บทที่ 685 ดูสิ เล่นจนได้เรื่องเลย

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

บทที่ 685 ดูสิ เล่นจนได้เรื่องเลย โดย Ink Stone_Fantasy

แผ่นป้ายติดประกาศที่ถูกเผาจนบิดเบี้ยวป้ายหนึ่ง ร่วงหล่นลงมาจากข้างบนพร้อมกับควันคลุ้ง มันพุ่งดิ่งลงมายังเงาร่างใครคนหนึ่งที่ยืนนิ่งอยู่ข้างล่าง

“ฮู่ว…”

ในเสี้ยววินาทีสุดท้าย เงาร่างนั้นพลันลืมตาที่ปิดแน่นขึ้นมาทันที

“เคร้ง!” เสียงกระทบดังขึ้นทันใด

แต่หลังจากที่ควันจางหายไป ในซอยเล็กแคบแห่งนี้ กลับหลงเหลือเพียงแผ่นป้ายติดประกาศที่กำลังสั่นไหวไปมาอยู่บนพื้น และศพไหม้เกรียมที่นอนอยู่บนพื้นซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลเท่านั้น…

เงาร่างหัวโตกำลังโฉบไปมาอยู่ในเงามืดที่ลึกเข้าไปในซอย “ช่างเป็นมนุษย์ที่น่าสนใจ…น่าสนใจจริง…ฮ่าๆๆ…”

“บึ้ม!”

เปลวเพลิงขนาดใหญ่กระแทกบานกระจกชั้นล่างสุดจนแตกกระเจิง ไอร้อนแผ่ขยายปกคลุมไปไกลกว่าครึ่งซอย

แต่เงาร่างหัวโตนั่น กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว…

“อา ในที่สุด…” ณ ห้องพักห้องหนึ่งในโรงแรม ซย่าน่าลดแขนทั้งสองข้างที่กำลังทะเลาะกันลง แล้วนั่งลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง “หยุดซักทีสินะ…”

“เธอ…” เย่เลี่ยนจ้องซย่าน่าตาโต เหมือนประหลาดใจนิดๆ

“ฉันไม่เป็นไรแล้ว” ซย่าน่าส่งยิ้มให้เย่เลี่ยน จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองหนึ่งครั้ง

เมื่อเธอลดฝ่ามือลง ดวงตาสีนิลลึกซึ้งคู่หนึ่งก็ปรากฏออกมาให้เห็น

เธอขยิบตาอย่างซุกซน แล้วยกมือทำอย่างเดิมซ้ำอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ ดวงตาของเธอกลับกลายเป็นสีแดงขาวแยกชัด

“อ๊ะ!” เย่เลี่ยนปิดปากด้วยความตกใจ

“ยังมีอีกนะ…”

ซย่าน่าหัวเราะคิกคัก และคิดไม่ถึงว่าเธอจะทำแบบเดิมอีกเป็นครั้งที่สาม

ซย่าน่าค่อยๆ แยกนิ้วออก เผยให้เห็นดวงตาทั้งคู่ด้านหลังนิ้วมือที่เปิดแง้มเล็กน้อย ข้างหนึ่งเป็นสีแดงเหมือนเดิม แต่อีกข้างหลับกลายเป็นสีดำไปแล้ว!

“ว้าว!” เย่เลี่ยนเบิกตากว้าง มองดูอย่างไม่ยอมละสายตาจากไป

“อย่ากระพริบตาเชียวล่ะ…” ซย่าน่าจิ้งเย่เลี่ยน แล้วพูดแปลกๆ

ประกายสีแดงสะท้อนในดวงตาของเย่เลี่ยน ไม่นาน “ซย่าน่า” อีกคนก็เดินออกมาจากตัวของเธอ

ถึงแม้จะเคยเห็นหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปมาก

ครั้งนี้แตกต่างจากการแยกร่างโดยสิ้นเชิงในเมื่อก่อน เพราะร่างดวงจิตนั้นปรากฏอยู่เบื้องหลังร่างจริง

