บทที่ 75 เรื่องเมื่อปีนั้นมีลับลมคมใน!

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

บทที่ 75 เรื่องเมื่อปีนั้นมีลับลมคมใน! Ink Stone_Fantasy

ความลังเลของฉีหรูเสวี่ย ทำให้เย่เทียนเฉินมองเห็นความหวัง บางทีเมื่อก่อนพี่สาวหรูเสวี่ยอาจเป็นดั่งที่พี่ชายพูดจริงๆ เพียงต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอิสระของตนเอง เพียงเพราะไม่อยากหมั้นกับตระกูลฉิน จึงจำเป็นต้องหนีมาอยู่ในบ้านของตน

แต่ว่าเมื่อสักครู่นี้ ตอนที่ตนเองถามเธออย่างจริงจังว่าตกลงแล้วมีความรู้สึกต่อเย่เทียนเฉินหรือไม่ ฉีหรูเสวี่ยที่มีนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมามาโดยตลอด ก็พูดไม่ออกเป็นครั้งแรก บางทีโดยที่ไม่รู้ตัว ในใจของฉีหรูเสวี่ยก็มีเงาของเย่เทียนเฉินเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เธอก็ไม่สามารถลบออกไปได้

“เฮ้อ พี่ชายหนช่างโชคดีจริงๆ มีหญิงงามอย่างพี่สาวหรูเสวี่ยมารักเขา ช่างโชคดีเหลือเกิน!” เย่เฉี่ยนเหวินหลบไปพลางกล่าวพร้อมหัวเราะฮี่ๆ ไปพลาง

“ใคร ใครรักเขากัน เขาเป็นเจ้าคนชั่ว ยัยเด็กตัวแสบ พูดจามั่วซั่ว คอยดูเถอะว่าพี่จะจัดการดธอยังไง…” ฉีหรูเสวี่ยไล่ตามเย่เฉี่ยนเหวิน ทั้งสองเอะอะคึกคักกันขึ้นมา

“ฮี่ๆ หนูไม่ได้พูด หนูไม่ได้พูด…”

เย่เฉี่ยนเหวินและฉีหรู่เสวี่ยทะเลาะเอะอะกันอยู่ที่ห้องข้างๆ เย่เทียนเฉินที่เดิมทีเอนตัวลงนอนหลับบนเตียงไปแล้ว ถูกเสียงรบกวนจนนอนไม่หลับ เขาไม่ได้ฟังบทสนทนาของทั้งสองและเขาก็ไม่อยากฟังด้วย ฉีหรูเสวี่ยคิดที่จะเล่นงานตนเองไปทุกหนทุกแห่ง ส่วนน้องสาวก็กลายเป็นกบฏไปตั้งนานแล้ว คงไม่ได้พูดถึงอะไรดีๆ ของตนเองแน่!

เดิมทีไม่อยากลุกขึ้นมา แต่จนใจที่เย่เฉี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ยเอะอะอยู่ห้องข้างๆ บางครั้งมีเสียงหัวเราะเฮฮาดังแว่วมา ทำให้เย่เทียนเฉินนอนไม่หลับ ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความโกรธ เตรียมจะบุกไปตะโกนใส่ทั้งสองด้วยความโมโหสักยก ไหนเลยจะรู้ว่าเพิ่งจะเปิดประตูห้องนอนและเดินไปถึงข้างประตูห้องนอนของฉีหรูเสวี่ย ก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันของเย่เฉี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ย

“หนูผิดไปแล้ว หนูผิดไปแล้ว พี่สาวหรูเสวี่ย อย่าจี้อีกเลย!” เย่เฉี่ยนเหวิทิ้งตัวลงบนเตียง หัวเราะออกมาเสียงดังพลางกล่าว

“ยัยเด็กตัวแสบ ถ้ายังกล้ามาเติมคำพูดของพี่สาวเธออีกล่ะก็ คอยดูเถอะว่าพี่จะจัดการเธอยังไง” ฉีหรูเสวี่ยจั๊กจี้เย่เฉี่ยนเหวินพลางกล่าว

