หนุ่มสาวชนชั้นสูงหลายคนกำลังรอคอย         การปรากฏตัวของแคลร์ตัวเอกของงานวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ

 

 

หลังจากที่แขกมากันแล้ว งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น

 

 

แคลร์เดินลงบันไดมา    ช้าๆ พร้อมกับราเซีย ซัมเมอร์ และเฉียวฉู่ซิน ในคืนนี้แคลร์สวมชุดสีขาวราวกับหิมะมีลูกไม้เป็นชั้นๆ ที่กระโปรง     มีดอกกุหลาบสีชมพูสดใสแปลกตาปักอยู่ที่เอว มีดอกไม้เล็กๆ ตรึงไว้ที่ขอบเสื้อตรงบริเวณหน้าอก ผมยาวเป็นลอนอยู่ที่ไหล่ และเครื่องประดับผมสีลาเวนเดอร์ติดอยู่ นางดูราวกับนางฟ้าที่ลงมายังโลกทำให้ผู้คนรู้สึกสดชื่น    

 

 

แคลร์เดินลงบันได    ช้าๆ เรียกสายตาของทุกคนให้หันไปมอง ตอนนี้หนุ่มๆ ชนชั้นสูงที่ยังลังเลว่าจะทำตามคำสั่งของพ่อแม่หรือไม่ก็ได้ตัดสินใจแล้ว

 

 

ดวงตาของดยุกกอร์ตั้นหรี่ลง เขารู้ว่าเป้าหมายของเขาในวันนี้สำเร็จแล้ว ดยุกกอร์ตั้นเดินขึ้นไปอย่างรวดเร็วและเหยียดแขนออกอย่างเป็นธรรมชาติให้แคลร์จับมือเขา

 

 

“วันนี้เป็นวันเกิดของหลานสาวที่มีค่าของข้า แคลร์ ข้าขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงาน…” ดยุกกอร์ตั้นเริ่มด้วยน้ำเสียงที่สุภาพที่สุด

 

 

แคลร์ยิ้มจางๆ แต่ไม่มีรอยยิ้มในดวงตาของนาง ความรู้สึกนี้อึดอัดมาก มีคนจำนวนมากมองนางราวกับว่าเป็นสิ่งของ ผู้คนมากมายที่มากันในวันนี้ทั้งหมดเป็นคนมีหน้ามีตา ขุนนางหลายคนเป็นคนที่แคลร์เคยเห็นแต่ไม่สามารถบอกชื่อได้ แววตาของคนเหล่านั้นดูแล้วช่าง    ไม่สบอารมณ์เลยจริงๆ!

 

 

เมื่อกล่าวต้อนรับจบ                     งานเลี้ยงก็ดำเนินมาถึงจุดสำคัญ     ดยุกกอร์ตั้นเดินไปมาท่ามกลางผู้คนราวกับผีเสื้อเข้าสังคม เขาหัวเราะอย่างเต็มที่บ้างเป็นครั้งคราว ทำให้ผู้คนรู้    ว่าเขาเป็นคนมีความสุข    แค่ไหน นี่เป็นเรื่องธรรมดา วันนี้เป็นเพียง    วันเกิดของหลานสาว     แต่กลับมีคนมากมายที่นี่ ไม่เพียงแต่องค์ชายและองค์หญิงเท่านั้นที่มางาน     แต่บุตรและเทพธิดาแห่งแสงก็มาที่นี่ด้วย เขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรล่ะ

 

 

แคลร์มีรอยยิ้มที่แข็งกระด้างบนใบหน้า นางปฏิเสธเด็กหนุ่มทุกคนที่มาชวนนางเต้นรำอยู่ซ้ำๆ ในใจก็คร่ำครวญว่าเมื่อไหร่งานจะจบเสียที

 

 

“แคลร์…” เสียงขี้เล่นดังขึ้นด้านหลังของแคลร์ นาง    หันหน้าไปมองและเห็นรอยยิ้มขององค์หญิงแมริส

 

 

“องค์หญิง…” แคลร์ทักทายด้วยรอยยิ้ม นางเห็นองค์ชายสองยืนอยู่ข้างหลังองค์หญิงแมริสก็พูด “องค์หญิง องค์ชายสอง ขอบพระทัยที่มาในวันนี้เพคะ”

 

 

