ตอนที่ 190 เรื่องสะท้านทรวงที่แสนน้ำเน่า

พันธกานต์ปราณอัคคี

เมื่อได้เริ่มพูด ปุ่มช่างพูดของศิษย์สองสามคนก็ถูกเปิดออกแล้ว ต่างคนต่างแย่งกันพูดว่า “เพราะว่าอาจารย์ของนักพรตเหอกวงกำลังกักตนอยู่ ผู้เฒ่าไท่ซ่างจึงส่งหรูอวี้เจินจวินแห่งเขารั่วสุ่ยไป นักบำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดแห่งนิกายเหอฮวนเรียกร้องให้นักพรตเหอกวงขอขมา ท่านเดาสิว่านักพรตเหอกวงพูดว่าเช่นไร?”

 

 

ยังไม่รอมั่วชิงเฉินพูด ศิษย์คนนั้นก็กระแอมแล้วว่า “หากพรรคของท่านสามารถมอบศิษย์ของข้ากลับคืนโดยสวัสดิภาพ เหอกวงย่อมยอมรับผิดและรับโทษด้วยตนเอง หากไม่เช่นนั้น ชีวิตข้านี้เจินจวินมาเอาไปได้เลย เรื่องขอขมานั้นอย่าได้หวัง!”

 

 

ศิษย์อีกคนหนึ่งว่า “นักบำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดท่านนั้นโกรธมาก จึงเจรจากับหรูอวี้เจินจวิน เดิมทีหรูอวี้เจินจวินรับคำสั่งผู้เฒ่าไท่ซ่างคิดจะใช้สิ่งของล้ำค่าชดใช้ให้ ทว่าไม่รู้เหตุใดทั้งสองคนเจรจาไม่สำเร็จ หรูอวี้เจินจวินพานักพรตเหอกวงกลับมาโดยตรงแล้ว แม้แต่ขนไก่สักเส้นก็ไม่ได้ทิ้งไว้ให้นิกายเหอฮวน”

 

 

“ให้ข้าพูดนะ หรูอวี้เจินจวินทำได้ดี ได้ยินมาว่าศิษย์ของนักพรตเหอกวงเป็นนักบำเพ็ญเพียรอัจฉริยะที่อายุยี่สิบสองปีก็สร้างรากฐานเลยนะ แล้วก็ถูกนางมารนิกายเหอฮวนทำลายทั้งอย่างนี้แล้ว พรรคเหยากวงเราเสียหายเพียงใด ตามหลักแล้วพวกนางควรขอขมาชดใช้ให้เหยากวงเราถึงจะถูก!” ศิษย์คนหนึ่งพูดจนน้ำลายกระเซ็นไปทั่ว

 

 

ศิษย์คนหนึ่งรีบเอ่ยว่า “ก็นั่นน่ะสิ สุดท้ายกลับมาถึงสำนักผู้เฒ่าไท่ซ่างยังคงให้นักพรตเหอกวงไปสำนึกผิดที่โถงลงทัณฑ์สิบปี จิ๊ๆ สถานที่แบบนั้นทรมานคนปานใดกัน บัดนี้เพิ่งผ่านไปสองปี”

 

 

ศิษย์อีกคนหนึ่งเอ่ยอย่างเร้นลับว่า “พวกเจ้าไม่ได้ยินว่าหลิวซางเจินจวินแห่งเขาชิงมู่ออกจากกักตนแล้วหรือ บัดนี้ได้เป็นนักบำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดระยะปลายแล้ว กลายเป็นคนแรกที่อยู่รองจากผู้เฒ่าไท่ซ่างทันที ศิษย์แห่งเขาชิงมู่ก็น้ำขึ้นเรือย่อมสูงตาม ยามนี้มองคนล้วนเชิดหน้ามองเลยนะ ได้ยินมาว่า เมื่อหลิวซางเจินจวินรู้เรื่องนี้แล้ว วันนั้นก็วิ่งไปที่ผู้เฒ่าไท่ซ่างนั่นเลย คาดว่าอีกไม่นานนักพรตเหอกวงก็ออกมาได้แล้ว

