บทที่่ 109 น้ำทิพย์

 

แม่เฒ่าจางโผล่มาจากด้านข้าง “ถูกต้อง หลังจากวันนั้นที่ข้ากลับมาจากบ้านผีสิงก็หนาวสั่นทั้งตัว พอได้ดื่มยาวิเศษที่ครึ่งเซียนให้มาก็หายเป็นปลิดทิ้ง!”

 

จางซิ่วเอ๋อหรี่ตา “ท่านย่า ท่านไปบ้านผีสิงทำไมเจ้าคะ?”

 

แม่เฒ่าจางเพิ่งรู้สึกตัวว่าหลุดปากออกไป แต่ก็ไม่มีสีหน้าละอายแต่อย่างใด กลับเอ่ยเสียงแหลม “ข้าไปทำไมงั้นเหรอ? ข้าก็กลัวว่าของเจ้าจะหาย เลยไปเฝ้าบ้านให้น่ะสิ”

 

จางซิ่วเอ๋อมองแม่เฒ่าจางอย่างนึกขำ “ท่านไม่ต้องห่วงหรอก บ้านข้าจนอย่างกับอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ”

 

“จะไม่มีอะไรได้อย่างไร? เจ้าต้องซ่อนไว้แน่ ๆ! ตะกร้าไผ่ที่เจ้าซื้อมาก็หาย! เจ้าระแวงใครกันฮึ!” แม่เฒ่าจางนึกเรื่องนี้ได้ก็แสดงท่าทางกระฟัดกระเฟียดเล็กน้อย

 

จางซิ่วเอ๋อหัวเราะ “ระแวงโจรน่ะสิเจ้าคะ ข้าทำอะไรผิดรึ? เมื่อครู่ท่านย่าเพิ่งบอกว่าอยากช่วยข้าเฝ้าบ้าน ข้าซ่อนของไว้อย่างดีทำไมท่านยังไม่พอใจอีก”

 

“นังตัวขาดทุน! อย่ามาแดกดันข้านะ!” แม่เฒ่าจางเอ่ยเสียงกราดเกรี้ยว

 

จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้ว “ข้าไปแดกดันท่านย่าตอนไหน? ข้าจะขอบคุณท่านด้วยซ้ำ! ขอบคุณที่ไปบ้านผีสิงโดยไม่ได้รับเชิญ! ขอบคุณที่เชิญพวกต้มตุ๋นมาสร้างเรื่องสร้างราว!”

 

“เจ้าว่าใครเป็นพวกต้มตุ๋น! หา? พูดมาให้ชัดนะ!” หูเปียวพุ่งเข้ามาทันที เขายื่นแขนข้างหนึ่งมา ทำหน้าตาดุดัน

 

คนแข็งแต่เปลือกแบบนี้จางซิ่วเอ๋อเจอมามาก อีกอย่างต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ไม่คิดว่าหูเปียวจะกล้าทำอะไร

 

และจางซิ่วเอ๋อเป็นพวกโหดมาตลอดเหมือนกัน ต่อให้จริง ๆ แล้วนางไม่โหดนักก็ต้องแกล้งทำเป็นโหด!

 

ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่ามีคนในหมู่บ้านนี้มากมายขนาดไหนรอเหยียบซ้ำรังแกนาง!

 

จางซิ่วเอ๋อเชิดคางขึ้นขึ้น เอ่ยเสียงเย็น “ข้าว่าใคร? เจ้ารู้ดีแก่ใจที่สุด! นี่ไง มีคนรับเรียบร้อย!”

 

“นังตัวเล็กนี่! วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้จักว่าความเก่งกาจเป็นอย่างไร!” หูเปียวเอ่ยเสียงเกรี้ยวกราด

 

จางซิ่วเอ๋อมองผู้ใหญ่บ้านซ่งที่ยืนอยู่ในฝูงชน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ผู้ใหญ่บ้าน เรื่องนี้ท่านต้องออกมาจัดการแล้วนะ? ต่อให้ข้าโดนผีสิงก็ต้องขับไล่ด้วยวิชาอาคม ไม่ใช่ให้ใครมาลงไม้ลงมือ! อีกอย่าง คนผู้นี้เป็นพวกต้มตุ๋นด้วย ถ้าสุดท้ายแล้วพิสูจน์ได้ว่าความสามารถของเขาเป็นของปลอมทั้งหมด งั้นสองคนนั้นก็ไม่ใช่แค่รังแกข้า แต่หลอกลวงคนในหมู่บ้านเราด้วย!”

