ตอนที่ 213 ถานซวงซวงกับสุนัขไม่อาจเข้า (3)/ตอนที่ 214 ถานซวงซวงและสุนัขไม่อาจเข้า (4)

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

ตอนที่ 213 ถานซวงซวงกับสุนัขไม่อาจเข้า (3)

ในฝูงชน เมื่อทุกคนได้ฟังคำของเสี่ยวเอ้อร์ประจำร้านก็เข้าใจได้แล้ว

“นี่ ดูท่าหลังจากตระกูลถานผิดพลาด ตระกูลหลิ่วก็ล้มเหลวเช่นกัน ยังคิดมากินดื่มเปล่าๆ ที่หอแห่งแรกอีก ช่างทำให้จวนเสนาบดีขายหน้ายิ่งนัก”

“กระทั่งเงินจ่ายค่าอาหารยังไม่มี ยังมีหน้าออกจากบ้าน เรื่องนี้เสนาบดีหลิ่วรู้เรื่องหรือไม่ หากเสนาบดีหลิ่วได้ยินว่าคุณชายหลิ่วมากินดื่มเปล่าๆ ที่หอแห่งแรก เกรงว่าจะตีขาเขาจนหัก”

ครั้นได้ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนเหล่านี้ สีหน้าหลิ่วอวี้เฉินยิ่งไม่น่ามองขึ้นทุกที หากคนเอ่ยคำพูดเหล่านี้เป็นสามัญชน เขาคงจัดการไปแล้ว แต่เมื่อทราบว่าคนพวกนี้คือใคร เขาได้แต่กล้ำกลืนคำพูดและอดทน

“อวี้เฉิน…” ถานซวงซวงก้มหน้าลง ท่าทางน่าสงสารนัก “ช่างเถิด แผลข้าปล่อยให้มันหายเองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเสียเงินมากมายขนาดนี้ พวกเรากลับกันเถอะนะ…”

หลิ่วอวี้เฉินเห็นสีหน้าซีดเซียวของถานซวงซวงบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเสียเลือดไปมาก หัวใจหนักอึ้ง ดึงถานซวงซวงที่กำลังจะลุกขึ้น กัดฟันเอ่ยว่า “เอาอาหารสองอย่างที่ข้าเพิ่งสั่งมา”

ก็แค่สามแสนตำลึงมิใช่หรือ หากร่างกายของซวงเอ๋อร์แข็งแรงได้ จะเสียเงินมากแค่ไหนก็คุ้มค่า!

เสี่ยวเอ้อร์ยิ้มเยาะแดกดัน “ได้ขอรับ แต่คุณชายหลิ่วช่วยจ่ายเงินเสียก่อน”

“เจ้า…” หลิ่วอวี้เฉินโมโหเสียจนตัวสั่น “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้าหลิ่วอวี้เฉินจะเหนียวหนี้ไม่จ่ายบัญชีหรือไร”

เสี่ยวเอ้อร์เอ่ยเย็นชา “หากเป็นคนอื่นข้ายังพอเชื่อได้ แต่เมื่อครู่คุณชายหลิ่วคิดกินดื่มเปล่าๆ ไม่จ่ายเงิน หากท่านกินหมดแล้วหนีไปจะทำอย่างไร อีกทั้งข้าก็สู้ท่านไม่ได้ ได้แต่ขอให้ท่านช่วยจ่ายเงินก่อนเท่านั้น”

หลิ่วอวี้เฉินตัวสั่นเทิ้มรุนแรงขึ้น

เขากำลังโดนดูถูกอย่างร้ายกาจ

แต่ครั้นเห็นสายตาดูแคลนของเสี่ยวเอ้อร์ รวมถึงสายตาที่กวาดมองมาของคนที่มุงดูอยู่ เขาสะกดเพลิงโทสะลง กัดฟันเอ่ยว่า “ได้ ข้าจะจ่ายเงินก่อน!”

วันหน้ายังต้องมีโอกาสคิดบัญชีกับหอแห่งแรก!

เวลานี้ทนให้อีกฝ่ายจองหองไปก่อน!

หลิ่วอวี้เฉินโยนตั๋วเงินสามใบใส่หน้าเสี่ยวเอ้อร์ด้วยอารมณ์คุกรุ่น “เอาไป อย่าทำให้คนเข้าใจผิดว่าคนอย่างข้าหลิ่วอวี้เฉินกินดื่มเปล่าๆ !”