 

 

สองสามคนยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น ลืมไปแล้วโดยสิ้นเชิงว่ามั่วชิงเฉินยังอยู่ข้างๆ

 

 

มั่วชิงเฉินกระแอมเบาๆ หนึ่งที เตือนสองสามคนที่พูดจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปสิ้น

 

 

ศิษย์ระดับหลอมลมปราณสองสามคนรีบว่าง่ายขึ้นมาทันที มองมั่วชิงเฉินตาปริบๆ อย่างน่าสงสาร

 

 

รู้ว่าอาจารย์ไม่มีอันตราย ในใจมั่วชิงเฉินโล่งขึ้นมากมาย สีหน้าก็ดีขึ้นมา “เช่นนั้นพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าช่วงนี้ โถงลงทัณฑ์ยังขังนักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานไว้อีกสองสามคน?”

 

 

คำพูดนี้เพิ่งถามออกไป ศิษย์สองสามคนสีหน้าต่างก็ประหลาดขึ้นมา อีกทั้งอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่พูดแล้ว

 

 

มั่วชิงเฉินโบกมือทีหนึ่ง ในมือแต่ละคนก็มียาลูกกลอนเสริมวิญญาณเพิ่มมาขวดหนึ่ง “พูดมากพูดน้อยก็พูดไปหมดแล้ว พวกเจ้าอ้ำๆ อึ้งๆ เช่นนี้เหมือนลูกผู้ชายที่ไหน?”

 

 

ต่อให้มั่วชิงเฉินเป็นนักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐาน ทว่าอย่างไรเสียก็เป็นหญิงสาว ศิษย์ระดับหลอมลมปราณรู้สึกเสียหน้าทันที แย่งกันพูดขึ้นมาแทบไม่ทัน

 

 

“อาจารย์อาท่านไม่รู้ ได้ยินมาว่าเรื่องนี้ยังคงเกี่ยวข้องกับศิษย์ของนักพรตเหอกวง” ศิษย์ที่หน้าตาเฉลียวฉลาดคนนั้นว่า

 

 

มั่วชิงเฉินแอบคิดว่าหรือว่านี่จะเป็นเรื่องสองเรื่อง จึงพยักหน้าอย่างให้กำลังใจบอกใบ้ให้เขาพูดต่อไป

 

 

“ก็คือก่อนหน้านี้ไม่นาน อาจารย์อาเยี่ยที่ออกไปฝึกตนกลับมาแล้ว จิ๊ๆ อาจารย์อาเยี่ยอายุเพิ่งจะห้าสิบกว่าปี ก็เป็นนักบำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานระยะปลายแล้ว ศิษย์ในสำนักต่างคาดเดากันว่าอาจารย์อาเยี่ยจะก่อแก่นปราณได้ก่อนอายุหกสิบแปดปี ทำลายสถิติของนักพรตเหอกวงหรือไม่” ศิษย์นั่นพูดต่อ

 

 

“ข้าว่าไม่มีปัญหา ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของอาจารย์อาเยี่ยน่าตกใจเหลือเกิน อีกทั้งยังเป็นชนรุ่นหลังสืบสายเลือดของเสวียนหั่วเจินจวิน โอสถยาวิเศษอะไรหาไม่ได้บ้าง” ศิษย์คนหนึ่งพูดแทรก

 

 

ศิษย์อีกคนหนึ่งคัดค้านทันทีว่า “นั่นก็ไม่แน่ นักพรตเหอกวงยังมีรากวิญญาณฟ้านะ หลิวซางเจินจวินรักใคร่ปกป้องศิษย์คนสุดท้ายของตนเช่นกัน”

 

 

