บทที่ 99 สิ่งที่เรียกว่าแผ่นพลังงาน

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 99 สิ่งที่เรียกว่าแผ่นพลังงาน

หลังจากดื่มเหล้าในแก้วไปแล้ว เฉินเฉียงได้มองไปรอบๆก่อนที่จะถอดถอนหายใจและพูดออกมา “เฮ้ออออ สถานที่แห่งนี้ช่างสงบสุขกว่าอาณานิคมภายนอกนัก อย่างน้อยๆที่นี่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย ไม่รู้ว่าเผ่าพันธุ์ของเราจะมีชีวิตแบบนี้ได้ถ้วนทุกตัวคนเมื่อไหร่กัน”

เฉินเฉียงเปิดปากพูดก็เป็นเรื่องหนักจนไม่มีใครที่จะเอ่ยปากออกมาได้

“ไม่ต้องไปคิดมากมายขนาดนั้นหรอกน่า เฉินเฉียง คนพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองของผู้การทั้งนั้น”

“ดูเหมือนว่าการเจ้าเลือกเข้าสำนักเต่าดำในตอนนั้นคิดไม่ผิดจริงๆ นี่พึ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะก้าวขึ้นมาสู่ระดับนายพลวิญญาณได้ ทำได้ดีมาก”

จางหยวนกล่าวชมเฉินเฉียงด้วยใจจริง ก่อนที่จะชูเหล้าให้และกระดกไปในคำเดียว

เฉินเฉียงหัวเราะออกมาดังลั่นเมื่อได้ยินก่อนที่จะคุยต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้

“จางหยวน นี่หมายความว่าข้าเองก็เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังเทียนเว่ยแล้วสินะ”

ก่อนที่จางหยวนจะตอบอะไรออกมา คนอื่นในกองกำลังอีกเจ็ดคนก็ได้ดีใจกันอย่างออกนอกหน้า

“ไม่จริงน่า เฉินเฉียง เจ้าต้องการเข้าร่วมกับพวกเราด้วยเหรอ” เม่ยหลัวหลันได้ถามออกมาตรงๆพร้อมดวงตาที่ลุกวาว

“แหงสิ ที่ข้าไปที่สำนักเต่าดำเองก็เป็นเพราะต้องการฝึกฝีมือเพื่อเข้าร่วมกับกองกำลังเทียนเว่ยในอนาคต”

“สุดยอดไปเลยกัปตัน เฉินเฉียงไม่เพียงจะเป็นนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณแล้วเขายังมีทักษะเคลื่อนไหวใต้ดินที่เหนือกว่าใครอีก นี่จะช่วยกองกำลังของพวกเราได้อย่างมากแน่ๆ กัปตัน ยังไงท่านก็ต้องให้เขาเข้าร่วมให้ได้นา”

ถูกต้องแล้วครับกัปตัน นี่ยังไม่ต้องนึกถึงเรื่องที่ว่าเขาได้ช่วยชีวิตพวกเราไว้ เขานั้นมีท่าเท้าที่แกร่งพอจะตามการบินของเจิ้งตี้ได้ ข้าคิดว่าดีไม่ดีเขาจะเก่งกว่ากัปตันอีกนา เขานั้นมีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมกับพวกเราอย่างแน่นอน

“น้องชายเฉินเฉียง หากเจ้าเลือกที่จะเข้าร่วมกับพวกเรา พวกเราก็ยินดีที่จะต้อนรับเจ้า”

และในตอนนี้ ทั้งเจ็ดคนได้ถือว่าเฉินเฉียงคือพวกพ้องของเขาแล้ว

อย่างไรก็ตาม จางหยวน หลังจากดื่มแก้วเหล้าไปอีกรวดจนหมด เขาก็ได้มองไปที่เฉินเฉียงแต่ปากของเขานั้นได้พูดกับลูกทีมอีกเจ็ดคน

“พี่น้องทั้งหลาย ข้าบอกไว้ก่อนนะว่าเฉินเฉียงไม่เพียงต้องการจะเข้ากับพวกเรา แต่เขานั้นต้องการธงสงครามกองกำลังเทียนเว่ยของพวกเราอีกด้วย”

“ห้ะ”

ทั้งเจ็ดคนเมื่อได้ยินต่างก็หันไปมองเฉินเฉียงเป็นตาเดียว และหุบปากราวกับรู้กันในทันทีโดยไม่พูดอะไรอีก

-ทำไมมันถึงดูจริงจังกันขนาดนั้นฟะ-

เฉินเฉียงไม่เข้าใจจริงๆว่ากับอีแค่ธงจะอะไรกันนักกันหนา แต่เขานั้นก็ไม่ได้คิดที่จะล้วงลึกในเรื่องนี้แต่อย่างใด เขาทำเพียงยิ้มและพูดออกมาเท่านั้น “นั่นเป็นเรื่องในอนาคตล่ะน้า อีกอย่าง ข้าเองก็ยังไม่จบออกจากสำนักเต่าดำซะหน่อย ต่อให้ข้าอยากจะเข้ากองกำลังขนาดไหน ก็คงต้องรอจบก่อน อีกอย่าง พอถึงตอนนั้น ข้าก็อาจจะไม่เป็นที่ต้อนรับแล้วก็ได้”