ดูเหมือนเป็นสองคน แต่กลับเชื่อมต่อกันอยู่เลือนราง

ผมขาวและผมแดงผสมผสานรวมกัน เกิดเป็นร่างที่มีดวงตาสีแดงหนึ่งข้างสีดำหนึ่งข้าง

ร่างจริงที่อยู่ข้างหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชาเฉียบขาดของสีดำ แต่ร่างดวงจิตที่ประชิดอยู่ข้างหลังกลับดูกระฉับกระเฉงและฉลาดปราดเปรื่อง

ประกายสีแดงอ่อนๆ ปกคลุมทั่วตัวเธอ ทำให้ความปราดเปรื่องของเธอมีกลิ่นอายของความอำมหิตเพิ่มขึ้นมา

แต่เพราะความขัดแย้งที่เหมือนไม่ลงตัวนี้ กลับทำเธอมีเสน่ห์สุดพิเศษที่เกิดจากการเอาความบริสุทธิ์และเลือดมาผสมผสานรวมกัน

“ซย่าน่า” ทั้งสองหลับตาพร้อมกัน และเมื่อลืมตาอีกครั้ง แม้ว่าภายนอกไม่มีอะไรเปลี่ยนไป แต่ออร่ากลับแตกต่างออกไป

สายตาเย็นชาผสมความเจ้าเล่ห์ของร่างจริง พลันแปรเปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง สีหน้ากวนๆ แก่นเซี้ยวก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ไม่ต่างจากเด็กสาวทั่วไปนัก แล้วยังฉายแววดื้อรันอยู่ในที

แต่ร่างดวงจิตที่อยู่ข้างหลังกลับกระดกยิ้มมุมปาก ดวงตาหรี่เล็กลง ดูอันตรายและน่ากลัว

“น่าสนุกใช่ไหมล่ะ?” ซย่าน่าลดมือลง แล้วหัวเราะ

“เปลี่ยน…เปลี่ยนหน้า…” เยเลี่ยนทำท่าทางครุ่นคิดอย่างหนัก

“คิกคิก เหมือนการแสดงเปลี่ยนหน้าหรอ?” ซย่าน่าพูดแทนเธอ

เย่เลี่ยนพยักหน้าอย่างดีใจ “อื้ม!”

“อย่างนี้ดีมากเลย ใช่ไหมล่ะ? แต่พอต้องอัพเกรดทีไร ตัว “ฉัน” ทั้งสองคนก็จะทะเลาะกันทุกครั้ง พี่เย่เลี่ยน พี่ว่า…” สีหน้าของซย่าน่าพลันเปลี่ยนเป็นลึกลับ เธอลดเสียงเบาลง “ถ้าหากว่าน่าน่าเป็นฝ่ายชนะเพียงหนึ่งเดียว ฉันจะกลับไปเป็นคนไหม?”

เย่เลี่ยนมึนงงไปแล้ว แล้วจะให้เธอตอบคำถามนี้อย่างไร?

หากแยกศัพท์ออกเป็นทีละคำก็พอจะทำความเข้าใจได้อยู่ แต่พอเอามารวมกัน เย่เลี่ยนกลับไม่เข้าใจความหมายของมัน

เธอใช้สติปัญญาที่วิอัพเกรดขึ้นของเธอไปกับการแสดงออกเหล่านั้นของหลิงม่อไปหมดแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้

พอเห็นว่าเย่เลี่ยนไม่ตอบ ซย่าน่าก็หัวเราะแล้วตอบคำถามด้วยตัวเอง “คงจะเป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง? เพรายังไงสมองก็กลายร่างไปแล้ว จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไง? ดังนั้น อีกหน่อยก็คงต้องทะเลาะกันต่อไป…เมื่อก่อนน่ะ ชอบท้าทายตัวเอง ทำเรื่องที่ไม่อยากทำอยู่เสมอ แต่คิดไม่ถึงว่าพอต้องแข่งกับตัวเองอย่างนี้ขึ้นมาจริงๆ จะกลายเป็นเรื่องยุงยากขนาดนี้…”

หลังฟังเงียบๆ จนจบ จู่ๆ เย่เลี่ยนก็ยื่นมือออกมา แล้วลูบเบาๆ ที่หัวซย่าน่า

ซย่าน่านิ่งงันไปหนึ่งวินาที เธอค่อยๆ เลื่อนสายตาลงมองตรงไปที่กระดูกไหปลาร้าของเย่เลี่ยนเงียบๆ

“ฉันต้องไม่สูงแล้วแน่เลย…แล้ววิวัฒนาการที่ตกลงกันไว้เล่า!”