ศิษย์อีกคนถอนใจว่า “ใช่ พวกเขาล้วนเป็นคนที่มีฐานะสำคัญพรสวรรค์สุดยอด ไม่เหมือนพวกเรา เป็นแหนไร้รากฐานนั่น…”

 

 

“ตรงประเด็นหน่อย!” มั่วชิงเฉินหน้าบึ้งว่า

 

 

ศิษย์สองสามคนหดศีรษะ ศิษย์ที่หน้าตาฉลาดเฉลียวคนนั้นหัวเราะแห้งๆ สองทีว่า “อาจารย์อาเยี่ยกลับมาแล้วมิใช่หรือ ในสำนักก็เกิดเรื่องใหญ่ครึกโครมสะเทือนความรู้สึกของคนขึ้นมาทันที ไม่นึกเลยว่าเสวียนหั่วเจินจวินจะไปสู่ขอให้อาจารย์อาเยี่ยที่เขารั่วสุ่ยด้วยตนเอง สู่ขออาจารย์อาต้วนที่เป็นศิษย์คนสุดท้ายของนักพรตรั่วซีคนนั้น!”

 

 

“หา?” มั่วชิงเฉินประหลาดใจ นึกถึงผู้ชายที่เย็นชาเย่อหยิ่งหัวรั้นคนนั้น ไม่นึกเลยว่าจะกลายเป็นสามีของศิษย์พี่ต้วนแล้วหรือ?

 

 

ศิษย์คนนั้นเห็นมั่วชิงเฉินประหลาดใจ ในใจเดาว่าอาจารย์อาท่านนี้คงจะออกไปฝึกตนเพิ่งกลับมา จึงอดยิ่งคึกคักไม่ได้ว่า “อาจารย์อาต้วนท่านรู้จักใช่หรือไม่ นางเป็นร่างหยินบริสุทธิ์ที่หายากในรอบพันปีเชียวนะ จิ๊ๆ หน้าตาก็สวยหยดย้อยอีก เล่าลือกันว่า ขอให้เป็นหญิงสาวที่มีร่างหยินบริสุทธิ์หรือผู้ชายที่มีร่างหยางบริสุทธิ์ รูปโฉมล้วนโดดเด่นเหนือใคร”

 

 

มั่วชิงเฉินพยักหน้า อดทนฟังอยู่

 

 

“ท่านคิดดูนะ อาจรย์อาเยี่ยเป็นร่างหยางบริสุทธิ์ อาจารย์อาต้วนเป็นร่างหยินบริสุทธิ์ สองคนต่างก็ฐานะสูงส่ง นี่มิใช่สวรรค์ส่งมาให้เป็นคู่กันหรอกหรือ หรูอวี้เจินจวินรีบรับปากทันที เมื่อข่าวนี้ลือออกมา ทั้งสำนักต่างตกตะลึง ไม่ว่าศิษย์ชายหรือว่าศิษย์หญิง คนเป็นเบืออดอาหารร่ำไห้คร่ำครวญเมาสุรา ก็เป็นแบบนี้แหละ เรื่องก็เกิดคลื่นลมขึ้นมาอีก” ศิษย์ที่หน้าตาฉลาดเฉลียวพูดจนเห็นภาพ

 

 

มั่วชิงเฉินรู้สึกเหมือนตนเองฟังนิทานอยู่อย่างไรอย่างนั้น ก็ไม่เร่งแล้ว บอกใบ้ให้เขาพูดต่อ

 

 

ศิษย์นั่นพูดต่อว่า “หรูอวี้เจินจวินมีหลานสาวคนหนึ่งท่านคงรู้กระมัง นางมีใจรักงมงายต่ออาจารย์อาเยี่ยจริงๆ หลายปีมานี้ศิษย์หญิงคนใดลองคุยกับอาจารย์อาเยี่ยสักประโยค นางก็จะอาละวาดยกใหญ่ บัดนี้อาจารย์อาเยี่ยหมั้นหมายกับอาจารย์อาต้วนแล้ว จะยังเฉยอยู่ได้หรือ ยามนั้นก็ไปเตะประตูของอาจารย์อาต้วน สองคนจึงตีกันขึ้นมา”

