บทที่ 24.3 เสือขาวตัวน้อย (3)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

ชายที่อยู่ทางด้านซ้ายถอนหายใจเฮือกใหญ่และพูดว่า “องค์หญิงช่างซุกซนเกินไปจริงๆ แม้จะไม่พอใจที่องค์จักรพรรดิจะจัดงานแต่งงานให้เธอ แต่องค์หญิงก็ไม่จำเป็นต้องหนีมาเช่นนี้! ออกจากภูเขาหิมะสวรรค์ในช่วงเปลี่ยนร่างเช่นนี้มันอันตรายเกินไป! องค์จักรพรรดิมีลูกสาวเพียงคนเดียวเสียด้วย เป็นเช่นนี้เราจะกลับไปมือเปล่าได้อย่างไร?”

ชายที่อยู่ด้านขวาพูดพร้อมกับรอยยิ้มอันขมขื่น “แล้วเราควรทำยังไงดีพี่ใหญ่? ฝ่าบาทจะโกรธพวกเราหรือไม่?”

ชายที่อยู่ทางซ้ายมือให้ส่งเสียงฮึในลำคออย่างเย็นชา “หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว! องค์จักรพรรดิของพวกเราเป็นถึงราชาหิมะสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ เขาชาญฉลาดและมีสายตากว้างไกล เพราะฉะนั้นฝ่าบาทจะระบายความโกรธใส่เราได้อย่างไร ไปกันเถอะ เราควรกลับไปรายงานตัวกับองค์จักรพรรดิก่อนเพื่อหาทางแก้ไขเรื่องนี้ในภายหลัง”  หลังจากพูดจบ เขาก็โบกมือ จากนั้นแสงสีขาวก็พลันเข้ามาโอบล้อมรอบๆ ตัวของพวกเขา

เมื่อแสงเจิดจ้านั้นวูบหายไป ร่างเงาทั้งสองก็หายวับไปกลางอากาศด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ซากศพของหมาป่าโลกันตร์ทั้งหมดก็พลันเปลี่ยนสภาพกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง ในเวลาต่อมาพวกมันทั้งหมดก็แตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงในชั่วพริบตา ไม่เหลือร่องรอยใดๆ ทิ้งไว้อีกต่อไป

……

โจวเหว่ยชิงกำลังทำความสะอาดร่างกายพร้อมกับยืนเปลือยกายอยู่กลางกระโจมของเขา เขาหันไปมองสัตว์ตัวจ้อยด้านข้างแล้วพูดอย่างเคืองๆ “ฮึ่ม! เจ้าตัวน้อย เจ้าเอาเปรียบข้าเกินไปแล้ว! ข้ายังไม่ทันได้จูบปิงเอ๋อร์เลยด้วยซ้ำ! ฮึ่ม! เอาล่ะ ถึงเวลานอนแล้ว”

เมื่อค่ำคืนอันแสนเหน็ดเหนื่อยและยาวนานได้ผ่านพ้นไป แม้ว่าเขาจะสามารถทะลวงจุดตายที่ 5 จนสำเร็จวิชาเทพอมตะส่วนแรกและยังฟื้นฟูพลังปราณสวรรค์ไปจนเต็มถันเตียนแล้ว แต่ทว่าเด็กหนุ่มก็ยังอ่อนเพลียอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตวิญญาณของเขานั้นอ่อนล้ามาก เมื่อคิดได้ดังนั้น โจวเหว่ยชิงจึงกระโดดขึ้นไปบนเตียงด้วยร่างเปลือยเปล่า