“หยุดเถอะ หยุด พี่วาวหรูเสวี่ย หนูคิดว่าพี่พูดได้ถูกต้อง เรื่องนั้นของพี่ชายหนูมีลับลมคมใน บางทีเป็นไปได้ว่าอาจจะถูกคนอื่นใส่ร้าย…” เย่เฉี่ยนเหวินรีบขอให้ยกโทษให้แล้วจึงกลาวด้วยท่าทีจริงจัง

ฉีหรูเสวี่ยได้ยินคำพูดของเย่เฉี่ยนเหวินก็ไม่ได้เอะอะอีกต่อไป ล้มตัวนอนลงบนเตียงด้วยชุดนอนเช่นเดียวกัน ขมวดคิ้วอันงดงาม ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เธอเป็นผู้หญิงไอคิวสูงคนหนึ่งที่เดินอยู่แนวหน้าของยุคสมัย ไม่ใช่คุณหนูสูงศักดิ์ที่เป็นดั่งแจกันประดับประเภทนั้น ประโยคที่ว่าหน้าอกใหญ่ไร้สมองสำหรับฉีกรูเสวี่ยแล้ว มีเพียงสองคำด้านหน้าเท่านั้นที่ถูกต้อง สองคำหลังนั้นผิดอย่างแท้จริง

“เฉี่ยนเหวิน เรื่องนี้พี่คิดว่าควรจะต้องตรวบสอบดูสักหน่อย ขั้นแรก มีอย่างน้อยสองจุดที่น่าสงสัย จุดแรก พี่ชายของเธอรู้สถานที่อาบน้ำของหลิ่วหรูเหมยได้ยังไง? จุดที่สอง เขาเข้าไปสถานที่ที่หลิ่วหรูเหมยอาบน้ำได้อย่างง่ายดายได้ยังไง?” ฉีหรูเสวี่ยเองก็เปิดปากถามกล่าวจริงจัง

เย่เฉี่ยนเหวินชะงักไปครู่หนึ่ง ตอนแรกเริ่มที่ฉีหรูเสวี่ยพูดถึงเรื่องนี้ เธอไม่ได้มีความสงสัยขึ้นมา ในตอนนั้นเธอเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพียงแต่ทั่วทั้งเมืองหลวงกำลังลือกันว่าเย่เทียนเฉินผู้เป็นพี่ แอบดูหลิ่วหรูเหมยที่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงอาบน้ำ สร้างความหายนะครั้งใหญ่ ต่อมาเป็นพ่อและแม่ที่พาเย่เทียนเฉินไปรับโทษด้วยตัวเองที่ตระกูลหลิ่ว เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้…

“พี่สาวหรูเสวี่ย พอพี่พูดแบบนี้ก็ทำให้รู้สึกว่ามีจุดที่น่าสงสัยจริงๆ เมื่อก่อนพี่ชายหนูแม้ว่าจะเสเพลเล็กน้อย เที่ยวเล่นว่างงาน แต่ว่านิสัยเขาไม่ได้แย่ คงไม่ทำเรื่องสกปรกโสมมเช่นนั้นแน่…” เย่เฉี่ยนเหวินเองก็กล่าวพลางขมวดคิ้ว

“พี่ชายเธอตอนนี้ดูไปก็ไม่เสเพลแล้ว แต่เรื่องนิสัยนี่แย่มาก…” ฉีหรูเสวี่ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ฮี่ๆ พี่สาวหรูเสวี่ย พี่ก็อย่าโกรธพี่ชายหนูไปเลย เขาเปลี่ยนไปก็เป็นเรื่องดี เพียงแต่เมื่อก่อนกับผู้หญิงเขาอาจจะอะไรแบบนั้น ดังนั้นก็อะไรแบบนั้นล่ะ…” เย่เฉี่ยนเหวินหัวเราะฮี่ๆ เพลางกล่าว

“เด็กคนนี้นี่ ดูท่าแล้วจะยืนอยู่ฝั่งพี่ชายเธอสินะ ช่างเถอะ รีบไปนอนเถอะ พรุ่งนี้เธอต้องไปเรียนนะ” ฉีหรูเสวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“งั้นหนูไปก่อนนะคะ พี่สาวหรูเสวี่ย ฝันดีค่ะ!” เย่เฉี่ยนเหวินกล่าวพลางหัวเราะ