 

 

การกระทำเช่นนี้ของหรวนหลิงซิ่วมั่วชิงเฉินไม่แปลกใจเลยสักนิด กลับเป็นห่วงสถานการณ์ของต้วนชิงเกอ จึงรีบถามว่า “เช่นนั้นใครชนะล่ะ?”

 

 

ศิษย์นั่นโบกมือว่า “ไม่มีใครชนะ ทั้งสองคนตีกันจนมืดฟ้ามัวดิน สะเทือนไปถึงหรูอวี้เจินจวินและนักพรตรั่วซี หรูอวี้เจินจวินเห็นหลานสาวไม่รู้อะไรควรไม่ควรเช่นนี้ ไม่สบายอารมณ์ยิ่งนัก ทว่ายังไม่ทันได้จัดการเรื่องนี้ เรื่องที่ยิ่งทำให้คนคาดไม่ถึงเกิดขึ้นแล้ว”

 

 

“พูด!” มั่วชิงเฉินก็ถือว่าตนฟังนิทานแล้ว

 

 

“แค่กๆ” ศิษย์คนนั้นกระแอม พูดต่อว่า “อาจารย์อาเยี่ยมาแล้ว คำพูดที่พูดออกมาถึงกับทำให้หรูอวี้เจินจวินนั่งไม่ติด ไม่นึกเลยว่าเขาจะถอนหมั้น!”

 

 

“อะไรนะ!” มั่วชิงเฉินตกใจ จากนั้นว่า “หรือว่าเสวียนหั่วเจินจวินสู่ขอแทนเขา เขาไม่รู้เรื่องเลย?”

 

 

ศิษย์นั่นส่ายศีรษะว่า “เรื่องแปลกก็แปลกอยู่ตรงนี้น่ะสิ อาจารย์อาเยี่ยเสนอจะถอนหมั้น ทุกคนต่างตกใจหน้าถอดสี อาจารย์อาต้วนยิ่งในยามนนั้นก็วิ่งกลับเข้าที่พำนักปิดประตูไม่ออกมาแล้ว จากนั้นเสวียนหั่วเจินจวินรีบรุดมาเขารั่วสุ่ย ยังตีอาจารย์อาเยี่ยต่อหน้าหรูอวี้เจินจวิน ถามอาจารย์อาเยี่ยอย่างโกรธและลนลานว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นมา อาจารย์อาเยี่ยไม่พูดสักแอะ หรูอวี้เจินจวินจึงให้เสวียนหั่วเจินจวินให้เหตุผลอธิบายมา เสวียนหั่วเจินจวินจึงถามอาจารย์อาเยี่ย ยามนั้นสู่ขอแทนเขา ได้ปรึกษาเขาแล้วมิใช่หรือ เขาไม่ได้แสดงออกว่าคัดค้านเลยนี่นา ท่านเดาสิว่าอาจารย์อาเยี่ยพูดว่าอะไร?”

 

 

“พูดอะไร” โครงเรื่องน้ำเน่าเช่นนี้ มั่วชิงเฉินก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว

 

 