“ฮู่ว!” ทันใดนั้นปุยนุ่นกองโตและเศษผ้ามากมายก็กระเจิง เงาร่างสูงเพรียวเงาหนึ่งพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนอยู่ตรงนั้น

หลี่ย่าหลินพ่นลมหายใจยาวๆ เพื่อเป่าเศานุ่นที่ติดอยู่บนปาก หลังจากมองซ้ายมองขวาอย่างมึนๆ ก็หันมาหยุดมองที่เย่เลี่ยนและซย่าน่า

ดวงหน้างามคมคายมีมิติของเธอฉายยิ้มบางๆ เงาร่างไหววูบเพียงครั้งเดียว เธอก็มายืนอยู่ตรงหน้าเย่เลี่ยนและซย่าน่าในเวลาเพียงชั่วพริบตาแล้ว

ซย่าน่ายกมือขึ้นปัดเศษนุ่นที่ลอยลิ่วอยู่ตรงหน้า แล้วเงยหน้ามองหลี่ย่าหลิน “รุ่นพี่ เรียบร้อยแล้วเหมือนกันหรอ?”

“ใช่แล้ว” หลี่ย่าหลินยิ้มแล้วหยิกแก้มซย่าน่าหนึ่งที เธอทำเป็นมองไม่เห็นสีหน้าอึ้งๆ ของซย่าน่า แล้วหมุนเอวไปมาบอกว่า “ฉันรู้สึกเหมือนตัวอ่อนขึ้นกว่าเดิมล่ะ”

เพิ่งจะพูดจบ ซย่าน่ากับเยเลี่ยนก็เห็นเงาร่างตรงหน้าไหววูบอีกครั้ง

ไม่นาน เย่เลี่ยนพลันรู้สึกว่ามีลมเย็นๆ เป่ามาที่หูเธอ

หลี่ย่าหลินมุดเข้าไปในเส้นผมยาวๆ ของเธอ แล้วสูดหายใจลึก “กลิ่นหอมจังเลย…”

“กลิ่นของระดับสูงกว่า” ซย่าน่าพูดเสริม

“ฮิฮิ…” ดวงตาของหลี่ย่าหลินพลันประกายสีเหลืองอำพันชั่วเสี้ยววินาที และวินาทีนั้นก็เหมือนกับว่ามีเงาของงูพิษตัวหนึ่งสะท้อนชัดอยู่ในดวงตาเธอ “หลิงม่อล่ะ? ฉันรู้สึกเหมือนสามารถให้กำเนิดลูกได้ทุกเมื่อ ไม่แน่นะถ้าคลอดลูกแล้วฉันอาจก้าวข้ามสำเร็จก็ได้!”

“เป็นไปไม่ได้มั้งนั่น…อีกอย่าง พูดถึงเรื่องคลอดลูก จะคลอดออกมาเป็นแบบไหนยังไม่รู้เลย” ซย่าน่ากลอกตาขาว

แอ๊ด—

ประตูห้องเปิดออกทันใด หลิงม่อที่กำลังแบกร่างสวี่ซูหานยืนอยู่ตรงหน้าประตู เขามองสามสาวซอมบี้ที่อยู่ในห้องด้วยสีหน้าซีดขาว “ใครก็ได้มาช่วยฉันที”

ซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินวิวัฒนาการเสร็จแล้ว แต่เนื่องจากเฮยซือและอวี๋ซือหรานยังอยู่ในสภาพหนอนดักแด้อยู่ ดังนั้นผลกระทบที่หลิงม่อได้รับจึงยังไม่จบเพียงเท่านี้

