ฟางเสียนจู่มาถึงหน้าประตูก็เจอหลิวเจิ้งคุนและซีกวากำลังยืนรออยู่ที่ประตู ข้างกายพวกเขามีลูกน้องอยู่หลายคน

ฟางเสียนจู่รีบร้อนเดินมา “คุณหลิว พี่กวา มาแล้วทำไมไม่เข้างานล่ะครับ?”

สายตาหลิวเจิ้งคุนมองไปที่ไกลๆ “รอคนอยู่”

“รอคนเหรอ?”

ฟางเสียนจู่สงสัย หลิวเจิ้งคุนเป็นคนมีอิทธิพลมากคนหนึ่งในมณฑลแถวนี้ แต่ไหนแต่ไรมามีแต่คนมารอเขา ใครกันที่ควรค่าให้เขายืนรออยู่ที่นี่?

ไม่ถึงสองนาทีมีรถโรลส์-รอยซ์ป้ายปักกิ่งขับมา

พอเห็นป้ายทะเบียนรถ ฟางเสียนจู่ก็รู้ได้เลยว่าผู้ที่เดินทางมาจะต้องมีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาแน่!

คนที่อยู่ในกลุ่มคนชั้นสูงในสังคมอย่างพวกเขาสามารถจำแนกสถานะเจ้าของรถผ่านป้ายทะเบียนได้

อย่างอวิ๋นโจวที่เป็นเมืองทั่วไป ป้ายทะเบียนรถไม่ได้มีค่าอะไร อย่างมากก็คือยิ่งเลขสวยเท่าไหร่ก็แปลว่ายิ่งรวยมากเท่านั้น

แต่ถ้าเป็นป้ายทะเบียนรถของปักกิ่งก็จะไม่ธรรมดาแบบนี้ ทั้งตัวอักษร เลข ล้วนแต่มีความหมายทั้งนั้น

มีบางช่วงตัวเลขที่มีแต่ชนชั้นสูงในสังคมเท่านั้นถึงจะมี ไม่ใช่ว่าใช้เส้นสายหรือใช้เงินจะซื้อหามาได้

ทันทีที่ฟางเสียนจู่เห็นตัวอักษรและเลขก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่นั่งในรถคันนี้จะต้องเป็นคนใหญ่โตแน่นอน!

หลิวเจิ้งคุนรีบเดินไปเปิดประตูจากนั้นก็ค้อมตัวลงแล้วกล่าว “ท่านฟางสวัสดีครับ”

ซีกวาเองก็ค้อมตัวลงเก้าสิบองศาแล้วพูดเสียงดัง “ท่านฟางสวัสดีครับ!”

พ่อบ้านฟางลงมาจากรถ พอฟางเสียนจู่เห็นชายชราเรือนผมขาวโพลนแต่ใบหน้ายังสดใส ท่าทางก็สง่างาม มองปราดเดียวก็รู้เลยว่าเป็นคนใหญ่คนโตจึงรีบดึงหลิวเจิ้งคุนมาถาม “ท่านผู้นี้คือใคร?”

หลิวเจิ้งคุนจึงกล่าวแนะนำ “ท่านผู้นี้คือท่านฟางเป็นผู้มีพระคุณของผม ถ้าไม่มีท่านฟางก็คงไม่มีผมหลิวเจิ้งคุนในวันนี้”

พอฟังจบฟางเสียนจู่ก็รีบจับมืออีกฝ่าย “สวัสดีครับท่านฟาง ผมเองก็แซ่ฟาง ชื่อเสียนจู่ ผมรู้จักกับคุณหลิวมานานเป็นเพื่อนสนิทกันเลยทีเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของลูกชายผมฟางเชาพอดี ไม่ทราบว่าท่านมาที่นี่เพราะ….”

พ่อบ้านฟางหัวเราะร่วน “สวัสดีครับคุณฟาง ผมมาเพื่อมาร่วมแสดงความยินดีในงานแต่งงานนี่ล่ะ แต่ผมไม่ได้รับบัตรเชิญแล้วเสนอตัวมาเอง ยังไงต้องขอโทษคุณฟางด้วย”

ฟางเสียนจู่ที่บุญหล่นทับเช่นนี้ก็ดีใจจนเนื้อเต้น “มิได้! ท่านมาร่วมงานช่างเป็นเกียรติต่อตระกูลฟางของพวกเรานัก เชิญครับ เชิญเลย!”

ฟางเสียนจู่แทบไม่อาจสะกดความดีใจเอาไว้ได้ พลันคิดอย่างได้ใจ “ฮ่าๆ เย่เฉินมีเงินแล้วยังไง? หลิวเจิ้งคุน ท่านฟาง คนใหญ่คนโตมีอิทธิพลแบบนี้ไว้หน้าฉัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายจะกล้าลงมือกับฉันน่ะ!”