“อาจารย์อาเยี่ยพูดออกมาประโยคหนึ่งซึ่งแปลกมาก เขาพูดว่า “ผิดแล้ว” เสวียนหั่วเจินจวินถามเขาว่าอะไรผิดแล้ว เขาก็เป็นตายร้ายดีไม่ยอมพูดแล้ว คุกเขาโดยตรงต่อหน้าหรูอวี้เจินจวิน บอกว่าตนเข้าใจเรื่องถอนหมั้นเป็นการทำร้ายอาจารย์อาต้วน ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของตน ยินดีรับการลงโทษใดๆ จากหรูอวี้เจินจวิน ยามเดียวกันก็สาบานว่าตราบใดที่เขามีชีวิตอยู่ก็จะทำตามความต้องการข้อหนึ่งของอาจารย์อาต้วนให้เป็นจริง ไม่ว่าอาจารย์อาต้วนจะเสนอออกมายามไหน ต่อให้ร่างกายแหลกเหลวก็จะทำให้นางให้ได้ ขออย่างเดียวคือไม่อาจแต่งงานกับนางได้” ศิษย์ถอนใจว่า

 

 

‘ผิดแล้ว’ สองคำนั้นเหมือนค้อนเล็ก ทุบตรงไปยังใจมั่วชิงเฉิน

 

 

เขา เหตุใดเขาถึงพูดว่า “ผิดแล้ว”? นึกถึงเขาดูเหมือนเข้าใจผิดว่าตนมีร่างหยินบริสุทธิ์ ทันใดนั้นมั่วชิงเฉินก็ไม่กล้าคิดต่อไป เพียงพึมพำถามว่า “เช่นนั้นเหตุใดพวกเขาถึงไปโถงลงทัณฑ์อีกล่ะ?”

 

 

ศิษย์พูดต่อว่า “หรูอวี้เจินจวินฟังอาจารย์อาเยี่ยพูดเช่นนี้ จึงตายใจแล้ว เข้าใจแล้วว่าเขาไม่มีความรู้สึกให้อาจารย์อาต้วนแม้สักนิด แตงที่ฝืนเด็ดย่อมไม่หวาน ยิ่งกว่านั้นการบำเพ็ญเพียรคู่เน้นที่จิตใจสื่อถึงกัน หรูอวี้เจินจวินจึงรับปากถอนหมั้น ณ ที่นั้น พอดีเห็นท่าทางท่านเซียนหรวนดีใจออกนอกหน้า ยามนั้นจึงตำหนิยกหนึ่งแล้วส่งไปโถงลงทัณฑ์ หลังจากนั้นหรูอวี้เจินจวินก็ไม่ได้ลงโทษอาจารย์อาเยี่ย แล้วไล่อาจารย์อาเยี่ยและเสวียนหั่วเจินจวินออกจากเขารั่วสุ่ย ใครจะรู้ว่าเรื่องยังไม่จบ อาจารย์อามั่วที่ทำภารกิจกลับมาได้ยินเรื่อง อาจารย์อาเยี่ยถอนหมั้น โมโหจนทนไม่ไหวลากอาจารย์อาต้วนตรงไปเขาหลิวหั่ว อัดอาจารย์อาเยี่ยอย่างรุนแรงยกหนึ่ง อาจารย์อาเยี่ยไม่ตอบโต้เลย สุดท้ายยังกระอักเลือด สุดท้ายเรื่องนี้สะเทือนไปถึงผู้เฒ่าไท่ซ่าง ติเตียนหรูอวี้เจินจวินและเสวียนหั่วเจินจวินอบรมไม่เข้มงวด ทำให้ศิษย์หัวกะทิพวกนี้ผยองไม่เชื่อฟัง กำเริบเสิบสาน จึงไล่พวกเขาไปสำนึกผิดที่โถงลงทัณฑ์หมดเลย”

 

 

ศิษย์อีกคนหนึ่งพูดแทรกว่า “เรื่องพลิกผันไปมาเช่นนี้ ครึกโครมไปทั้งสำนัก วันเวลาเหล่านั้นศิษย์ในสำนักคุยกันเรื่องนี้ทั้งวัน จึงลือข่าวหนึ่งออกมา ข่าวลือนี้ก็เกี่ยวข้องกับศิษย์ผู้นั้นของนักพรตเหยากวง”

 

 

มั่วชิงเฉินรู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว จึงถามว่า “ข่าวลืออะไร?”