ได้ยินเสียงฝีเท้าของเย่เฉี่ยนเหวินผู้เป็นน้อง เย่เทียนเฉินก็รีบเดินกลับในที่ห้องนอนของตนเองพลางปิดประตูอย่างไร้ซุ่มไร้เสียง มีสีหน้าสงสัยอย่างหนักขึ้นมา หากไม่ใช่ว่าฉีหรูเสวี่ยยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เย่เทียนเฉินก็คิดไม่ออกเลยจริงๆ ถึงอย่างไรตั้งแต่ได้กลับมาเกิดใหม่ ใจของเขาก็คิดเพียงแต่จะเสพสุขกับชีวิต หลายเรื่องที่ไม่ได้คิดให้มากๆ

อย่างไรก็ตาม ในชีวิตของเย่เทียนเฉินมีจุดด่างพร้อยอันร้ายแรงอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือการแอบดูหลิ่วหรูเหมยสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงอาบน้ำ แม้ว่าจะเป็นความสุขทางตา ทำให้ชายนับไม่ถ้วนอิจฉาริษยา แต่ว่านี่ก็ทำให้เย่เทียนเฉินต้องไปคุกเข่าที่หน้าประตูบ้านตระกูลหลิ่วหนึ่งวันหนึ่งคืน และกลายเป็นเรื่องขำขันของคนทั้งเมืองหลวง นำมาซึ่งความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวงแก่พ่อแม่และตระกูลเย่ นี่ทำให้เขารับไม่ได้ยิ่งกว่าการฆ่าเขาให้ตายเสียอีก และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเย่เทียนเฉินคนก่อนจึงยืนกรานจะพักการเรียนที่มหาวิทยาลัยหลงเถิงและไปเป็นทหาร

“ให้ตายสิ สหาย ความแค้นนี้ฉันจะสะสางให้นายเองในเมื่อถูกผู้คนใส่ร้ายจนเกิดความอัปยศอดสูขนาดนี้ จะไม่ตอบโต้คืนไปได้อย่างไร” เย่เทียนเฉินพึมพำกับตนเอง เอนตัวนอนลงบนเตียงแล้วทำสมาธิ

ชาติก่อนเย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่ชอบหาเรื่องใส่ตัว แม้ว่านิสัยของเขาจะเหมือนกับเทพแห่งความตายอยู่บ้าง และเหมือนกับอันธพาล แต่ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษระดับพระเจ้า ในโลกที่สับสนวุ่นวาย สัคว์อสูรกลายพันธุ์ไล่กินผู้คน เขาเองก็ได้ปกป้องความสงบสุขของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ด้วยลักษณะอันน่าเกรงขามของเขาที่เป็นผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้า ยิ่มไม่อนุญาติให้ใครมาดูหมิ่น ต่อให้มาเกิดใหม่ในชีวิตนี้  เขาก็ไม่ยอมให้ชีวิตของตนเองต้องมีจุดด่างพร้อยเช่นนี้อย่างเด็ดขาด ไม่ยอมให้พ่อแม่ต้องอับอายและเจ็บปวดใจ

ทำสมาธิไปครู่หนึ่ง เย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นอย่างกลัมกลุ้ม ความทรงจำในสมองของเขา จำได้เพียงว่าเมื่อก่อนเย่เทียนเฉินคนนั้น วันที่แอบดูหลิ่วหรูเหมยอาบน้ำ ตัวคนได้แต่เดินไปยังสถานที่อาบน้ำของหลิ่วหรูเหมยอย่างมึนๆ เบลอๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ราวกับถูกคนควบคุมสมองอยู่อย่างไรอย่างนั้น

แม้ว่าเย่เทียนเฉินจะรู้สึกกลุ้มใจอยู่บ้างเนื่องระลึกเรื่องต่างๆ ได้ไม่มาก แต่ว่าในความทรงจำกลับมีชื่อของคนคนหนึ่งชื่อว่าไป๋อู่ จากความทรงจำไป๋อู่คนนี้เป็นลูกหลานตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวง ตระกูลไป๋ไม่ใช่ตระกูลใหญ่ที่มีพื้นเพยิ่งใหญ่อะไร พื้นเพของตระกูลอาจจะพอๆ กับตระกูลเย่ เย่เทียนเฉินนก่อนเสเพลเป็นอย่างมาก เที่ยวเล่นว่างงาน เพื่อนฝูงเกเรเกตุงก็มีไม่น้อย แต่ไป๋อู่คนนี้ เป็นเพื่อนเสเพลที่ใกล้ชิดเย่เทียนเฉินที่สุดคนหนึ่ง