พอทั้งสามคนเข้าไปในห้องโถงแล้ว ฟางเสียนจู่ก็เดินไปด้านหน้าแล้วกล่าวกับเย่เฉิน “เย่เฉิน ผมจะแนะนำเพื่อนของผมให้รู้จัก ท่านผู้นี้คือ….”

ยังไม่ทันพูดจบก็เห็นซีกวาทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าเย่เฉินแล้วตะโกน “ท่านเย่! สุขสันต์วันเกิดครับ!”

ก่อนหน้านี้ซีกวาเคยล่วงเกินเย่เฉินเอาไว้ หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเมตตาไม่ถือสาหาความ ป่านนี้ซีกวาคงไปนอนตายอยู่ที่แม่น้ำหวงผู่ไปนานแล้ว

หลิวเจิ้งคุนเองก็เดินมาหาแล้วค้อมตัวมอบของขวัญวันเกิดให้เขา “คุณชาย สุขสันต์วันเกิดครับ ผมและท่านฟางมามอบของขวัญวันเกิดให้นายน้อยครับ”

พ่อบ้านฟางเดินมาหาอีกฝ่ายช้าๆ ทั้งฟางเสียนจู่และแขกในงานต่างก็มองออกว่าชายชราผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา จะต้องเป็นคนใหญ่คนโตจากที่ไหนมาแน่

แต่ใครจะคาดคิดว่าพ่อบ้านฟางเองก็ค้อมตัวลงทำความเคารพเย่เฉินเช่นกันแล้วกล่าวเสียงฟังชัด “คุณชายสุขสันต์วันเกิดครับ”

“คุณ…คุณชาย?”

ฟางเสียนจู่และหวังเจียเหยาเบิกตากว้าง

เย่เฉินรีบร้อนลุกขึ้นแล้วจับมือพ่อบ้านฟาง “พ่อบ้านฟางผมเห็นคุณเป็นเหมือนญาติแท้ๆ คุณไม่จำเป็นต้องทำความเคารพผมหรอกครับ”

พูดจบเย่เฉินก็เสสายตามองฟางเสียนจู่แล้วเอ่ยปากถาม “คุณบอกว่าจะไปหาเพื่อนในวงการใต้ดินมาจัดการผม คงจะไม่ใช่อาคุนกับเสี่ยวกวามั้ง?”

ขนาดฟางเสียนจู่ยังต้องเรียกพวกเขาว่า ‘คุณหลิว’ และ ‘พี่กวา’ แต่คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะเรียกพวกเขาเหมือนคนใช้อย่างไรอย่างนั้น!

พอซีกวาได้ยินก็มีท่าทีไม่พอใจทันที “ย่าเอ็งเถอะว่ะ คุณคิดว่าเล่นงานคุณชายเย่เฉิน? คุณมีหัวให้เสียกี่หัวกัน!”

หลังจากฟางเสียนจู่โดนซีกวาด่า เขากลับไม่กล้าเถียงอีกฝ่ายแม้แต่คำเดียว!

เย่เฉินเห็นดังนั้นจึงกล่าวว่า “ผมมาเพื่อร่วมงานมงคลไม่ได้จะมาก่อเรื่อง ไม่อยากให้ใครคิดว่าผมจงใจก่อเรื่องเพื่อทำให้งานแต่งงานครั้งนี้ล่ม ซีกวา อาคุน พวกนายไปเถอะ พ่อบ้านฟางของขวัญวันเกิดพวกนี้ผมรับเอาไว้แล้วล่ะ ไปได้แล้วไป”

เย่เฉินพูดแล้วพวกเขาที่เหลือไม่มีใครกล้าขัดขืน

ทว่าก่อนเย่เฉินจะจากไป หลิวเจิ้งคุนยังตั้งใจกระซิบกับฟางเสียนจู่ “ถ้าหากว่าคุณชายเกิดบาดเจ็บแม้แต่ปลายนิ้ว พวกคุณตายยกบ้านแน่!”

ฟางเสียนจู่กังวลจนเหงื่อแตกพลั่ก แต่กลับไม่กล้าเถียงอีกฝ่าย

ตอนนี้แขกที่มาร่วมงานแต่งงานต่างก็ตกใจจนตาค้าง

“คุณเย่คนนี้เป็นลูกพี่ทั้งในวงการธุรกิจและโลกใต้ดิน! คิดไม่ถึงว่าขนาดหลิวเจิ้งคุนยังเป็นลูกน้องเขา!”