“เจ้าตัวเล็ก ทำไมเจ้าต้องปิดตาด้วย ฮึ? เจ้าไม่เห็นหรือว่านายน้อยคนนี้มีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบมากขนาดไหน เจ้ากล้าเมินข้าหรือ?” ในขณะที่โจวเหว่ยชิงสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม เขาก็สังเกตเห็นเสือขาวตัวน้อยกำลังนอนอยู่ข้างหมอนพร้อมกับอุ้งเท้าเล็กๆ ที่กำลังยกขึ้นปิดตาของมันอยู่ เห็นดังนั้นเขาจึงรู้สึกขุ่นเคืองและไม่ชอบใจเล็กน้อย  แม้ว่าบางครั้งเขาจะต้องทำตัวสุภาพเวลาอยู่กับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ แต่เวลานี้เขาอยู่ในกระโจมของตัวเอง เพราะฉะนั้นเขาจะทำอะไรก็ได้

โจวเหว่ยชิงดึงอุ้งมือเล็กๆ ของเสือขาวตัวน้อยออกจากกัน ก่อนจะโยนเพื่อนตัวน้อยลงบนเตียงแล้วนอนทับมันไว้เบื้องล่าง

“แง้วๆๆๆๆๆๆๆ” เสือขาวตัวน้อยร้องออกมาด้วยความโกรธ พยายามกระเสือกกระสนตัวหนีออกมาจากวงแขนของเขา

โจวเหว่ยชิงขยับใบหน้าถูไถกับเสือขาวตัวน้อยในขณะที่พูดว่า “นุ่มจัง…อืม…สบายมาก…นี่…เจ้าตัวน้อย หยุดดิ้นเถอะน่า ได้อยู่ใต้วงแขนของข้าถือว่าเป็นเกียรติของเจ้าแล้วนะ! เมื่อเจ้าโตขึ้น เจ้าก็จะเป็นเบาะให้ข้านั่ง ขี่เสือขาวเหรอ…อืม…ช่างน่าตื่นเต้นดีจริงๆ…ฮี่ๆๆๆๆ”

ขณะที่พูดเช่นนั้น เขาก็พลันปิดเปลือกตาและเผลอหลับไปในที่สุด

หลังจากนั้นไม่นาน เสือขาวตัวน้อยก็ดิ้นจนหลุดออกมาจากอ้อมแขนของโจวเหว่ยชิงในที่สุด ดวงหน้าเล็กๆ ที่น่ารักกำลังสั่นสะท้านด้วยความโมโห ดวงตาสีฟ้าเข้มเต็มไปด้วยความโกรธแค้น มันพยายามกัดโจวเว่ยชิง แต่ทว่าไม่อาจระแคะระคายผิวหนังของเขาได้เลย เห็นดังนั้นมันจึงละทิ้งความพยายาม มุดกลับไปใต้วงแขนของคนไร้ยางอาย ขยับเข้าไปหาที่เหมาะๆ และซบลงไป ไม่นานเปลือกตาของมันก็ปิดตามไปเช่นกัน

ด้วยสถานะผู้ช่วยผู้บัญชาการกองพัน โจวเหว่ยชิงจึงถูกทิ้งให้นอนหลับอย่างสงบไร้การรบกวนใดๆ ตลอดทั้งวัน

สำหรับเซียวหรูเซ่อ วันนี้เธอต้องรับหน้าที่ของผู้บัญชาการกองพันใหม่ ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังตั้องจัดการกับทหารใหม่ที่เพิ่งมาถึงค่ายทั้งหมด ดังนั้นเธอจึงยุ่งมากตลอดทั้งวัน

จวบจนกระทั่งถึงตอนเย็นที่โจวเหว่ยชิงตื่นขึ้นมาด้วยความหิว ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นมา เสือขาวตัวน้อยก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน และเมื่อโจวเหว่ยชิงลุกขึ้นไปแต่งตัว มันก็วิ่งไปหาโจวเหว่ยชิงแล้วก็ตะกุยกางเกงของเขาด้วยกรงเล็บเล็กๆ ของมัน

“เจ้าหนูน้อย หิวแล้วใช่มั้ยล่ะ? มานี่สิ พี่ใหญ่คนนี้จะพาเจ้าไปกินอาหารอร่อยๆ” เมื่อพูดจบเขาก็คว้าเสือขาวตัวน้อยขึ้นมาซุกในชุดนายหมู่ของคนก่อนที่จะออกไปจากกระโจม