หลังจากส่งสวี่ซูหานให้หลี่ย่าหลิน หลิงม่อก็กวาดมองรอบตัวอย่างมึนๆ สุดท้ายก็เลือกนั่งลงบนหนอนดักแด้ตัวใหญ่นั่น

นั่งได้ไม่มั่นคงนัก แต่ก็นุ่มไม่เบา…

“เอ๋ ซย่าน่าเธอ…” หลิงม่อสังเกตเห็นความผิดปกติของซย่าน่าทันที เขาเกือบนึกว่าซย่าน่ากลายร่างไปแล้ว

ทว่าพอมองดูดีๆ แล้ว ความจริงนี่เป็นเพียงวิวัฒนาการอย่างหนึ่ง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงถึงระดับแก่นแท้

ส่วนเรื่องที่ในอนาคตร่างกายของซย่าน่าจะเกิดการกลายพันธุ์ไปอย่างไรนั้น กลับไม่มีเบาะแสอะไรเลย

“รุ่นพี่ล่ะ?” หลิงม่อเพิ่งจะอ้าปากถามถึง ก็รู้สึกหนักอึ้งที่หน้าตักทันที พอก้มหน้ามองก็เห็นสาวสวยร่างสูงเพรียวผู้มีเสน่ห์เหลือล้นอยู่ตรงหน้า

หลี่ย่าหลินใช้มือโอบแขนหลิงม่อ พร้อมสั่นเอวไปมาหน้าหลัง “หลิงม่อ…”

เธอไม่ได้จงใจทำเสียงออดอ้อน แต่หลิงม่อกลับรู้สึกได้ถึงแรงเย้ายวน จนทำให้รู้สึกซาบซ่านไปทั้งตัว

แต่ในสายตาของหลิงม่อ หลี่ย่าหลินที่กำลังสั่นเอวไปมาอยู่ตรงหน้ากลับเหมือนเงาทับซ้อนมากมาย เสียงพูดเหมือนล่องลอยมาจากที่ไกลๆ

เงาซ้อนที่เห็นดูสวยมาก แต่ก็ทำให้ตาลายมากเช่นกัน…

“รุ่นพี่ ระวังเจ้าลูกบอลที่อยู่ข้างล่างนี่จะแตกเอา…” หลิงม่อบอก

“ก็ระวังแล้วไง…” หลี่ย่าหลินสะบัดผม เพิ่มกลิ่นอายดิบเถื่อนในชั่วขณะ

“นี่มันไม่เห็นเหมือนท่าทางของคนระวังเลยนะ…” หลิงม่อเอือม

ทั้งสองคนขย่มไปขย่มมาอยู่บนหนอนดักแด้โดยทำเหมือนว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น ในขณะที่หนอนดักแด้ตัวนั้นกำลังดิ้นขยุกขยิกอยู่ข้างล่าง

หลิงม่อเองก็ไม่ได้ดึงรุ่นพี่ออกจริงๆ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนใกล้หมดเรี่ยวแรงแล้ว จะยังมีแรงเหลือที่ไหนล่ะ…

ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าหนอนดักแด้นี่ก็ผ่านการทดลองใช้งานจริงมาแล้ว ไม่พังง่ายๆ แน่นอน…

หลี่ย่าหลินเองก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เหมือนอยากอยู่ใกล้ๆ หลิงม่อเท่านั้น

ซย่าน่าและเย่เลี่ยนหันไปสนใจสวี่ซูหานแทน ซอมบี้สาวสองตัวยืนอยู่รอบๆ ตัวผู้ประกาศข่าวสาวที่ตอนนี้กำลังเบิกตากว้างด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ คนหนึ่งทำท่าครุ่นคิด อีกคนค่อยๆ ยกนิ้วจิ้มๆ ไปทั่วตัวสวี่ซูหานอย่างมึนๆ

กร๊อบ…

เสียงแตกหักของวัตถุดังขึ้นเบาๆ ส่งผลให้บรรยากาศในห้องนิ่งงันไปทันที

หลิงม่อจ้องหลี่ย่าหลิน รู้สึกเหงื่อไหลท่วมหน้าผากในชั่วพริบตา

“เล่นจนได้เรื่องแล้วสิ…” หลิงม่อไม่กล้าขยับเขยื้อน เขารู้สึกว่าด้านในของหนอนดักแด้กำลังดิ้นชลุกขลัก