“หึหึ ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่อยากให้เรามา” องค์ชายสองพูดติดตลก “ข้าเห็นความอดกลั้นในดวงตาของเจ้าได้อย่างชัดเจนเลย”

 

 

แคลร์นิ่งและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่องค์หญิงแมริสหัวเราะ “ไม่จำเป็นต้องเถียงหรอก ฮ่าๆ เจ้าก็เหมือนเรานั่นแหละ พี่ชายของข้าและข้าก็เกลียดงานสังคมเช่นนี้ แต่เราก็ต้องอดทนกับมัน” องค์หญิงแมริสพูดด้วยเสียงต่ำ

 

 

แคลร์นึกภาพงานวันเกิดขององค์หญิงแมริสครั้งที่แล้วและก็อดยิ้มไม่ได้ ซัมเมอร์และเฉียวฉู่ซินต่างก็หยิบจานอาหารอร่อยๆ มานั่งบนโต๊ะด้านหลังอย่างเพลิดเพลิน เบนหาวอย่างเบื่อหน่ายและพิงกำแพงมองผู้หญิงสองคนที่กำลังกินอย่างมีความสุข ไป๋ตี้นั่งอยู่บนไหล่ของเบนถือฟัวกราส์และแทะอย่างอร่อยเช่นกัน วัลโดไม่ปรากฏตัวเพราะมี    คนจำนวนมากเกินไป     เขากลัวว่าจะหลีกเลี่ยงได้ยากหากมีผู้ที่มีฝีมือขั้นสูงพบเขาเข้า         แม้ว่าเขาจะซ่อนตัวตนอยู่ก็ตาม ข้อเท็จจริงนี้    จะได้รับการพิสูจน์ในภายหลังว่าความกังวลของวัลโดนั้นถูกต้อง

 

 

หลิวเฉว่ฉิงมองแคลร์ที่รายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายจากระยะไกลๆ ด้วยรอยยิ้มและดวงตาที่เป็นประกาย สายตาของหลิวเฉว่ฉิงหยุดที่เบนและไป๋ตี้ที่นั่งอยู่บนไหล่ของเขา ตอนนี้นางมั่นใจ 100% แล้วว่าสองคนนี้คือผู้สมรู้ร่วมคิดในการขโมยของขวัญของเทพีในคืนนั้น! ส่วนผู้บงการอยู่เบื้องหลังคงต้องมาคุยกันว่าเป็นใครกันแน่?

 

 

ห้องโถงดูมีชีวิตชีวามาก ทุกคนมีรอยยิ้มบนใบหน้า

 

 

“พระสันตปาปามาแล้ว!” ทันใดนั้นน้ำเสียงไม่ดังมากแต่สั่นสะเทือนทุกคนก็ดังขึ้นในห้องโถงที่คึกคัก

 

 

พระสันตะปาปามาที่นี่?!

 

 

ไม่เพียงแต่ดยุกกอร์ตั้นเท่านั้นที่ตกตะลึง แต่ทุกคนในห้องโถงก็ตกตะลึงไปด้วย

 

 

พระสันตปาปามาได้อย่างไร? แม้กระทั่งวันเกิดขององค์หญิง พระสันตปาปาก็ไม่ได้ไปเข้าร่วมเลย!

 

 

ความมืดมิด    ฉายผ่านดวงตาของหลิวเฉว่ฉิง การแสดงกำลังจะเริ่มขึ้น!

 

 

“พระสันตปาปามาแล้ว!” เสียงขององค์รักษ์ดังก้องไปที่ประตูอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าองครักษ์ก็ตกใจกับตัวตนของผู้มาเยือนเช่นกัน

 

 

ดยุกกอร์ตั้นเรียกสติกลับมาและออกไปต้อนรับ

 

 

ทุกคนในห้องโถงก็ได้สติแล้วเช่นกัน เกิดความโกลาหลขึ้นในทันที มีการพูดคุยกันมากมายในห้องโถงอยู่พักหนึ่ง ทุกคนมีสีหน้าที่แตกต่างกันไป ทั้งหมดกำลังคาดเดาว่าพระสันตปาปามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นยืนพิงกำแพงอย่างเงียบๆ ใบหน้าของเขาดูสงบ เขารู้อยู่แล้วว่าพระสันตปาปาจะมา

 

 