เว้นแต่จะมีสถานการณ์เร่งด่วน ไม่เช่นนั้นปกติแล้วในค่ายทหารก็มักจะมีอาหารมากมาย โจวเหว่ยชิงมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารเพื่อยัดอาหารมื้อใหญ่ใส่กระเพาะของตน อย่างไรก็ตาม เขาก็ประหลาดใจมากที่ไม่ว่าจะพยายามหยิบยื่นอาหารให้เสือขาวตัวน้อยที่ซ่อนตัวอยู่ในอกเสื้อของเขาอย่างไร มันก็ปฏิเสธที่จะรับอาหารจากเขาเสมอ ดูจากท่าทางของมันแล้ว โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกว่ามันกำลังดูถูกอาหารที่ตนเสนอให้ แม้โจวเหว่ยชิงจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อขอซุปเนื้อมาให้มัน แต่ทว่าเจ้าตัวน้อยก็ยังเชิดคอไม่สนใจเขาอยู่ดี

“อืม คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าตัวน้อยเช่นเจ้าจะหัวสูงขนาดนี้ ฮึ่ม! หากเจ้าไม่กิน เจ้าก็ทนหิวไปจนตายเถอะ!”

เมื่อเขากลับมาถึงกระโจม ขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังจะโยนเสือขาวตัวน้อยลงบนเตียง เพื่อนตัวน้อยกลับไม่ยอมลงไป มันกัดเสื้อเขาแน่นและยืนกรานที่จะอยู่ในอ้อมแขนของเขา

“เจ้าตัวน้อย เจ้ามีศักยภาพที่จะเป็นนักรบเสียจริง! จริงด้วย! ตั้งแต่เจ้าตามข้ามาจนถึงตอนนี้ เจ้ายังไม่มีชื่อเลย งั้นข้าตั้งให้เจ้าดีกว่า อืม…เอาล่ะ เจ้าตัวเล็กมาก เจ้าดูไม่เหมือนเสือเท่าไหร่ เหมือนแมวตัวเล็กๆ มากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าน่ารัก ใบหน้ากลมๆ และยังพุงน้อยๆ…อืม ข้าคิดออกแล้ว! ชื่อของเจ้าคือแมวอ้วน!”

“แง้วๆๆๆๆๆๆ” เสือขาวตัวน้อยร้องออกมาด้วยความโกรธเคืองและทำท่าทางไม่พอใจ กรงเล็บเล็กๆ ของมันข่วนบนหน้าอกของโจวเหว่ยชิงเป็นจนเป็นเส้นถลอกสีขาว

“ต่อต้านไปก็ไม่สำเร็จอยู่ดี ถ้าเจ้าข่วนข้าอีก ข้าจะตีก้นเล็กๆ ของเจ้า” ในขณะที่เขาพูดแบบนั้น โจวเหว่ยชิงบีบก้นเล็กๆ อย่างหยาบโลนและพูดอย่างพึงพอใจ “แมวอ้วน!”

เสือขาวตัวน้อยหันหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจ

“พี่ชายกำลังเรียกเจ้าอยู่ ทำไมเจ้าถึงไม่ตอบ! ถ้าเจ้าไม่ตอบ…ฮึๆๆๆๆ ข้าจะช่วยตรวจร่างกายให้เจ้าเอง!” ในขณะที่โจวเหว่ยชิงพูดเช่นนั้น เขาก็พลิกร่างของเสือขาวตัวน้อยให้หงายท้องขึ้น จากนั้นก็ดึงขาเล็กๆ แยกออกจากกัน

“แง้วๆๆๆๆๆๆๆๆ”

โจวเหว่ยชิงพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้า “พี่ชายจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง เจ้าแมวอ้วน!”

