร็วที่บ้าคลั่ง พายุปราณคำรามและหวีดดังไปทั่วสำนักคากัต ในขณะที่ใบไม้และหินลอยกระเด็นไปอากาศ
แต่ในตอนที่พลังงานของโลกเข้าไปในปราณของเจี้ยนเฉิน มันก็เหมือนโยนหินเข้าลงไปในมหาสมุทร เหมือนว่าพลังงานของโลกได้หลอมรวมเข้ากับร่างของเขาโดยไม่มีทีท่าว่าจะเต็มเลย ด้วยเหตุผลแบบนั้น เจี้ยนเฉินจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอะไรทำให้ปราณของเขาเปลี่ยนแปลงไปมากมายขนาดนี้ แต่เขาก็ดีใจที่ร่างกายของเขาไม่ระเบิดออกเพราะพลังงานของโลก
ในเวลาเดียวกันภายในหอคอยกลางของสำนักคากัต อาจารย์ใหญ่ก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพลังงานของโลกถึงได้กระเพื่อมขึ้น ๆ ลง ๆ รุนแรงแบบนี้!” ในขณะที่เขาพูด อาจารย์ใหญ่เหาะออกไปทางหน้าต่าง ทิ้งเพียงภาพติดตาเอาไว้ ในตอนที่เขาบินผ่านหน้าต่างออกไป เขาก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูงและเขาก็มาถึงที่หอของเจี้ยนเฉินในเวลาไม่กี่วินาที เขามองลงไปด้วยความสงสัยในขณะที่เขายังคงจ้องไปที่ห้อง
ในขณะเดียวกัน แสงสีขาวที่เป็นเหมือนภาพเบลอก็เข้ามาและหยุดอยู่ด้านหลังอาจารย์ใหญ่หลายร้อยเมตร เขาคือรองอาจารย์ใหญ่ ไป่เอิน
แม้ว่าหลังจากที่ไป่เอินมาถึงแล้ว คนอีกกว่าสิบคนก็บินมาอย่างเร่งรีบก่อนที่จะหยุดอยู่ด้านหลังไป่เอินและมองไปที่ที่พลังงานของโลกกำลังหลอมรวม
พวกเขาทั้งหมดเป็นอาจารย์ของสำนักที่มีความแข็งแกร่งกว่าคนอื่น และด้วยการกระเพื่อมที่รุนแรงของพลังานของโลก มันไม่มีทางที่พวกเขาทั้งหมดจะไม่สังเกตเห็น
ไป่เอินมองไปที่พลังงานของโลกที่น่าทึ่งด้วยความฉงนในขณะที่เขาร้องออกมาอย่างมหัศจรรย์ “ท่านอาจารย์ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นที่นี่? ทำไมพลังงานของโลกถึงได้มารวมกันอยู่ที่นี่ล่ะ ? “
แม้ว่าใบหน้าของอาจารย์ใหญ่จะดูจดจ่อ แต่ตาของเขาก็จ้องอย่างเฉยเมยในขณะที่เขาตอบกลับ “แม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ พวกเราไปดูกันเถอะ”
หลังจากนั้น อาจารย์ใหญ่ก็ดิ่งลงไปที่พื้นพร้อมกับมีไป่เอินที่ตามอยู่ด้านหลังเขา
“พวกเจ้าที่เหลืออยู่ที่นี่ อย่าให้คนอื่นเข้ามาใกล้” เขาร้องบอกอาจารย์คนอื่น
อาจารย์ทั้งหมดต้องการที่จะตามอาจารย์ใหญ่ไปเพื่อหาคำตอบของสิ่งลึกลับนี้ แต่จากคำพูดของไป่เอิน อาจารย์ทุกคนก็หยุดเคลื่อนไหวและกลับไปอยู่ที่จุดเดิมอย่างเชื่อฟัง เมื่อไป่เอินพูด ก็ไม่มีอาจารย์ท่านไหนที่กล้าขัด
ทั้งอาจารย์ใหญ่และไป่เอินมาถึงที่ด้านนอกของประตูห้องของเจี้ยนเฉิน ที่ที่มีพลังงานของโลกที่อยู่ด้านในอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ไป่เอินเคาะประตู มันก็แตกกลายเป็นเสี่ยง ๆ และทั้งสองก็เห็นภาพด้านใน