 

“แถมเขาบังอาจจะลงไม้ลงมือกับข้าต่อหน้าทุกคน นี่มันไม่เห็นหมู่บ้านชิงสือของเราอยู่ในสายตาชัด ๆ!” จางซิ่วเอ๋อพูดยุแยงเล็กน้อย

 

ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ตามป่าตามเขาแบบนี้ ถึงแม้จะมีเรื่องทะเลาะกันเองทุกวัน แต่ถ้ามีคนนอกมารังแก ทุกคนต่างเห็นตรงกันหมด

 

ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของหมู่บ้านจะเป็นไปในทางที่ใครก็รังแกได้ เช่นนั้นทุกคนจะอยู่กันอย่างสบายใจได้อย่างไร?

 

ถ้าจางซิ่วเอ๋อไม่เอ่ยชื่อผู้ใหญ่บ้านซ่ง เขาอาจจะเป็นเต่าหัวหดไปได้อีกพักนึง แต่เวลานี้ผู้ใหญ่บ้านซ่งจำต้องออกหน้า

 

และผู้ใหญ่บ้านซ่งรู้ว่าตัวเองควรจะออกมาได้แล้ว!

 

“ขอให้หูครึ่งเซียนแสดงวิชาของตัวเองด้วย หากพิสูจน์ได้ว่าจางซิ่วเอ๋อโดนวิญญาณร้ายสิง เช่นนั้นกิริยาที่จางซิ่วเอ๋อทำอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางควบคุมเองได้ เจ้าเป็นบุรุษจะถือสาสตรีได้อย่างไร?” ผู้ใหญ่บ้านซ่งย้อน

 

เขามองหูครึ่งเซียนที่ละลายขี้ธูปในน้ำแล้วเอ่ย “ถ้าพวกเจ้าเป็นของปลอม งั้นจางซิ่วเอ๋อก็ไม่ได้พูดอะไรผิด พวกเจ้ายิ่งไม่มีเหตุผลจะทุบตี!”

 

ผู้ใหญ่บ้านซ่งพูดพลางมองพินิจจางซิ่วเอ๋อ ถึงแม้วิธีการของจางซิ่วเอ๋อในตอนนี้จะแตกต่างจากเมื่อก่อน แต่เมื่อก่อนจางซิ่วเอ๋อเป็นคนอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ดีนัก

 

บางทีอาจจะไม่กล้าแสดงออกเพราะมีแม่เฒ่าจางข่มอยู่ ตอนนี้ออกมาตั้งตัวเองแล้ว ย่อมแสดงนิสัยดุร้ายเดิมออกมา

 

ดูอย่างไรจางซิ่วเอ๋อก็ไม่เหมือนโดนวิญญาณร้ายสิง วิญญาณร้ายจะใจดีให้จางซิ่วเอ๋อเอาเนื้อให้บ้านเขาเหรอ?

 

หูเปียวยังอยากโวยวายต่อ แต่ตอนนี้สวี่อวิ๋นซานก็ออกตัว เขามองหูเปียวด้วยหน้าตาเย็นชา “หูเปียว! เจ้าคิดว่าหมู่บ้านชิงสือของเราไร้ซึ่งกำลังใช่ไหม? ถ้าเจ้าอยากมีเรื่องก็มาประลองกับข้าสักตั้ง!”

 

สวี่อวิ๋นซานเพิ่งกลับมาจากบนเขา ในมือถือฉมวกคม

 

วินาทีที่หูเปียวเห็นสวี่อวิ๋นซาน เขาก็บังเกิดความหวาดกลัวเล็กน้อย สวี่อวิ๋นซานมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งสิบลี้แปดหมู่บ้าน ถึงจะอายุไม่มาก หน้าตาก็หล่อเหลา และได้ข่าวว่าเคยสู้กับเสือบนภูเขามาก่อน!