 

 

ศิษย์นั่นหัวเราะแหะๆ ว่า “อาจารย์อา ก็บอกแล้วว่าเป็นข่าวลือ ท่านฟังแล้วก็ให้แล้วกันไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงหรือเท็จ เพราะว่าเรื่องนี้ประหลาดเหลือเกิน จึงมีคนที่อยากรู้อยากเห็นไปตามหาต้นตอ ไม่นึกเลยว่าจะพบว่าอาจารย์อาต้วนที่ถูกถอนหมั้นผู้นั้นและอาจารย์อามั่วศิษย์ของนักพรตเหอกวงเคยถูกขนานนามว่า ‘สองโฉมสะคราญชิงชิง’ ไม่เพียงเท่านี้ ยามที่พวกนางสองคนเข้าร่วมการทดสอบที่หุบเขาโยวเล่อเมื่อสิบกว่าปีก่อน อาจารย์อาเยี่ยก็พึงใจต่ออาจารย์อามั่วตั้งแต่แรกพบ ด้วยเหตุนี้ท่านเซียนหรวนยังเคยไปหาเรื่องอาจารย์อามั่วมาก่อน ดังนั้นจึงลือกันว่า ที่อาจารย์อาเยี่ยพูดว่า ‘ผิดแล้ว’ เพราะคนที่เขาชอบคืออาจารย์อามั่ว ส่วนเสวียนหั่วเจินจวินสู่ขอผิดคนแล้ว”

 

 

มั่วชิงเฉินหน้ามืด เอาเถอะ โวยวายมาครึ่งค่อนวันรู้กันไปทั่วโลกแล้ว จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าตนเองกลับมาไม่ถูกเวลามาก

 

 

มั่วชิงเฉินโบกมืออย่างหมดแรง พาสาวใช้ฝาแฝดนั่งเรือจากไป

 

 

เหลียงเฉินเหม่ยจิ่งมองดูหน้าถอดสีของมั่วชิงเฉินด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่กล้าออกเสียง

 

 

ในโถงลงทัณฑ์เยี่ยมไม่ได้ และก็ส่งยันต์ส่งสารไม่ได้ มั่วชิงเฉินจึงได้แต่ไปโถงจัดหารับเสื้อผ้าเครื่องประดับของทางสำนักก่อน แล้วกลับเขาชิงมู่ที่พำนักของนักพรตเหอกวง

 

 

ทะเลไผ่ยังคงงดงามเช่นนั้น พื้นหญ้าหน้าเรือนไม้ไผ่ อสูรเสือพายุทะลุฟ้าหมอบอยู่อย่างขี้เกียจ ดูแล้วโดดเดี่ยวอ้างว้าง

 

 

เห็นมั่วชิงเฉินกลับมา อสูรเสือพายุทะลุฟ้าเผยสีหน้าประหลาดใจอย่างหายาก จากนั้นคร่ำครวญว่า “ห้าปีก่อนเจ้านายพาเสี่ยวอวี้ไปหาเจ้า ไม่กลับมาเลย บัดนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นเช่นไรแล้ว ฮึ ปล่อยให้ข้าเฝ้าบ้านคนเดียว เบื่อจะตายแล้ว”

 

 

มั่วชิงเฉินยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ไม่กล้ารับคำ แล้วสั่งเหลียงเฉินเหม่ยจิ่งสางขนให้เสือยักษ์ ตนกลับห้องเก็บกวาดคราหนึ่ง แล้วส่งยันต์ส่งสารให้เสี่ยวซย่าและเฉินเจียวซิ่งคนละใบ

 

 

ทางด้านเสี่ยวซย่าไม่ได้ตอบรับกลับมาเลย ยันต์ส่งสารของเฉินเจียวซิ่งไม่นานก็มาแล้ว ด้านบนเขียนอักษรไว้ไม่กี่ตัว “พบกันที่เก่า!”