บทที่ 106 การตัดสินใจของหลี่เป่าซาน

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

หลี่เป่าซานมองเฉินชาง ฉินเยว่ และหวังหย่ง ด้วยความรู้สึกสะท้อนใจ!

นี่คือลักษณะจิตใจที่วัยรุ่นสมควรมี!

ดีจริงๆ! เหมือนพวกตนในตอนแรกจริงๆ แต่ว่า…

เรื่องบางเรื่องจะอาศัยแค่ความเลือดร้อนไม่ได้ นี่ไม่ใช่การทำสงครามที่ต้องมีความกล้าในการพุ่งเข้าสู่สนามรบเพียงอย่างเดียว และยิ่งไม่ใช่ภารกิจที่จะอาศัยเพียงความเลือดร้อนมาทำให้สำเร็จได้!

หลี่เป่าซานมองคนทั้งสามพลางกล่าวขึ้นว่า “เป็นตัวอย่างที่ดี! พวกคุณดีจริงๆ แต่ผู้ป่วยที่ศูนย์ฉุกเฉิน 120 ส่งมาไม่ใช่ผู้ป่วยธรรมดา แต่ละคนมีอาการเกี่ยวกับระบบถุงน้ำดีที่ผ่าตัดยาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ส่งมาหรอก!”

“ดังนั้นเรื่องนี้พวกคุณอย่าเข้ามายุ่งเลย ให้ผมจัดการเองเถอะ!”

คำพูดของเขาชัดเจนมาก ซึ่งก็คือความสามารถพวกคุณมีไม่พอ อย่าได้พูดจาด้วยความรู้สึกฮึกเหิม

เฉินชางกล่าวต่อไปว่า “หัวหน้าแผนกครับ ผมทำได้! ผมทำวิจัยเรื่องการผ่าตัดถุงน้ำดีอยู่ และวิจัยเกี่ยวกับการผ่าตัดถุงน้ำดีเคสยากๆ มาโดยตลอด ผมจัดการเรื่องนี้ได้ดีแน่นอน!”

ทุกคนเงียบไป จู่ๆ สือน่าก็ลุกขึ้นกล่าวว่า “หัวหน้าแผนกคะ เสี่ยวเฉินทำวิจัยเรื่องการผ่าตัดถุงน้ำดีอยู่จริงๆ ฉันเห็นเองกับตา บางที…ควรให้โอกาสเขาลองดูสักหน่อยนะคะ!”

สือน่าไม่ค่อยทำตัวเป็นจุดสนใจมากนัก จะเห็นเธอพูดแสดงความเห็นน้อยครั้ง และเธอยังเป็นพวกอนุรักษ์นิยมอีกด้วย ด้วยเหตุนี้หลี่เป่าซานจึงมองสือน่าด้วยสายตาแปลกใจ

ตอนนี้เอง ในฐานะที่ฉินเยว่เป็นพวกเดียวกับเฉินชางจึงรีบพูดขึ้นว่า “ใช่แล้วค่ะ! หัวหน้าแผนก เฉินชางไม่ได้หลอกคุณจริงๆ เขาสุดยอดมากนะคะ ขนาดเมอริซซี่ซินโดรมก็ยังทำได้ เขาไม่ได้โกหก!”

คำพูดนี้ทำให้หลี่เป่าซานชะงักไปทันที “คุณผ่าถุงน้ำดีในขณะที่ผู้ป่วยมีภาวะเมอริซซี่ซินโดรมสำเร็จได้ด้วยหรือ?”

เฉินชางพยักหน้าตอบ “ครับ”

คำพูดนี้ทำให้หลี่เป่าซานตัวแข็งทื่อไปแล้ว!

เมอริซซี่ซินโดรมคืออะไร เขาเข้าใจกระจ่างยิ่งกว่าคนอื่น!

เขาเข้าใจยิ่งกว่าคนอื่นว่ากลุ่มอาการนี้หมายถึงอะไร!

มันเป็นการผ่าตัดที่ยากที่สุดในกลุ่มอาการเกี่ยวกับระบบตับและถุงน้ำดี

เฉินชางเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง? เขาเคยเห็นเมอริซซี่ซินโดรมหรือ? ทำได้หรือ?

เมื่อเห็นฉินเยว่ผงกศีรษะอย่างหนักแน่น หลี่เป่าซานก็ต้องรู้สึกสั่นสะท้านจริงๆ

หลี่เป่าซานลังเลครู่หนึ่ง “เสี่ยวเฉิน นี่ไม่ใช่เวลามาทำเป็นอวดเก่งนะครับ ชีวิตของผู้ป่วยสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง หากจะให้เปรียบเทียบ แม้แต่เกียรติยศก็ไม่มีค่ามากเท่าชีวิตคน คุณเข้าใจหรือเปล่า?”

เฉินชางพยักหน้ารับอย่างเด็ดเดี่ยว “หัวหน้าแผนก ผมทำได้ครับ!”

สายตาของทุกคนภายในห้องจับจ้องไปยังเฉินชาง ในดวงตาเต็มไปด้วยความซับซ้อน ความนับถือ ความอิจฉา ความชื่นชม และการยอมรับ!

เขาเดินก้าวออกมาอีกครั้งแล้ว! ตอนที่โรงงานเคมีระเบิด เฉินชางก็เปลี่ยนกระแส ช่วยชีวิตคนเอาไว้ได้ คราวนี้ในตอนที่แผนกฉุกเฉินขาดคนที่สุด ตอนที่ต้องการผู้มีความสามารถมากที่สุด เขาก็ก้าวเดินออกมาอีกครั้ง

คนเช่นนี้ไม่มีเหตุผลให้เกลียดเลยจริงๆ

ตอนนี้หวังหย่งซื่อสัตย์กับตัวเองมากขึ้นแล้ว เขานั่งมองเฉินชางอยู่เช่นนั้น สายตาของเขาราวกับกำลังมองตัวเองในอนาคต!