“แต่ต่อให้ข้ายังไม่อาจเข้าร่วมกองกำลังได้ในตอนนี้ แต่ก็คงพอจะเป็นไปได้ที่ข้าขอศึกษาดูงานก่อนได้ใช่รึเปล่า”

“ไม่มีปัญหา อีกอย่าง กัปตันก็ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องนี่หรอก ใช่ไหมครับ”

“ดี และในเมื่อเราได้เด็กฝึกงานมาใหม่แล้ว เอ้า พวกเรา ชนนนนนน”

ไม่นาน คนทั้งเก้าก็ได้ซัดเหล้าหมดไปสองไหใหญ่ เฉินเฉียงที่ตอนนี้กำลังกรึ่มๆก็ได้นึกอะไรบางอย่างออกและถามออกมาในทันที “เอ้อ กัปตันจาง อะไรคือแผ่นพลังงานที่กัปตันหวู่พูดถึงเมื่อก่อนหน้านี้กัน ไม่ใช่ไอ้ที่ส่องแสงที่ท่านดึงออกมาจากหัวของเจิ้งตี้นั่นรึเปล่า ”

“ใช่แล้ว จริงด้วยสิ กัปตัน พวกเราเองก็เก็บแผ่นพลังงานของพวกนักรบเหนือมนุษย์มามากมาย แต่พวกเรายังไม่เคยเห็นแผ่นพลังงานจากนายพลทักษะพิเศษเลยสักครั้ง ถ้าไม่ว่าอะไรขอพวกเราได้ยลโฉมเป็นบุญตาหน่อยได้รึเปล่าครับ”

หลิวไฮ่ หรือก็คือคนที่นั่งอยู่ข้างจางหยวนในตอนนี้ได้พูดออกมาด้วยเสียงอันดังลั่น หลังจากดื่มไปอย่างหนักทำให้เขาในตอนนี้จับไหล่ของจางหยวนอย่างสนิทสนมราวกับน้องชายอ้อนดูของเล่น

เมื่อได้เห็นใบหน้าอ้อนวอนของทุกคนแล้ว จางหยวนก็ได้นำมือไปจับที่เอวของตน “ก็ได้ก็ได้ ข้าจะให้พวกเจ้าได้ดูเป็นบุญตาสักครั้งหนึ่งว่าแผ่นพลังงานของนักรบเหนือมนุษย์ระดับนายพลทักษะพิเศษเป็นยังไง เปิดตาดูให้กว้างๆล่ะ”

เมื่อพูดจบ จางหยวนก็ได้นำแผ่นใสที่มีแสงเรืองรองขนาดเท่าเล็บมือออกมาจากกระเป๋าเก็บของตนและส่งให้หลิวไฮ่ดู

“กัปตัน หลอกกันรึเปล่าเนี่ย ไอ้แผ่นนี่มันก็ไม่ได้ต่างจากแผ่นพลังงานที่ข้าเคยได้มาก่อนหน้านี้เลยนะ นอกจากไอ้ขีดที่มันคาดไว้สองขีดนี้ อย่างอื่นก็เหมือนกันหมดเลย”

“มา เอามาให้ข้าดูบ้าง”

หลางซานเอ๋อที่อยู่ข้างๆได้ทำการฉกมาดูไปมา ก่อนที่จะโยนไปให้หลูจี๋ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

หลูจี๋ได้ส่องจนชนิดทุกเหลี่ยมมุมจนราวกับได้บังเกิดปัญญาอย่างถ่องแท้เพียงแค่ได้เห็น เอาจริงๆเขาก็ไม่รู้ว่าจะดูอะไรเหมือนกัน แต่เขายังแกล้งพยักหน้าหงึกหงักออกมา “โอ้…ของดี…ดีจริงๆนะนี่”

“ไอ้งี่เง่า ถ้าดูไม่เป็นก็ส่งมาเดี๋ยวนี้”

จางหยวน ได้แนะนำคนในกลุ่มให้เฉินเฉียงฟังด้วยรอยยิ้ม “เฉินเฉียง เจ้าเห็นไอ้เด็กนั่นมะ เห็นหน้ามันโหดๆเหี้ยมๆแบบนั้นน่ะ แต่เขานั้นกลับเป็นคนรักเดียวใจเดียว และถูกเม่ยหลัวหลันของเราเกี่ยวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

“กัปตัน ท่านพูดอะไรเนี่ย ข้า เหรินหมิงนั้นเป็นคนดีจะตายไป ไม่อย่างนั้นเสี่ยวหลันของข้าคงไม่หลงใหลในตัวข้าหรอกน่า”