ด้านในนั้น พวกเขาเห็นเจี้ยนเฉินนั่งหลับตาขัดสมาธิอยู่บนเตียงในขณะที่เขายังคงทำสมาธิอยู่ พลังงานของโลกยังถูกดูดเข้าไปในปราณของเขาด้วยอัตราเร็วที่น่ากลัว ซึ่งทำให้เส้นร่างของเขากลายเป็นเหมือนภาพเบลอเหมือนว่ามีหมอกจาง ๆ กำลังปกคลุมเขาอยู่
เมื่อได้เห็นปรากฎการณ์นี้แล้ว ทั้งไป่เอินและอาจารย์ใหญ่ก็พูดไม่ออก พวกเขาไม่คิดว่าพลังงานของโลกจะหนาแน่นมาขนาดนี้ที่นี่เพียงเพราะการฝึกฝนของคนคนเดียว ไม่เพียงแค่นั้น พวกเขายังคงทึ่งในความเร็วที่เจี้ยนเฉินดูดซับพลังงานของโลกอีกด้วย
“นั่นคือเจียงหยาง เซียงเทียน ! มัน มันเป็นไปได้ยังไง ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ เขาทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้อย่างไร”
แม้แต่อาจารย์ใหญ่ยังสั่นเทาในขณะที่สายตาของเขาก็จ้องเขม็งไปที่เจี้ยนเฉิน หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ถอนหายใจออกมา “เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงจริง ! “
เมื่อได้ยินอาจารย์ใหญ่พูด ไป่เอินก็พยักหน้าด้วยความเหลือเชื่อให้กับอาจารย์ใหญ่ ในใจของเขา เขารู้มาตลอดว่าเจี้ยนเฉินนั้นไม่ใช่ลูกศิษย์ธรรมดา
“ท่านอาจารย์ใหญ่ เช่นนั้นพวกเราควรจะทำอย่างไรดี ? ” เขาถาม
“พวกเราจะรอดู ! ” เขาตอบกลับ
หลังจากนั้นอาจารย์ใหญ่และรองอาจารย์ใหญ่ก็ยืนอยู่ด้านนอกห้องของเจี้ยนเฉินและรอให้เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาไม่ได้เข้าไปในห้องของเจี้ยนเฉินและไม่ได้ส่งเสียงเลยแม้แต่น้อย เหมือนว่าพวกเขากลัวว่ามันจะเป็นการไปรบกวนการฝึกของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินรู้มานานแล้วตั้งแต่ที่ประตูถูกทำลาย แต่เขาก็ไม่สามารถขยับได้ทั้งร่างและปากของเขาในเมื่อเขาควบคุมมันไม่ได้ และแกนอสูรระดับสี่ที่อยู่ในมือของเขาก็เล็กลงอย่างสังเกตเห็นได้ ขนาดของมันเท่ากับลูกปิงปองตอนนี้
พลังงานทั้งหมดและแก่นแท้ของโลกกำลังถูกเจี้ยนเฉินดูดซึมเข้าไปในปราณ ซึ่งมันก็หายไปเหมือนโยนกินลงไปในมหาสมุทรโดยไม่ได้ทิ้งริ้วคลื่นอะไรไว้เลย
จากสถานการณ์ของปราณของเขา เจี้ยนเฉินไม่รู้และไม่เข้าใจเลยว่าพลังงานของโลกนั้นไปที่ไหน
หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก พลังงานในแกนอสูรระดับสี่ก็ถูกเขาดูดซึมไปตนหมด ในที่สุด ภายในปราณของเขาก็มีจุดแสงสีฟ้าและสีม่วงปรากฎขึ้นมา ในตอนที่จุดแสงเกิดขึ้นมา ปราณของเขาก็ยิ่งดูดซับแก่นแท้เข้าไปด้วยอัตราที่เร็วมาขึ้นกว่าเดิมอีก และมันยังเริ่มดูดซับพลังงานของโลกที่อยู่ไกลออกไปจากเดิม ตอนที่มีแสงสีม่วงและสีฟ้าปรากฎออกมา พลังงานของโลกที่อยู่ไกลออกไปสิบกว่ากิโลเมตรก็ถูกดึงให้พุ่งไปที่เจี้ยนเฉินก่อนที่มันจะถูกดูดเข้าไปในร่างกายผ่านรูขุมขนของเขาไปที่จุดแสงสว่างนั้น