หลิวเฉว่ฉิงระงับความตื่นเต้นในใจของนางให้ดูเหมือนสงบ แต่หัวใจของนางก็เต้นรัว     ทุกครั้งที่เห็นท่าทีที่เป็นมิตรอย่างผิดปกติของเหลิ่งหลิ่งยวิ๋นกับแคลร์     หลิวเฉว่ฉิงจะรู้สึกถึงวิตกอยู่ในใจของนาง เหตุผลที่ท่าทีของเหลิ่งหลงยวิ๋นที่มีต่อหลิวเฉว่ฉิงแตกต่างจากคนอื่นๆ นั่นก็เพราะว่าเหลิ่งซวนซวนน้องสาวคนเดียวของเขาได้รับการดูแลจากนางมาตลอด นี่เป็นไพ่ใบเดียวของหลิวเฉว่ฉิงที่ทำให้ได้อยู่ใกล้กับเหลิ่งหลิงยวิ๋น แต่ถ้าตัดสิ่งนี้    ไป เหลิ่งหลิงยวิ๋นก็จะเย็นชาและโหดเ**้ยมกับนางเหมือนคนอื่นๆ ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้หลิวเฉว่ฉิงจะกังวลมาก ภัยคุกคามอย่างแคลร์กำลังถูกจำกัดออกไป          จะไม่ให้หลิวเฉว่ฉิงไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรล่ะ? แม้ว่าจะเป็นภัยคุกคาม    เพียงเล็กน้อยก็ไม่ควรปล่อยไป เพราะในหัวใจของหลิวเฉว่ฉิงนั้น เหลิ่งหลิงยวิ๋นคือสวรรค์และทุกสิ่งที่นางมี!

 

 

แคลร์ยังคงยืนนิ่งและมองไปที่ทางเข้าห้องโถง พระสันตปาปามาจริงๆ นี่เป็นพรหรือคำสาปกันแน่? นางกลัวว่าเขาจะไม่ได้มาฉลองธรรมดาทั่วไปน่ะสิ แคลร์รู้ว่านางไม่ได้มีความสำคัญต่อพระสันตปาปาเลย! อาจเป็นเรื่องของขวัญของเทพีหรือไม่นะ?

 

 

เบนเหล่ตา ขณะที่เขาค่อยๆ มองไปที่ทางเข้าประตูและ    ใบหน้าที่เคร่งขรึมของพระสันตปาปาแล้วหาวอย่างไม่สนใจ คืนนั้นชายชราผู้นี้    ได้กินน้ำลายของเขาไปแล้วนี่ ตอนนี้เขาจะไปแสดงท่าทางสง่าผ่าเผยให้ใครดูล่ะ?

 

 

ด้านหลังพระสันตปาปาคือพระคาร์ดินัลคนที่แคลร์รู้จัก…     ราอูลชายชราผู้น่ารัก ในเวลานี้ราอูลแต่งกายด้วยชุดสูทเป็นทางการถือกล่องผ้าสวยงามไว้ในมือและ    อยู่ด้านหลังพระสันตปาปา ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมมาก มันยากมากสำหรับเขาที่จะมาทำอะไรแบบนี้

 

 

“ไม่รู้ว่าพระสันตปาปาจะมาที่นี่ เป็นเกียรติมากครับ…” ดยุกกอร์ตั้นยิ้มอย่างขอโทษและก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายพระสันตปาปา เขายังคงกังวลเล็กน้อยเพราะไม่เข้าใจจุดประสงค์ในการมาของพระสันตปาปาเลย

 

 

“ท่านดยุกพูดเป็นเล่นไป เป็นข้าเองที่มาที่นี่โดยไม่ได้บอกล่วงหน้า ข้าต้องขอโทษจริงๆ” พระสันตปาปายิ้ม

 

 

คนในห้องโถงต่างฟังและพูดคุยกันมากขึ้นว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ถึงแม้ว่าแคลร์จะได้รับความสนใจมากแค่ไหนในช่วงที่ผ่านมานี้ แต่นางก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่อายุครบสิบสี่ปีเท่านั้น งานฉลองวันเกิดของนางได้รับความสนใจจากพระสันตปาปาเลยหรือ?