ตอนสายของวันที่เย่เทียนเฉินแอบดูหลิ่วหรูเหมยอาบน้ำ เย่เทียนเฉินได้รับโทรศัพท์ของไป๋อู่ บอกให้ออกไปซิ่งรถ จนกระทั่งตอนที่เย่เทียนเฉินขับรถตามไปถึง ไป๋อู่ก็บอกให้ดื่มกาแฟก่อนสักหน่อย หลังจากที่ดิ่มกาแฟแล้ว เย่เทียนเฉินก็มีอาการมึนๆ เบลอๆ

“ท่าทางจะต้องเริ่มจากไป๋อู่คนนี้ซะแล้ว เรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน”

เย่เทียนเฉินพูดจาพึมพำกับตนเอง หากไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้เช้าต้องไปยังสนามบินนานาชาติ คุ้มครองคนอะไรนั่นไปแลกเปลี่ยนข้อมูลลับที่ปะเทศm คืนนี้เขาคงเคลื่อนไหวไปแล้ว นิสัยของเขาก็รวดเร็วเฉียบขาดเช่นนี้ ไม่ยืดเยื้ออืดอาจเลยแม้แต่น้อย

อีกอย่างยังมีส่วนที่สำคัญมากอีกจุกหนึ่ง นั่นก็คือภายในความทรงจำของเย่เทียนเฉิน ตอนที่ดิ่มกาแฟแก้วนั้น ตัวคนก็ดูเหมือนถูกคนควบคุมสมองก็มิปาน การกระทำทั้งหมดถูกผู้อื่นควบคุมไว้โดยสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ยาจะสามารถทำได้อย่างเด็ดขาด เหมือนกับเทคนิคการควบคุมซึ่งเป็นพลังพิเศษด้านจิตวิญญาณมาก

ตอนนี้ขอบเขตพลังของเย่เทียนเฉินไปถึงระดับจอมราชันแล้ว รวมกับก่อนจะได้มาเกิดใหม่ก็เป็นผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้า ความเข้าใจในเทคนิคพลังพิเศษย่อมละเอียดลึกซึ้ง

เทคนิคการควบคุมชองพลังพิเศษด้านพลังจิตวิญญาณ เป็นพลังที่ร้ายกาจมากประเภทหนึ่ง สามารถทำให้คนถูกควบคุมโดยไม่รู้ตัว ทำเรื่องที่ตนเองไม่รู้ สามารถสร้างผลกระทบต่อกระแสไฟฟ้าในสมองขอมนุษย์ เป็นความสามารถที่น่ากลัวที่สุดในหมู่สายพลังพิเศษที่มี ฆ่าคนได้โดยไร้ร่องรอย สามารถควบคุมหรือกระทั่งทำลายพลังจิตวิญญาณของผู้อื่นได้ เมื่อประทับตราจิตวิญญาณของตนลงไป ก็จะควบคุมคนคนนั้นได้ชั่วชีวิต ดูเหมือนในด้านระดับความแข็งแกร่งของสายพลังพิเศษทั้งหมดที่มี ล้วนแต่เกิดผลกระทบต่อสายจิตวิญญาณ มีกระทั่งกำหนดระดับความแข็งแกร่ง ระดัขั้น และศักยภาพได้โดยตรง ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ว่าผู้มีพลังพิเศษสายพลังจิตวิญญาณนั้นน่ากลัวแค่ไหน แต่ผู้มีพลังพิเศษสายนี้ผู้ที่รู้ตัวน้อยมาก ผู้มีพลังพิเศษอันแข็งแกร่งที่เป็นสายจิตวิญญาณโดยกำเนิดจะมีไม่ถึงหนึ่งในพันล้าน

