เยี่ยเฟิงครุ่นคิดทว่าเป็นเวลานานก็ไม่ได้ตอบ

ผู้คนอดสงสัยไม่ได้

สำนักศึกษาวังหลวงเป็นสถานที่ที่คนมากมายศีรษะเบียดกันจนแตกก็ไม่สามารถเข้าไปได้ ฝ่าบาทได้ยกเว้นให้เขาซึ่งเป็นบัณฑิตครอบครัวยากจนเข้าเรียนเขากลับยังคงลังเลอยู่?

เขาไม่รู้หรือว่าผู้ที่ออกจากสำนักศึกษาวังหลวงในภายภาคหน้าจะได้ดำรงตำแหน่งสำคัญในราชสำนัก?

ในขณะที่ทุกๆคนคิดว่าเขาจะปฏิเสธเยี่ยเฟิงก็ตอบเสียงเบาว่า “ตกลง”

เอ่อ……

เป็นคำที่ราบเรียบง่ายดายคำนึงว่าตกลง?

ไม่มีความตื่นเต้นยินดีแม้แต่น้อย?

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจว่าบัณฑิตครอบครัวยากจนเช่นไรก็เป็นบัณฑิตครอบครัวยากจน เกรงว่าสำนักศึกษาหลวงเป็นสิ่งใดก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไป

กู้ชูหน่วนสะกิดแขนของเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ต่อไปพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมสำนักแล้ว เรียกรุ่นพี่ให้ฟังสักคำภายหน้าข้าจะป้องเจ้าเอาไว้”

เยี่ยเฟิงค่อยๆเหลือบมองนางแล้วเดินไปหยิบอัญมณีทองคำและเงินที่จักรพรรดิเยี่ยทรงพระราชทานให้เป็นโดยไม่กล่าวสิ่งใดเลยสักคำ

กู้ชูหน่วนสัมผัสจมูก

นี่นาง……

ถูกละเลยหรือ?

การชุมนุมแข่งขันวิชาการสิ้นสุดลงและกู้ชูหน่วนได้กลายเป็นผู้ชนะยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

ที่ใดสักแห่งในสำนักศึกษาหลวง

กู้ชูหน่วนและเซี่ยวอวี่เซวียนมองไปยังระฆังวิญญาณสะบั้นในกล่องไม้จันทน์โดยมองซึ่งกันและกันไปมา

ระฆังวิญญาณสะบั้นเป็นสีดำสนิทไม่ต่างจากระฆังทั่วไป

สิ่งเดียวที่แตกต่างคือเสียงที่ไพเราะกว่าและมีตัวอักษรสัญลักษณ์ต่างๆแน่นขนัดอยู่โดยรอบทั่วระฆัง

ทั้งสองคนศึกษาค้นคว้ากันอยู่ตั้งนานก็ไม่พบสิ่งใดเลย

เซี่ยวอวี่เซวียนเท้าคางอยู่พร้อมขมวดคิ้ว “ว่ากันว่าระฆังวิญญาณสะบั้นสามารถทำให้คนฟื้นคืนชีพได้และยังสามารถเพิ่มพูนวิทยายุทธได้ แม้กระทั่งผู้ที่ได้ระฆังวิญญาณสะบั้นไปนั้นสามารถพิชิตใต้หล้าได้ แต่ข้ามองดูเช่นไรมองดูทั้งซ้ายขวามันก็เหมือนระฆังธรรมดาที่ธรรมดากว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เจ้าว่าหม่ากงกงจะหยิบผิดหรือเปล่า?”

กู้ชูหน่วนส่ายศีรษะ

เรื่องสำคัญเช่นนี้หม่ากงกงจะกระทำเรื่อยเปื่อยได้อย่างไร?

“บางทีตัวอักษรเหล่านี้อาจจะเป็นความลับในการคลายระฆังวิญญาณสะบั้น”

“ตัวอักษรแน่นขนัดเหล่านี้ลักษณะแปลกประหลาดยิ่งนัก หมายความว่าอย่างไรกันแน่นะ?”

“เจ้าถามข้าแล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร จักรพรรดิน้อยองค์นั้นได้ยื่นระฆังวิญญาณสะบั้นให้อย่างเปิดเผย ในความคิดของข้าก็คงจะไม่สามารถไขความลับของตัวอักษรนี้ได้”

เซี่ยวอวี่เซวียนพยักหน้าอย่างจริงจังซึ่งเห็นด้วยกับคำพูดของนาง

“แต่ว่าพวกเราจะเอาระฆังนี้ไปทำสิ่งใด? ไม่สามารถขายแลกเงินได้”

“เก็บเอาไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง”

กู้ชูหน่วนทำเสียงจากอาวุธดังขึ้นแล้วเก็บระฆังวิญญาณสะบั้นเอาไว้โดยยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

“ไปเถอะ ได้เงินมามากยมายเช่นนี้ เจ้าว่าพวกเราควรออกไปสนุกกันหรือเปล่า”

เซี่ยวอวี่เซวียนสนใจขึ้นมาในทันที แววตาอันสดใสดวงโตก็ส่องประกายแวววาวราวกับมีชีวิต

“หลิ่วเย่ว์กับอวี๋ฮุยสนุกกันสุดเหวี่ยงแล้วซึ่งได้จองหอสุราจุ้ยเมิ่งเอาไว้แล้ว พวกเราไปในเวลานี้ก็ทันกินกันได้พอดี ไป”

“หอสุราจุ้ยเมิ่งมีอันใดดี พวกเรามาเปลี่ยนสถานที่กันเถอะ” กู้ชูหน่วนกระพริบตาอันคลุมเครือนั้น

เซี่ยวอวี่เซวียนงุงงง “หอสุราจุ้ยเมิ่งไม่ใช่หอสุราที่ดีที่สุดในเมืองหลวงหรอกหรือ? หรือว่ายังมีที่ที่ดีกว่านี้อีก?”

ดวงตาสีดำขาวอันชัดของกู้ชูหน่วนปนไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่แน่เจน “มีเหล้าและอาหาร แน่นอนว่าต้องมีหญิงงามอยู่เป็นเพื่อนด้วย”

“โครม……”