ตอนที่ 61 โยนหินทับเท้าตัวเอง

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

หลังจากที่วิศวกรไฟฟ้าเห็นข้อตกลงของฮ่อหยุนเฉิง เขาก็เดินไปที่สวิตช์ด้านข้างแล้วเปิดไฟทันที
เขากดส่องแสงเย็นไปที่กระดุมด้านหลังของแอนนี่ และเห็นเพียงว่ากระดุมนั้นส่องแสงสีขาวขึ้นมาทันทีในไม่ช้า
ผ่านไปครู่หนึ่ง วิศวกรไฟฟ้าก็ปรับไฟเป็นสีแดง และสีของกระดุมก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เหมือนเปลวไฟที่ลุกโชนบนชุดเดรส
“ที่แท้มันจะเปลี่ยนสีได้จริงๆ!” ทุกคนประหลาดใจเมื่อเห็นมัน
ซูฉิงยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม “ทุกคงเห็นแล้ว เพราะกระดุมเพชรเคลือบด้วยสารพิเศษนั้น กระดุมจึงสามารถเปลี่ยนสีได้ด้วยแสงที่ต่างกัน”
“โอเคคะ ตอนนี้ขอให้วิศวกรไฟฟ้าส่องลงแสงบนมือของแอนนี่ทีค่ะ” ซูฉิงคว้ามือของแอนนี่แน่นแล้วพูดกับวิศวกรไฟฟ้า
ในหัวของแอนนี่ว่างเปล่ามาก และมือของเธอก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ที่แท้สิ่งที่ซูฉิงพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด กระดุมนี้มีสารพิเศษที่สามารถเปลี่ยนสีได้ด้วยแสงที่แตกต่างกัน
ตอนนี้เธอควรทำอย่างไรดี?
แอนนี่ดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง แต่ซูฉิงจับมือเธอไว้แน่นและเธอก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้เลย
วิศวกรส่องไฟไปที่บนมือของแอนนี่ เมื่อถูกปรับเป็นแสงเย็น ฝ่ามือของแอนนี่ก็เปล่งแสงสีขาวออกมาเล็กน้อย
ภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของทุกคน ซูฉิงอธิบายว่า “เพราะแอนนี่ได้เข้าไปตัดกระดุมในห้องลองเสื้อเมื่อกี้ เธอแตะโดนกระดุมและเธอก็จับมันไว้แน่นแล้วโยนกระดุมนั้นลงชักโครกไป ดังนั้นมือของแอนนี่จึงเปื้อนสารพิเศษบนกระดุมนั้นด้วยเล็กน้อย พอโดนแสงจึงเปลี่ยนสีได้”
ภายใต้คำแนะนำของซูฉิง วิศวกรไฟฟ้าได้ปรับแสงเป็นสีในโทนอบอุ่นอีกครั้ง และแสงสีขาวบนมือของแอนนี่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับเวทมนตร์
ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้มองมือของแอนนี่ด้วยความตกใจ
ซูฉิงคว้าแขนที่สั่นเทาของแอนนี่และแสดงให้ทุกคนดู “เราทุกคนจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามือของแอนนี่เปลี่ยนสีเหมือนกับกระดุมบนชุดของเธอ เพราะตอนที่เธอตัดกระดุมออกมือของเธอเปื้อนสารพิเศษนั้นด้วย
ตอนนี้ความจริงของเรื่องนี้เป็นอย่างไร ฉันเชื่อว่าทุกคนคงจะมีความชัดเจนในใจแล้วใช่ไหม ”
เหล่าฝูงชนต่างพยักหน้า “คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแอนนี่!”
“ทำไมเธอถึงทำอย่างนี้?”
“รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ ตอนนี้เธอกำลังโยนหินใส่เท้าตัวเองแท้ๆ”
เมื่อเห็ทุกคนหันมามองและชี้มาทางเธอ ใบหน้าของแอนนี่ก็ดูซีดลงไปทันที
ซูฉิงมองตรงไปยังแอนนี่ด้วยดวงตาที่เย็นชาและเข้มงวด “หลักฐานแน่นขนาดนี้ คุณมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
“ไม่ นี่มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่จริง” เสียงของแอนนี่สั่นเทา
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
ทั้งๆที่เป็นแผนที่แยบยนแล้วแท้ๆ ทำไมซูฉิงถึงรู้มากขนาดนี้? เธอรู้ได้อย่างไรว่ามีสารพิเศษนี้อยู่ที่กระดุม?