เมื่อเหรินหมิงพูดจบก็ได้ส่งสายตาปิ๊งๆไปยังคนรักที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หลังจากพูดมาอย่างไม่อายปากก็ได้ยื่นแผ่นพลังงานให้กับคนรักของตนด้วยมือทั้งสองข้าง

เมื่อเห็นว่าเหรินหมิงส่งแผ่นพลังงานมาให้ดูอย่างนอบน้อม เม่ยหลัวหลันก็ได้มองดูด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ม่อโจวที่นั่งถัดไป

“กัปตันจ๋า…. ข้าอยากได้ไอ้นี่มาตลอดเลยนะ ท่านไม่คิดว่าจะมอบมันเป็นของขวัญให้ข้าสักหน่อยเหรอ….”

จางหยวนสำลักในทันทีเมื่อได้ยิน เขายิ้มออกมาอย่างแห้งๆและหันไปพูดกับเฉินเฉียง “เฉินเฉียง จะอย่าได้ไปใส่ใจกับคำพูดนี้ล่ะ ม่อโชวเป็นคนประเภท….. ช่างมัน เอาเป็นว่าเดี๋ยวอยู่กันไปเรื่อยๆเดี๋ยวเจ้าก็เข้าใจเอง อ้อ ลืมไปเลย ดูคนนั้น”

จางหยวนได้ชี้นิ้วไปที่ชายเจ้าเนื้อที่อยู่ข้างเฉินเฉียงและพูดออกมา “นี่คือหวังต้าหลู่ ชื่อเล่นก็คือเทพแห่งเงินตรา(หน้าเงิน) เขาชอบคิดเล็กคิดน้อยเสมอ และนี่ทำให้พวกเรานั้นมีกินมีใช้ทั้งด้านเงินทองและอาหารอยู่จนทุกวันนี้”

และหลังจากจางหยวนได้แนะนำทั้งเจ็ดคนแล้ว ทุกคนก็ได้มองไปที่เฉินเฉียง นี่แสดงให้เห็นเป็นนัยๆว่าถึงคราวเฉินเฉียงแล้ว เฉินเฉียงจึงได้แนะนำตัวเองแบบคร่าวๆต่อทุกคน

“จะเป็นการดีนะถ้ากัปตันร้องขอสิ่งนี้ให้มอบให้พวกเราได้ หากเรานำไปขายจะต้องได้ราคางามอย่างแน่นอน”

หวังต้าหลู๋พูดออกมาพลางถอนหายใจแล้วก็ส่งต่อแผ่นพลังงานให้กับเฉินเฉียง

“มา ดื่ม”

เมื่อทุกคนเห็นว่าเฉินเฉียงหยิบแผ่นพลังงานนี้ปล่อยก็หันไปมาชนแก้วกันต่อ จางหยวนในฐานะที่เป็นกัปตันทีมก็ได้รินเหล้าลงแก้วอีกครั้งและชวนทุกคนดื่มต่อ

เฉินเฉียงนั้นไม่ได้ดื่มแต่กำลังมองดูแผ่นพลังงานนี้อย่างจริงจังและถามออกมา “กัปตันจาง ไอ้พวกมนุษย์กลายพันธุ์นี่มันมีแผ่นนี่อยู่ในหัวอยู่ทุกตนเลยอย่างนั้นหรือครับ”

“ใช่ เฉินเฉียง เจ้าต้องจำไว้ให้ดี เพราะว่านี้คือจุดแตกต่างเดียวระหว่างมนุษย์กลายพันธุ์และเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เด่นชัดที่สุด”

“แน่นอนว่าเจ้าจะรู้ได้ว่าคนที่เจ้าเห็นมีแผ่นนี้อยู่หรือไม่ก็ต่อเมื่อมันผู้นั้นได้ตายไปแล้ว”

“ในทำนองเดียวกัน หากเจ้านำแผ่นพลังงานนี้ออกจากมนุษย์กลายพันธุ์ มันผู้นั้นถึงจะเชื่อได้ว่าตายอย่างแน่นอน”

หลังจากจางหยวนพูดเสร็จ เขาก็ยกแก้วขึ้นดื่ม แต่เมื่อเขาหันกลับไปมองเฉินเฉียงอีกครั้งเขาก็พบว่าเฉินเฉียงนิ่งสนิทราวกับหยุดลมหายใจไปแล้ว

“เฉินเฉียง เฮ้ยเฉินเฉียง เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า”

เฉินเฉียงในตอนนี้ได้กลับมาจากภวังค์ ใบหน้าของเขากระตุกเล็กน้อยพลางพูดออกมาอย่างติดๆขัดๆ

“กัป…กัปตันจาง….แผ่น…เอ่อ…แผ่นพลังงาน…ไม่อยู่แล้ว…อ่ะ”