ขณะเดียวกัน รอยร้าวเล็กๆ นั่น ก็เริ่มกว้างขึ้นทีละนิดๆ…

“ถือว่าคลอดก่อนกำหนดได้ไหมน่ะ…” ซย่าน่าจ้องรอยร้อยบนหนอนดักแด้ แล้วพูดพึมพำกับตัวเอง

หลี่ย่าหลินมองตาหลิงม่อชั่วขณะ ทันใดนั้นเงาร่างเธอไหววูบ เพียงชั่วพริบตาก็ไปปรากฏอยู่ตรงอีกฝั่งของห้อง

หลิงม่อเบิกตากว้าง เขายังคงนั่งอยู่ท่าเดิม แล้วคำรามเสียงต่ำ “มาทำเป็นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นเอาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วไหม! แล้วไหนๆ ก็ต้องอยู่ท่าเดิมห้ามขับ อย่างน้อยก็น่าจะให้ฉันนั่งกอดสาวสวยเหมือนเดิมสิ! อีกอย่าง…”

เขาทำหน้ายุ่ง “รุ่นพี่ทำให้น้ำหนักมันเบาลงนะ!”

แกร่กๆๆๆ…

เสียงแตกหักติดต่อกันหลายครั้งดังขึ้นด้านล่างหลิงม่อ หนอนดักแด้ทรงกลมขนาดใหญ่นั่นเริ่มร้าวจากตรงกลางด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากนั้นก็ “แคร่ก” แตกออกเป็นสองส่วน

ซึ่งในระหว่างนี้ หลิงม่อได้แต่ทำหน้าชะงักงัน และไม่กล้าขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

เขาตกใจมาก เพราะเมื่อก่อนทำ “อย่างนั้นอย่างนี้” บนหนอนดักแด้เท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร แต่วันนี้เขาแค่นั่งมันก็แตกซะแล้ว!

ไม่ใช่แล้ว! เมื่อกี้เขาก็แค่พูดไปอย่างนั้นเองนะ!

เมื่อเปลือกของหนอนดักแด้แตกออก เงาร่างมนุษย์ที่กำลังขดตัวก็เผยสู่สายตา

ร่างดังกล่าวปิดตาเบาๆ ขนตางอนยาวเป็นแพสั่นกระเพื่อม ใต้ผิวหนังขาวราวกระเบื้องเซรามิคมีเยื่อสีชมพูบางๆ อยู่หนึ่งชั้น มือทั้งสองข้างโอบเข่าตัวเองไว้ เหมือนตัวอ่อนในครรภ์ที่กำลังหลับไหลอยู่

มองแวบแรก เหมือนตุ๊กตาหุ่นขี้ผึ้งความละเอียดสูงที่ถูกสร้างขึ้นโดยโรงงานศิลปะแห่งใดแห่งหนึ่ง

พรึ่บ!

ทันใดนั้น เด็กสาวลืมตาโพลงขึ้นมา เผยให้เห็นดวงตาสีแดงเลือดหมูคู่หนึ่ง ดวงตาสีขาวมีม่านตาสีแดงเป็นใจกลาง ยิ่งขับให้โดดเด่นสะดุดตามากยิ่งขึ้น

เธอหมุนศีรษะช้าๆ พลางช้อนตามองขึ้นข้างบนไปด้วย

“กรี๊ดดดด!”

เสียงกรีดร้องของเด็กสาว ดังออกไปนอกห้องและสะท้อนก้องอยู่ในทางเดินที่ลึกและมืดมิด

ณ ชั้นล่างของโรงแรม มู่เฉินที่กำลังทำหน้าบึ้งตามหาสวี่ซูหานพลันสะดุ้งโหยง เขาเงยหน้าด้วยความตกใจ “นั่นมัน…เสียงนักร้องโซปราโนจากที่ไหนกัน?”

—————————————————————————–