“ซูฉิง ต้องเป็นเธอ เธอจงใจใส่ร้ายฉันใช่ไหม?” แอนนี่ตะโกนอย่างไม่พอใจ
“ถ้าคุณไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ คุณต้องทำมันด้วยตัวเอง ในเมื่อคุณกล้าที่จะทำ คุณก็ต้องกล้าที่จะยอมรับมัน” ซูฉิงเยาะเย้ยแล้วปล่อยมือของแอนนี่ลง
“แอนนี่ เธอทำให้ฉันผิดหวังมาก” บรูซเดินไปหาแอนนี่ นัยน์ตาสีฟ้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ก่อนหน้านี้ มันก็ไม่เหมาะอยู่แล้วที่เขาปล่อยให้แอนนี่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ แต่เพียงเพราะแอนนี่รบเร้าเขาบอกว่าตนอยากเป็น
แบรนด์แอมบาสเดอร์ และเขาเองก็ต้องการให้โอกาสแอนนี่ด้วย
แต่แอนนี่ก็ยังไม่หวงแหนโอกาสนี้ ทำหลายสิ่งหลายอย่าง เขาต้องมาเสียหน้าเพราะเธอ
“ไม่นะ ไม่ใช่ ที่รัก ฟังฉันนะ ฉันไม่ได้ทำ” เมื่อถูกบรูซต่อในที่สาธารณะ อารมณ์ของแอนนี่ก็ควบคุมไม่ได้ และเธอก็เกาะแขนของบรูซแน่น “ฟังฉันก่อนนะ ฉันไม่ได้ทำจริงๆ ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของซูฉิงที่ต้องการใส่ร้ายฉัน”
ดวงตาของบรูซกวาดสายตาไปที่แอนนี่ แล้วก็หันมามองที่ผู้จัดการของเธอ “คุณพูดมาสิ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ใบหน้าของบรูซดูเย็นชา และทั้งร่างของเขาก็เปล่งออร่าที่น่าสะพรึงกลัวออกมา “หากมีเรื่องโกหกละก็ ฉันจะให้เธออยู่อย่างไม่สงบสุขไปตลอดชีวิต”
ผู้จัดการหน้าซีดลงทันที เขารู้ว่าบรูซเป็นคนอย่างไร และเขาก็จะทำตามที่เขาพูดอย่างแน่นอน ถ้าเธอกล้าโกหกก็คาดว่าชีวิตของเธอจะจบลงอย่างไม่ต้องถามเลย
เมื่อกี้ซูฉิงใช้ไฟเพื่อพิสูจน์แล้วว่ากระดุมนั้นถูกตัดโดยแอนนี่
แม้ว่าเธอจะโกหกเพื่อช่วยแอนนี่ มันก็เป็นแค่การดิ้นรนหาความตายเท่านั้น และไม่มีใครเชื่อมันอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่อยู่กับแอนนี่มานาน แอนนี่ก็อารมณ์ร้ายมาก ไม่เคยเห็นแกหน้าเธอเลยสักครั้ง
ในกรณีนี้ ทำไมเธอต้องทำให้บรูซและฮ่อหยุนเฉิงขุ่นเคืองเพื่อช่วยแอนนี่ด้วย และทำไมต้องเอาชีวิตไปตกอยู่ในอันตรายด้วย?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ผู้จัดการจึงตัดสินใจบอกความจริง
เธอกระแอมในลำคอและกล่าวว่า “คุณบรูซ กระดุมบนชุด มันถูกตัดโดยแอนนี่ในห้องลองเสื้อจริงๆ ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แอนนี่ก็ตะโกนอย่างโกรธจัด “กล้าดียังไงมาหักหลังฉัน!
“คุณแอน ฉันแค่พูดความจริง ฉันไม่อยากกลายเป็นคนไม่มีจิตสำนึก” ผู้จัดการหลับตาลง “ฉันไม่รู้ว่าทำไมแอนนี่ถึงทำอย่างนี้”
“ตอนนี้กระดุมนั้นอยู่ที่ไหน?” ซูฉิงถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“แอนนี่โยนมันลงชักโครกไปแล้วค่ะ” ผู้จัดการตอบตามความจริง
“ไม่ แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่เคยทำ” แอนนี่กัดริมฝีปากของเธอและพึมพำอย่างไม่เต็มใจ
“คุณต้องการให้ฉันค้นหากระดุมจากท่อระบายน้ำออกมาไหม?” ซูฉิงเยาะเย้ย
แอนนี่หน้าด้านมาก ไม่ถึงที่สุดเธอก็จะไม่ยอมรับ
ในขณะนี้ ฮ่อหยุนเฉิงซึ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็มองไปที่หลินเหยียนเฟิงที่อยู่ข้างๆ เขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ให้ใครก็ได้ไปหาที”
หลินเหยียนเฟิงทำงานได้เร็วมาก และหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนพบกระดุมเพชรในท่อระบายน้ำ
“ท่านประธานครับ กระดุมอันนี้ใช่ไหมครับ?” หลินเหยียนเฟิงยื่นกระดุมให้ฮ่อหยุนเฉิงอย่างระมัดระวัง
“อันนี้แหละ” ซูฉิงหยิบกระดุมแล้วให้ทุกคนดู “กระดุมที่ผลิตโดยสตูดิโอleo จะมีโลโก้อยู่”
ซูฉิงเห็นโลโก้บนกระดุมได้อย่างรวดเร็ว แต่น่าเสียดายที่กระดุมนี้ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไปหลังจากถูกแช่ในน้ำเสียเป็นเวลานาน
“ตอนนี้คุณไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วใช่ไหม?” ซูฉิงมองแอนนี่อย่างประชดประชัน “ถ้าผู้จัดการของคุณไม่เเห็นด้วยตาของเธอเอง เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณโยนกระดุมลงไปในท่อระบายน้ำ? ”
ใบหน้าของแอนนี่ซีดขาวอยู่ครู่หนึ่ง เธออ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
ซูฉิงพูดอย่างเคร่งขรึม “ตอนนี้มีพยานและหลักฐานครบแล้ว ความจริงก็ถูกเปิดเผยแล้ว แอนนี่ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงแบบนี้นี้ แต่ไม่ว่ายังไง บริษัทตระกูลฮ่อกรุ๊ปของเราจะไม่ขอร่วมมือกับคุณอีกต่อไป”
“อะไรนะ คุณต้องการบอกเลิกสัญญากับฉันเหรอ?” แอนนี่เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