เสี่ยวเอ้อร์ยิ้มแย้มขึ้นทันที สีหน้าเบิกบานรับตั๋วเงินสามใบนั่นไป

จำนวนเงินในแต่ละใบมีมูลค่าหนึ่งแสนตำลึง

“ดูท่าผู้น้อยจะเข้าใจคุณชายหลิ่วผิดไปแล้ว คุณชายหลิ่วใจกว้างเยี่ยงนี้ เพื่อพิสูจน์ว่าท่านหาใช่คนกินดื่มเปล่าๆ มอบเงินค่าดูแลเล็กๆ น้อยๆ ให้หอแห่งแรกของเราจำนวนมากเช่นนี้ เช่นนั้นผู้น้อยได้แต่รับไว้แทนคุณชายหอแห่งแรกของเราแล้ว คุณชายหลิ่วมีรักแท้ต่อแม่นางถาน เพื่อนางแล้วไม่เสียดายเงินทองเอาเสียเลย”

ตอนแรกไม่มีใครสังเกตความขัดแย้งด้านนี้ ย่อมไม่รู้ราคาที่หอแห่งแรกเสนอ

ด้วยเหตุนี้ หลังจากเสี่ยวเอ้อร์เอ่ยจบ หลิ่วอวี้เฉินแทบกระอักเลือดสดๆ ออกมาคำหนึ่ง

ทั้งๆ ที่เจ้าสารเลวนี่ต้องการเงินสามแสนตำลึงแท้ๆ ยังยกยอเขา บอกว่าเขาให้เงินค่าดูแลเล็กๆ น้อยๆ !

มีใครบ้างจ่ายเงินค่าดูแลเยอะขนาดนี้กัน

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คำพูดเหล่านี้ต้องไปถึงหูท่านพ่อแน่ หากให้ท่านพ่อรู้ว่าเพื่อแสดงออกต่อหน้า

ถานซวงซวง ถึงขั้นสูญเสียเงินทองจำนวนมาก ต้องตีขาเขาหักอย่างแน่นอน!

“ข้ามีความแค้นอันใดกับหอแห่งแรกของพวกเจ้ากันแน่” แววตาหลิ่วอวี้เฉินอัดแน่ไปด้วยความเดือดดาล แทบจะปลิดชีวิตเจ้าเสี่ยวเอ้อร์ของร้านไปเสียเดี๋ยวนี้

ช่างกล้าให้ร้ายเขาถึงขั้นนี้เชียว!

“ไม่ไม่ไม่ หอแห่งแรกของเรากับคุณชายหลิ่วหาได้มีความแค้นอันใดกัน ซ้ำยังขออวยพรจากใจให้คุณชายหลิ่วได้วิวาห์กับถานซวงซวงในเร็ววัน จะไม่เสียทีที่แม่นางถานต้องหมองมัวเพราะติดตามท่านมานานหลายปี” เสี่ยวเอ้อร์ไอแห้งๆ สองครั้ง เปลี่ยนท่าทีกำเริบเสิบสานเมื่อครู่มาเป็นมิตรอย่างยิ่ง

…………………………..

ตอนที่ 214 ถานซวงซวงและสุนัขไม่อาจเข้า (4)

ถานซวงซวงหน้าซีดขาว นางเกลียดที่สุดก็คือถูกคนดูถูกว่านางมัวหมอง!

ถึงนางจะรักกับหลิ่วอวี้เฉินหลายปี แต่พวกเขาไม่เคยมีความสัมพันธ์อันใดกัน เหตุใดคนพวกนี้ถึงได้เอาแต่ดูแคลนสตรีอ่อนแออย่างนางครั้งแล้วครั้งเล่าด้วย

“อวี้เฉิน…” ถานซวงซวงขบริมฝีปาก ดวงตาพราวประกายน้ำตา

หลิ่วอวี้เฉินปวดใจ ไม่คำนึงถึงสถานที่ในเวลานี้ กัดฟันสาบานว่า “ซวงเอ๋อร์ ข้าจะแต่งเจ้าเป็นภรรยา มอบฐานะตำแหน่งให้กับเจ้า”

เขาไม่ยอมให้คนเอาชื่อเสียงของซวงเอ๋อร์มาล้อเล่นอีกแล้ว!

หน้าประตูหอแห่งแรกพลันเกิดความชุลมุน

หลิ่วอวี้เฉินขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว มองไปทางหน้าประตู…

ชั่วขณะนั้นนัยน์ตาของเขาหรี่เล็กลง แววตาตื่นตะลึงรวมถึงความมึนงงฉายวาบออกมาจากภายใน

หน้าประตูมีสตรีอายุเยาว์นางหนึ่ง

จะว่าอย่างไรดีเล่า สตรีนางนี้ออกจะอวบเล็กน้อย แต่ก็สามารถใช้คำว่ารูปร่างสมบูรณ์พูนสุขมาอธิบายได้ ทว่านางดวงตาสุดสกาวฟันเรียวขาวสวย ผิวพรรณนวลเนียนประดุจหยก หน้าตาชวนให้เพ้อฝัน

จุดด้อยประการเดียวนั่นก็คือ…รูปร่างอวบอ้วนไปบ้าง

อืม ก็แค่นี้เท่านั้นเอง….