ถ้าหากในโลกแห่งนี้มีการคงอยู่ของผู้มีพลังพิเศษสายจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งอยู่ดั่งที่เย่เทียนเฉินคาดเดาจริงๆ ถ้าหากคนคนนี้ใช้พลังพิเศษจิตวิญญาณแห่งการควบคุม อันน่าเกรงขามของเขาทำเรื่องเลวๆ ล่ะก็ เกรงว่ายากที่จะมีคนหยุดเขาได้

ดังนั้น ยิ่งทำให้เย่เทียนเฉินตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตัดสินใจจรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ถ้าหากมีคนว่าจ้างผู้มีพลังพิเศษสายจิตวิญญาณให้มาควบคุมตนเองจริงๆ เช่นนั้นก็อธิบายได้ว่ายังคงมีแผนการใหญ่กว่านี้อีก การมีอยู่ของคนเช่นนี้ จะต้องสร้างหายนะอันร้ายแรงให้แก่ตระกูลเย่ของตนในภายภาคหน้าเป็นแน่ จะต้องฆ่าและกำจัดวิกฤตที่หลบซ่อนอยู่นี้ให้ได้

วันต่อมาตอนเช้าตรู่ เย่เทียนเฉินลุกจากเตียง จากการนัดหมายครั้งล่าสุดของตนเองและชางหลาง เขาต้องตามไปที่สนามบินนานาชาติแห่งเมืองหลวงตอนเวลาเจ็ดโมงเช้า เพื่อปกป้องบุคลากรไปยังประเทศm และแลกเปลี่ยนข้อมูลลับให้สำเร็จ เพียงแต่เย่เทียนเฉินไม่แน่ใจว่าตกลงแล้วคนที่ชางหลางจะให้คุ้มครองนั้นเป็นใครกันแน่ ตรงจุดนี้เย่เทียนเฉินไมได้สนใจ ความคิดของเขาล้วนอยู่ที่การต่อสู้กับกลุ่มทหารรับจ้างอันแข็งแกร่งของประเทศmและหน่วยพลังพิเศษเฉพาะกิจ หวังว่าการไปประเทศmในครั้งนี้จะไม่ทำให้เขาต้องผิดหวัง

หลังจากที่เย่เทียนเฉินตื่นนอน ก็สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ท่อนบนสวมเสื้อเชิ้ตเรียบง่ายกับเสื้อนอกสีดำตัวหนึ่ง ท่อนล่างสวมกางเกงลำลองตัวหนึ่ง ที่เท้าสวมใส่รองเท้ากีฬาคู่หนึ่ง ปล่อยวางความคิดมุ่งสู้สนามรบ เย่เทียนเฉินไม่แม้แต่จะเก็บสัมภาระ นำไปเพียงบัตรที่ชางหลางให้ตนเองไว้ จะอย่างไรในนั้นก็มีเงินอยู่สิบล้าน เพียงพอที่จะใช้ตามใจในต่างประเทศ ส่วนเครือไห่หวางน่ะหรือ แม้ว่าเย่เทียนเฉินจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องของเขาไปเสียทุกเรื่อง หลังจากที่ไปด้วยตนเองมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาก็ไม่ได้ไปอีกเลย เขาเชื่อว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยคนอื่นๆ จะทำงานอย่างเต็มที่ เนื่องจากเขารู้ดีว่า หากเครือไห่หวางล้มลง จะเป็นความเสียหายอย่างรุนแรงต่อพวกเขา

เดินออกไปนอกประตูห้อง ในมือเย่เทียนเฉินถือกระดาษโน๊ตไว้สามใบ นี่เป็นสิ่งที่เขาเตรียมไว้อย่างดีตั้งแต่เมื่อคืนเพราะไม่อยากรบกวนฝันหวานๆ ของแม่และน้องสาว ส่วนฉีหรูเสวี่ยน่ะหรือ จะต้องได้รับการเล่นงานเมื่อภัยมาถึงตนเอง เพื่อแก้แค้นที่ทำให้เขาต้องท้องเสียทั้งคืน เขาเชื่อว่าตอนที่ฉีหรูเสวี่ยเห็นกระดาษโน๊ตที่เขาเขียนถึงเธอโดยเฉพาะ จะต้องโกรธจนหน้าแดงและขบฟันอันดุร้ายของเธออย่างรุนแรงแน่นอน

…………………………………………….