“แง้ว…” เสือขาวตัวน้อยร้องออกมาอย่างเศร้าๆ เป็นคำตอบว่าตกลง

“ดีมาก! อย่างนั้นแหละ! นี่จะเป็นชื่อของเจ้าต่อจากนี้! ส่วนตอนนี้ข้าจะฝึกปราณ อย่ารบกวนข้าล่ะ เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าไปนอนเล่นตรงนั้นก่อน”

พอพูดจบ โจวเหว่ยชิงก็เปิดคัมภีร์วิชาเทพอมตะของเขาขึ้นมา

เขาได้สำเร็จวิชาเทพอมตะส่วนแรกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งวิชาส่วนแรกประกอบไปด้วยการทะลวงผ่านจุดตาย 5 จุดแรก ตอนนี้เขาจึงจำเป็นต้องฝึกฝนวิชานี้ต่อไป ด้วยเหตุนั้นเขาจึงพลิกไปที่หน้าสุดท้ายของวิชาส่วนแรกทันที

“เอ๋ นี่มันอะไร?” โจวเหว่ยชิงอุทานขณะที่เขาตรวจสอบหน้าสุดท้ายอีกครั้งและค้นพบประโยคที่เขียนไว้ด้วยตัวอักษรเล็กๆ อยู่บริเวณส่วนท้ายของกระดาษ ก่อนหน้านี้เขาได้อ่านหน้าต่อไปแล้วแบบผ่านๆ และไม่ได้สังเกตประโยคเล็กๆในบรรทัดล่างๆ พวกนี้เลย

อักษรเล็กๆ พวกนั้นกล่าวไว้ว่า “หากเจ้าสามารถสำเร็จวิชาส่วนแรกและทะลวงจุดตาย 5 จุดแรกได้เรียบร้อยแล้ว ให้วางฝ่ามือลงบนกระดาษหน้านี้แล้วค่อยๆ ดึงพลังปราณสวรรค์ออกมาจากจุดตายไท่หยวน

นี่มันคืออะไรกันแน่? แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะมีข้อสงสัยในใจ แต่เขาก็ยังคงปฏิบัติตามคำแนะนำที่เขียนไว้

จุดไท่หยวนอยู่ระหว่างข้อมือและฝ่ามือ โจวเหว่ยชิงส่งพลังปราณสวรรค์เข้าสู่หน้ากระดาษหนังแพะอย่างช้าๆ ในตอนแรกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ทันใดนั้นโจวเหว่ยชิงก็สัมผัสได้ว่ากระดาษหนังแพะกำลังเคลื่อนไหวอยู่ใต้มือของเขา เด็กหนุ่มจึงขยับมืออย่างรวดเร็ว และเมื่อก้มลงไปมอง เขาก็เห็นว่ากระดาษแผ่นนั้นได้แยกออกเป็นสองหน้าจริงๆ! และนั่นคือหน้าที่อยู่ระหว่างวิชาเทพอมตะส่วนแรกและส่วนที่สอง!

ขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังจดจ่อกับการอ่านหน้านั้น เขาก็พบว่ามีอักษรเขียนไว้อยู่หลายย่อหน้า

เมื่อจุดตายบนแขนขาถูกทำลาย จุดตายทั้ง 5 ของเจ้าจะสามารถเชื่อมต่อกับโลกได้ ดังนั้นเจ้าจึงสามารถสื่อสารกับแก่นของสวรรค์และโลกเพื่อปรับเปลี่ยนร่างกายของเจ้าให้แข็งแกร่งขึ้น  เมื่อร่างกายของเจ้าถูกหลอมขึ้นใหม่  หลุมดำพลังปราณทั้ง 5 ก็จะแพร่กระจายไปทั่วร่างกายและสร้างเกราะป้องกันตามธรรมชาติให้ มันซ่อนตัวอยู่ใต้ผิวหนังของเจ้าเพื่อปกป้องเจ้าจากพลังโจมตีภายนอก  ชื่อของเกราะนั้นก็คือ ‘เกราะเทพอมตะ’

…………………………………