เพราะว่าอัตราเร็วที่เจี้ยนเฉินดูดซับพลังงานของโลกเข้าไป หมอกสีขาวจาง ๆ ก็สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ปรากฎล้อมรอบเขา เพราะหมอกสีขาวนี้ ร่างของเขาเองจึงมองเห็นได้เพียงรางราง ทั้งเขาและบริเวณรอบ ๆ เขาดูลึกลับมากกว่าเดิม
การเพิ่มขึ้นของอัตราการดูดซึมถูกสังเกตเห็นโดยชายสองคนที่อยู่ด้านนอกประตูด้วย พวกเขาจ้องมองกันและกัน พวกเขาทั้งคู่ตะลึงในสิ่งที่พวกเขาทั้งสองกำลังเห็น
ในตอนนี้ ทั่วทั้งสำนักคากัตก็ตระหนักถึงพลังงานของโลกที่จู่ ๆ ก็ไหลเข้ามา แต่จากการปิดบังของอาจารย์ ลูกศิษย์แต่ละคนจึงถูกบอกให้ทราบว่ามันเป็นสายลมแรงที่เกิดขึ้นกะทันหัน และไม่ได้สนใจมันต่อ
ปราณของเจี้ยนเฉินยังคงดูดซับพลังงานของโลกเข้าไปเรื่อย ๆ ต่ออีกครึ่งวันก่อนที่จะหยุดลงในที่สุด เจี้ยนเฉินดูดพลังงานของโลกที่อยู่ในรัศมีสิบกว่ากิโลเมตรไปจนหมด ในตอนนี้เอง นอกเหนือไปจากกระบี่ที่เขาได้มาจากการควบแน่นพลังเซียน ปราณของเจี้ยนเฉินก็ยังมีจุดแสงสีฟ้าและสีม่วงอีก จุดนั้นเล็กมากและพวกมันก็เปล่งแสงจาง ๆ เช่นกัน ประกายของมันทำให้มันดูเหมือนกับว่ามันพร้อมที่จะระเบิดออกมาทุกเมื่อ
จุดแสงสีฟ้าและสีม่วงที่ปรากฏขึ้นมาภายในปราณของเขาทำให้เจี้ยนเฉินหนักใจไปชั่วครู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ในปราณของเขา เขาไม่ต้องการที่จะเจอเรื่องแบบนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาบอกได้อย่างมั่นใจก็คือ แสงสีฟ้าและสีม่วงเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการดูดซึมที่ควบคุมไม่ได้อย่างบ้าคลั่งของพลังงานของโลกที่เขาประสบมาก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
“เป็นไปได้ไหมว่าแสงสีฟ้าและสีม่วงถูกสร้างมาจากพลังงานของโลกก่อนหน้านี้?” เจี้ยนเฉินเดาในใจ พลังงานของโลกปริมาณมหาศาลที่ได้เข้าไปในปราณของเขาก่อนหน้านี้ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนกับหินในทะเล นี่เป็นอะไรที่หยั่งไม่ถึงจริงจริง นอกเหนือไปจากนั้น หลังจากที่ดูดซับพลังงานของโลกไปในปริมาณมากแล้ว จุดแสงประหลาดเหล่านี้ก็ปรากฏขึ้นมาในปราณของเขาอีก นี่ทำให้มันทำให้เจี้ยนเฉินเห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์ทั้งสองอย่างนี้เชื่อมโยงกัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เจียนเจี้ยนเฉินสงสัยและกังวลก็คือคำถามที่ว่า จุดแสงแปลกแปลกในปราณของเขามันคืออะไรกันแน่ และพวกมันทำอะไร? การมีอยู่ของมันเป็นอันตรายกับเขาหรือเปล่า? คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่เจี้ยนเฉินเป็นกังวล โดนเฉพาะคำถามหลังนี้เป็นคำถามที่ทำให้เขากระวนกระวาย
หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย เจี้ยนเฉินก็พยายามที่จะควบคุมแสงสีฟ้าและสีม่วงในที่สุด อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทดลองไปสองสามครั้ง อารมณ์ของเขาก็เคร่งเครียดมากกว่าเดิม หลังจากที่ตรวจสอบภายในแล้ว แม้ว่าเขาจะเห็นจุดแสงได้อย่างชัดเจน แต่ทุก ๆ ครั้งที่เขาพยายามจะจัดการกับพวกมัน เขาก็พบว่าจู่ ๆ จุดแสงในปราณของเขาก็กลายเป็นเหมือนภาพลวงตาไป เขาสามารถผ่านมันไปได้อย่างง่ายดาย และเขาไม่สามารถจับมันและควบคุมมันได้เลย มันเหมือนว่าพวกมันไม่ได้มีอยู่ตรงนั้น
สำหรัดผู้ฝึกฝนทุกคน ปราณนั้นเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย เจี้ยนเฉินไม่อยากจะเห็นปราณของเขากลายไปเป็นอะไรที่เขาควบคุมไม่ได้ ไม่เช่นนั้น จากทั้งหมดที่เขารู้ มันจะสามารถเป็นอันตรายร้ายแรงได้ในช่วงเวลาที่สำคัญหลังจากนี้
“เฮ้อ ช่างมันเถอะ ไม่ว่ามันจะดีหรือร้าย ข้าก็ทำอะไรเกี่ยวกับมันไม่ได้อยู่แล้ว ยังไงซะข้าเป็นคนที่เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่งอยู่ดี ทำไมข้าต้องไปสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย ? ” ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็สรุปออกมาเขาไม่ควรไปวุ่นวายกับการเปลี่ยนแปลงแปลก ๆ ภายในปราณของเขาอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อเหตุการณ์มันอยู่เหนือการควบคุมของเขา เขาทำได้แต่ยอมรับมันอย่างสงบเท่านั้น
เจี้ยนเฉินลืมตาขึ้นช้าช้า สายตาของเขาสงบเป็นที่สุด แม้ว่าการเป็นเซียนได้สำเร็จจะเป็นความสำเร็จที่น่าตื่นเต้น แต่เพราะว่าเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ที่เกิดขึ้นกับปราณของเขา เขาจึงไม่สามารถทำให้ตัวเองยินดีได้
ในตอนที่เจี้ยนเฉินลืมตานั้น อาจารย์ใหญ่และรองอาจารย์ใหญ่ที่รออยู่ด้านนอกมาตลอดเวลาก็เดินเข้ามาด้วยกัน
เมื่อได้เห็นอาจารย์ใหญ่เดินเข้ามา เจี้ยนเฉินก็ลุกออกจากเตียงและทักทายพวกเขา “ท่านอาจารย์ใหญ่ ท่านรองอาจารย์ใหญ่”
อาจารย์ใหญ่ฉีกยิ้มกว้างในขณะที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างแน่วแน่ “เจียงหยาง เซียงเทียน พลังงานของโลกที่เจ้าปล่อยออกมาไม่ปกติ เจ้าพบปัญหาในระหว่างการฝึกฝนหรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ต้องเกรงใจแล้วบอกข้ามาเลย บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้” อาจารย์ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“ขอบคุณที่ห่วงใย ท่านอาจารย์ใหญ่ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ข้าไม่ได้ประสบปัญหาอะไร” เจี้ยนเฉินพูดออกไปอย่างใจเย็น เขาไม่คิดว่าสถานการณ์เกี่ยวกับปราณของเขาจะเป็นอะไรที่อาจารย์ใหญ่จะแก้ไขได้ การพูดออกไปจะยิ่งทำให้ปัญหาบานปลาย และมันจะดีกว่าถ้าเขาเงียบไว้