“คุณเย่อายุยังน้อย แต่กลับแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ ใครล่วงเกินเขาคงจะไม่มีจุดจบที่ดี!”

คนเหล่านี้เป็นพวกประจบสอพลอ พอเห็นเย่เฉินโลดแล่นได้ดีอยู่ในอวิ๋นโจว แขกทุกโต๊ะก็พากันถือแก้วเหล้ามาหาเขา

“ได้ยินมาว่าวันนี้เป็นวันเกิดคุณเย่ ก่อนหน้านี้ถึงเราจะไม่เคยพบหน้าคุณเย่แต่วันนี้ได้มาพบกันถือเป็นวาสนา มาทุกท่าน! เราดื่มให้คุณเย่ดีไหม?”

“เอาสิ!”

แขกทุกคนในงานประสานเสียงพร้อมกัน

แต่ที่น่าขันก็คือในบรรดาแขกเหล่านี้ มีคนจำนวนไม่น้อยที่เป็นญาติของทางฝั่งตระกูลฟางรวมไปถึงเพื่อนของฟางเชา

เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น

ทันใดนั้นเองเขาก็คิดถึงงานฉลองวันครบรอบอายุแปดสิบปีของคุณนายหวังเมื่อไม่นานมานี้ ในงานนั้นก็มีคนในสังคมระดับสูงมาไม่น้อย

และวันนั้นเองเขาก็มีปัญหากับเจ้าภาพของงานเช่นกัน

แต่ผลคือเจ้าภาพซึ่งก็คือตระกูลหวังโน้มน้าวแขกในงานให้ตัดทางทำมาหากินของเย่เฉินและพวกเขาก็ทำตามอีกฝ่าย

ทว่าวันนี้ถึงทุกคนจะรู้ว่าเย่เฉินขัดแข้งขัดขาตระกูลฟาง แต่แขกพวกนี้ก็ไม่มีใครที่จะกล้าออกหน้าแทนคนบ้านนี้สักคน

กลับกันคนพวกนั้นกลับดื่มอวยพรให้เขาและพยายามผูกมิตรกับเขาด้วย

แหมโลกของความเป็นจริง!

เย่เฉินยกจอกชาขึ้นแล้วกล่าว “ขอบคุณทุกท่านที่อวยพรวันเกิดผม เพราะมีใครบางคนกลัวว่าผมดื่มเหล้าแล้วจะก่อเรื่อง ผมขอดื่มชาแทนสุราเพื่อขอบคุณทุกท่านแล้วกันนะครับ”

พอหวังเจียเหยาได้ยินใบหน้าก็แดงก่ำ

ก่อนนี้ตอนที่หวังเจียเหยาให้การ์ดเชิญเขา หล่อนเคยกำชับเขาเอาไว้ว่าอย่าดื่มเหล้าเยอะในงานจะได้ไม่ทำอะไรที่ขายขี้หน้าคนอื่น

ตอนนี้หล่อนคงจะไม่ต้องกังวลเรื่องที่เย่เฉินจะทำให้ตนเองขายหน้าแล้ว

ดื่มชาเสร็จเย่เฉินก็กล่าวกับฟางเสียนจู่ “คุณฟาง น่าจะถึงเวลาแล้ว ควรจะจัดงานแต่งได้แล้วล่ะมั้งครับ? เดี๋ยวพอผมชมงานแต่งงานหรูหราแห่งปีแล้วยังต้องกลับบริษัทไปทำงานอีกนะครับ”

ฟางเสียนจู่สับสน แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างไรเสียก็ต้องจัดการงานแต่งงานของบุตรชายให้เสร็จก่อน

ดังนั้นฟางเสียนจู่จึงกล่าวกับพิธีกร “เริ่มงานแต่งได้แล้ว!”

ฟางเชาและหวังเจียเหยาก้าวขึ้นเวที แต่หวังเจียเหยาเหม่อลอย สภาพเหมือนไม่ได้อยู่ในงานแต่งงานด้วยซ้ำไป

พิธีกร “คุณฟางเชา คุณยินดีจะรับคุณหวังเจียเหยาเป็นภรรยา รักและดูแลเธอไปตลอดชีวิตของคุณหรือไม่ครับ?”

ฟางเชา “ผมยินดีครับ”

พิธีกร “คุณหวังเจียเหยา คุณยินดีจะรับคุณฟางเชาเป็นสามี อยู่เคียงข้างเขาไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจน แข็งแรงหรือเจ็บป่วยไปตลอดชีวิตของคุณหรือไม่ครับ?”

หวังเจียเหยา “ฉันไม่ยินดีค่ะ!”