 

หูเปียวถอยไปข้างหลัง ไม่กล้าพูดจา

 

ถึงแม้จางซิ่วเอ๋อจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วหูเปียวไม่กล้าลงไม้ลงมือกับตัวเองแน่ ๆ แต่นางคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าสวี่อวิ๋นซานจะออกหน้าให้นาง

 

นางนึกว่าสิ่งที่ตนทำก่อนหน้านี้จะทำให้สวี่อวิ๋นซานโกรธไปแล้วเสียอีก!

 

ในสายตาที่สวี่อวิ๋นซานมองจางซิ่วเอ๋อมีแววรักใคร่บริสุทธิ์แฝงอยู่ จางซิ่วเอ๋อเองก็สัมผัสได้ ครั้งนี้นางขอบคุณสวี่อวิ๋นซานจากใจ แต่…..

 

นางจำได้ตลอดว่าสวี่อวิ๋นซานชอบจางซิ่วเอ๋อเจ้าของร่าง เรื่องนี้นางจะสับสนไม่ได้ จึงมีเพียงความขอบคุณ ไม่มีซาบซึ้ง และจะไม่ตอบสนองใด ๆ

 

แม่หลินยื่นมือออกจากฝูงชนดึงสวี่อวิ๋นซานกลับไป “อวิ๋นซาน เจ้าไปยุ่งเรื่องอัปมงคลแบบนั้นทำไม? ข้าว่านางโดนวิญญาณร้ายสิงร่าง! ไม่อย่างนั้นตอนนั้นทำไมถึงเอาปังตอมาไล่ฟันที่บ้านเราล่ะ?”

 

“ถุย! หน้าด้านจริง ๆ เพิ่งจะเป็นม่ายก็ยั่วยวนชาวบ้านซะแล้ว” แม่หลินด่าต่อ

 

สวี่อวิ๋นซานเริ่มมีสีหน้ารำคาญ “ท่านแม่! ไม่ต้องยุ่งกับข้า!”

 

จางซิ่วเอ๋อมองแม่หลินด้วยสายตาเย็นชา วันนี้คึกคักดีจริง ๆ สัมภเวสีที่ไหนก็อยากจะออกมามีบทบาท

 

“ตอนนั้นทำไมข้าถึงไปฟันท่านที่บ้าน? ท่านรู้แก่ใจดี! ทุกคนรู้แก่ใจดี! ถ้าคนในครอบครัวที่รักยิ่งของคนอื่นโดนท่านทำร้ายเกือบตาย ข้าว่าฟันท่านยังเบาไปด้วยซ้ำ!” จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงโกรธเกรี้ยว

 

“เอาล่ะ! ทุกคนเลิกทะเลาะกันได้แล้ว! รอดูวิชาของหูครึ่งเซียน มีใครอยากชิมน้ำทิพย์นี่บ้าง?” ผู้ใหญ่บ้านซ่งกล่าว

 

เรื่องในหมู่บ้านหากมีเรื่องกันต่อหน้าคนนอก เขาซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านก็ขายหน้าเหมือนกัน

 

“เอ๊ะ! ทุกคนไปหาบัณฑิตจ้าวกัน บัณฑิตจ้าวนอนติดเตียงมานานนับปี หากกินยานี่แล้วได้ผลก็แสดงว่าหูครึ่งเซียนเป็นคนมีความสามารถจริง!” มีคนเอ่ย

 

“ไม่ได้!” มีคนสองคนแย้งพร้อมกัน

 

จางซิ่วเอ๋อมองอย่างประหลาดใจ คนที่พูดว่าไม่ได้คือแม่หลิน

 

แม่หลินเอ่ยขึ้น “ไม่รู้ว่าตอนนี้บัณฑิตจ้าวมีความสัมพันธ์อย่างไรกับจางซิ่วเอ๋อ ให้เขาลอง? เขาจะยอมพูดความจริงรึ?”

 

………………………………………………………………………………………………………………………

 

สารจากผู้แปล

 

ได้ทีเสนอหน้าแบบนี้ อยากหน้าแหกอีกรอบเหรอคะแม่หลิน?

 

ไหหม่า(海馬)