ถึงแม้คนอ้วนตัวยักษ์อย่างเฟิงหรูชิงหาได้ยากยิ่ง หากรูปร่างของแม่นางผู้นี้อรชรอีกสักหน่อย ก้อนเนื้อบนใบหน้าคงจะน้อยลงไปอีก ย่อมเป็นโฉมงามสะคราญล่มบ้านล่มเมืองอย่างแน่นอน

ไม่รู้ทำไม หลิ่วอวี้เฉินรู้สึกว่านางคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน คล้ายกับเคยพบที่ไหนมาก่อน แต่กลับคิดไม่ออก…

“อวี้เฉิน!” ถานซวงซวงเห็นแววตาประหลาดใจของหลิ่วอวี้เฉิน ความรู้สึกในใจเริ่มลนลาน รีบคว้าแขนเสื้อเขาไว้

ตอนนี้นางสูญเสียตระกูลหลิวที่เป็นที่พักพิงไปแล้ว หลิ่วอวี้เฉินเป็นที่พึ่งพักพิงเดียวของนาง นางไม่มีวันยอมให้นางจิ้งจอกตัวไหนล่อลวงเขาไปแน่!

แม้ว่าแม่นางผู้นี้มิได้ผอมเท่านาง แต่ว่า…เครื่องหน้าของอีกฝ่ายกลับงดงามไร้ที่ติ ถึงกับทำให้นางรู้สึกด้อยกว่า ซ้ำรูปร่างอวบอั้นนี้ยังทำให้หลิ่วอวี้เฉินตะลึงงันได้ หากอีกฝ่ายผอมเพรียวลงเล่า

สายตาของหลิ่วอวี้เฉินยังจะหยุดอยู่ที่ตัวนางได้อย่างไรกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ถานซวงซวงรู้สึกถึงความอันตราย

ต่อให้เป็นเมื่อก่อนตอนได้พบเฟิงหรูชิง นางก็มิเคยรู้สึกอันตรายเช่นนี้มาก่อน เป็นเพราะเฟิงหรูชิงอ้วนเกินไป ราวกับก้อนไขมันไม่มีผิด ทำให้ใครก็ตามมองแล้วไม่อยากอาหาร แต่ว่าแม่นางอายุน้อยตรงหน้านี้ หาใช่เอาคนอ้วนอย่างเฟิงหรูชิงมาเปรียบได้

นางไม่อาจไม่ประหวั่นใจ!

“นั่นเป็นคุณหนูบ้านไหนกัน เหตุใดข้าไม่เคยพบมาก่อน” หลิ่วอวี้เฉินมุ่นคิ้วเล็กน้อย เขามองสาวน้อยดวงตาสดใสงดงาม เบื้องลึกของแววตาทอเป็นประกาย

หากเป็นเมื่อก่อนการลดน้ำหนักเป็นเรื่องแสนยากเย็น แต่ว่าภายในหนึ่งเดือนนี้ หอแห่งแรกผลิตยาชนิดหนึ่ง ช่วยให้ลดน้ำหนักลงได้ หากนางมีรูปร่างอ้อนแอ้นอรชรเช่นเดียวกับถานซวงซวง ย่อมงามกว่าถานซวงซวงอย่างแน่นอน!

อีกอย่างต่อให้นางไม่ผอมบางเท่าถานซวงซวง แต่ด้วยรูปลักษณ์ในตอนนี้ ก็ชวนให้คนคะนึงค้นหาแล้ว….

“องค์หญิง ท่านรีบเดินทำไมล่ะเจ้าคะ รอข้ากับหลิวลี่ด้วย!”

ในเวลานี้ น้ำเสียงเชิงต่อว่าของสาวน้อยนางหนึ่งดังติดตามมา

ชั่วอึดใจทุกคนก็เห็นสาวใช้สองนางเร่งฝีเท้าว่องไวติดตามสาวน้อยนางนั้นเดินเข้ามาในโถงของร้านหอแห่งแรก

เดิมทีชิงหลิงคิดเอ่ยอะไรอีก แต่หลังจากเข้ามาแล้ว กลับพบว่าสายตาทั้งหลายมารวมกันอยู่ที่ตัวนางและหลิวลี่ พลันตกใจ ลดความเร็วลงติดตามอยู่ด้านหลัง

“องค์หญิง นี่…คืออะไรกันเพคะ”

เหตุใดคนกลุ่มนั้นถึงใช้สายตาเยี่ยงนี้มองนาง นางพูดอะไรผิดไปหรือ

……………………