 

 

“เหอะๆ มีผู้คนมากมายเลยที่มาที่นี่ งานวันนี้ดูมีชีวิตชีวาจริงๆ” พระสันตปาปาเหลือบไปเห็นขุนนางทุกคนที่เขารู้จักดี อีกทั้งยังมีบุตรและเทพธิดาแห่งแสงด้วย ดวงตาของพระสันตปาปาเคลื่อนไปที่แคลร์และจากนั้นก็มองไปที่มังกรดำซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแคลร์นัก ประกายละเอียดอ่อนฉายผ่านดวงตา แน่นอนว่าชายชุดดำนี้คือมังกรดำในคืนนั้นจริงๆ! ดูเหมือนว่าการคาดเดาของเทพธิดาแห่งแสงจะเป็นถูกต้อง    ทั้งหมด แคลร์เป็นคนที่ขโมยของขวัญจากเทพีในคืนนั้น เมื่อนึกถึงน้ำลายของมังกรดำในคืนนั้น พระสันตปาปาก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขาเชื่อในคำแนะนำของเทพี แคลร์ไม่ได้แข็งแกร่งแต่สามารถเรียกมังกรดำที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังได้ ดังนั้นนางจะ    ต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวบางอย่างแน่ๆ

 

 

“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าพระสันตปาปาจะมาด้วยตัวเอง มันทำให้บ้านเต็มไปด้วยสง่าราศีจริงๆ” ดยุกกอร์ตั้นพูดอย่างสุภาพและมีความสุข แต่ก็มีความกังวลอยู่ในใจของเขา พระสันตปาปามาที่นี่เพื่อพูดคำสองสามคำแค่นี้หรือ?

 

 

“วันนี้ข้ามาตามคำแนะนำของเทพี” ทันใดนั้นใบหน้าของพระสันตะปาปาก็หันกลับมาแล้วเขาก็หันไปทางห้องโถงและพูดเบาๆ ด้วยเสียง    นุ่มนวลแต่มีการใช้เวทย์มนตร์เพื่อให้ทุกคนในห้องโถงได้ยินสิ่งที่เขาพูดอย่างชัดเจน

 

 

ทันใดนั้นในห้องโถงก็เงียบลงทันที ทุกคนต่างตะลึง คำแนะนำของเทพี? ในใจของคนเหล่านี้ เทพีคือความเชื่อและเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณของพวกเขา เมื่อพระสันตปาปาพูดเช่นนี้จะไม่ให้พวกเขาตกใจได้อย่างไรล่ะ?

 

 

ดยุกกอร์ตั้นก็ตกตะลึงเช่นกัน ไม่รู้ว่าพระสันตปาปาต้องการจะทำอะไร

 

 

หลิวเฉว่ฉิงกำหมัดแน่น จ้องไปที่พระสันตปาปา หัวใจเต้นรัวและแรงมาก ดวงตาของพระสันตปาปามองผ่านชายชุดดำแล้วและเขาสามารถ    ยืนยันตัวตนของบุคคลนั้นได้ ดังนั้นต่อไปนี้ก็จะเป็นเวลาแห่งการลงโทษแคลร์ จอมโจรผู้กล้าหาญ!

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นจิบไวน์ด้วยท่าทางเบื่อหน่ายและยืนพิงกำแพงอย่างใจเย็น เขามองพระสันตปาปาที่ยืนอยู่ตรงกลางห้องโถงนิ่งๆ

 

 

แคลร์มองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของพระสันตปาปาและรู้สึกว่ามีลางไม่ดีเกิดขึ้นในใจ ตอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับจิ้งจอกเฒ่าเลย!

 

 

“คำแนะนำของเทพี?” บรรยากาศภายในห้องโถงร้อนแรงขึ้นอย่างผิดปกติ หากเทพีแนะนำให้พระสันตปาปามา พวกเขาทุกคนก็มีเกียรติที่จะได้เห็นสิ่งที่เทพีชี้นำให้พระสันตปาปาทำเช่นกัน มันช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่ง! ทุกคนมองไปที่พระสันตปาปารอฟังคำพูดและการกระทำของเขา

 

 

เบนกระพริบตาอย่างงุนงง ชายชราผู้นี้ค้นพบแล้วหรือว่ามังกรดำในคืนนั้นคือตัวเขาเอง? ดูไม่น่าจะใช่นะ…     เพราะสายตาของพระสันตปาปา    หยุดที่เขาอยู่สักพักแล้วก็เคลื่อนไปที่อื่น อีกทั้งในสายตาก็ไม่สนใจเขา    มากนักด้วย

 

 

…………………………………………………………………………….