เฉินชางในตอนนี้มีอะไรให้รู้สึกอิจฉากัน? เขาติดตามข้างกายเฉินชางมานานขนาดนี้ ทำให้เขาได้เรียนรู้การผ่าตัดถุงน้ำดี ได้ช่วยแบ่งเบาภาระในแผนก ทำให้เขารู้สึกถึงความภูมิใจในตัวเองอย่างที่เขาต้องการ

ทุกครั้งเมื่อคิดถึงตอนที่พยาบาลเล็กๆ ในห้องผ่าตัดเรียกเขาอย่างสนิทสนมว่าหมอเสี่ยวหวัง หวังหย่งก็รู้สึกราวก็มีเรี่ยวแรงไม่หมดสิ้น

หลี่เป่าซานเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากใคร่ครวญดีแล้วจึงตัดสินใจว่าจะตามเฉินชางไปผ่าตัดครั้งหนึ่ง หากเฉินชางทำได้จริงๆ ก็จะเป็นเรื่องดีที่สุด!

หลี่เป่าซานพยักหน้า กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ พยาบาลเวรก็เดินเข้ามาก่อน

“หัวหน้าแผนกคะ โรงพยาบาลซื่อปาส่งผู้ป่วยมาคนหนึ่ง หลังจากส่องกล้องดูแล้วพบว่ามีอาการผิดปกติระหว่างลำไส้เล็กดูโอดีนัมและถุงน้ำดี! ใกล้จะมาถึงโรงพยาบาลของพวกเราแล้วค่ะ ทางนั้นบอกให้พวกเราเตรียมห้องผ่าตัดให้ดี!”

เมื่อเธอพูดจบสีหน้าของหลี่เป่าซานพลันเปลี่ยนไป “เอาละ เลิกประชุมได้ เฉินชางเตรียมผ่าตัด ฉินเยว่ก็มาด้วย”

พูดจบหลี่เป่าซานก็หันไปพูดกับเฉินชางต่อ “ไปเถอะ คุณผ่าตัดอาการผิดปกติระหว่างลำไส้เล็กดูโอดีนัมกับถุงน้ำดีได้หรือเปล่า?”

เฉินชางพยักหน้า “ได้ครับ!”

อาการผิดปกติระหว่างลำไส้เล็กดูโอดีนัมกับถุงน้ำดีไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย! อาจเป็นหนึ่งในกรณีตัวอย่างของการผ่าตัดถุงน้ำดีที่ยากที่สุดก็เป็นได้ ซึ่งหลี่เป่าซานใช้โอกาสนี้สังเกตการพัฒนาฝีมือของเฉินชางได้พอดี

……

……

ภายในห้องผ่าตัด!

กัวเฉิง หัวหน้าแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลซื่อปาเข็นเตียงผู้ป่วยเข้าไปยังห้องผ่าตัดด้วยสีหน้าร้อนรน “หัวหน้าแผนกหลี่ สวัสดีครับ!”

หลี่เป่าซานพยักหน้า “หัวหน้าแผนกกัว อาการของผู้ป่วยเป็นยังไงบ้างครับ?”

กัวเฉิงเดินไปพูดไป “อาการไม่ดีเลยครับ เดิมทีคิดว่าเป็นถุงน้ำดีอักเสบธรรมดา แต่หลังจากส่องกล้องดูแล้วก็ต้องตกใจ พบว่าบริเวณด้านขวาของช่องท้องทั้งหมดเป็นพังผืด ตัวชี้วัดการอักเสบไม่สูงนัก”

“เป็นอาการผิดปกติของการเชื่อมต่อระหว่างลำไส้เล็กดูโอดีนัมและถุงน้ำดี มีเลือดออกบริเวณทางเดินอาหาร หากไม่ผ่าตัดคงไม่รู้!”

หลี่เป่าซานพยักหน้า เป็นแบบนั้นจริงๆ อาการผิดปกติบริเวณอวัยวะเชื่อมต่อระหว่างลำไส้เล็กดูโอดีนัมและถุงน้ำดีไม่มีอาการบ่งชี้ที่ชัดเจน มักจะพบขณะผ่าตัดโรคเดิม อัตราการวินิจฉัยผิดพลาดสูง

กัวเฉิงส่งประวัติผู้ป่วยไปให้ “หัวหน้าแผนก นี่คือประวัติผู้ป่วยครับ”

หลังจากหลี่เป่าซานรับมาเปิดดูแล้วส่งไปให้เฉินชาง “นี่คือหมอเฉิน เป็นศัลยแพทย์หลักในการผ่าตัดครั้งนี้ครับ เสี่ยวเฉิน คุณอ่านประวัติผู้ป่วยดูเลยครับ”

เฉินชางพยักหน้าพลางรับประวัติผู้ป่วยมาอ่าน

ส่วนกัวเฉิงกลับเบิกตากว้าง “หัวหน้าแผนกครับ…นี่…นี่เป็นการผ่าตัดอาการผิดปกติระหว่างลำไส้เล็กดูโอดีนัมและถุงน้ำดีนะครับ การผ่าตัดใหญ่ขนาดนี้จะให้หมอเล็กๆ ทำหรือ? แบบนี้เหมาะสมหรือครับ?”

กัวเฉิงคิดเพื่อผู้ป่วย ไม่ได้มีเจตนาดูถูกเฉินชาง

เฉินชางยังหนุ่มเกินไปจริงๆ เป็นเพียงชายอายุยี่สิบต้นๆ จะผ่าตัดได้หรือ หมอใหญ่อย่างผมพาผู้ป่วยมาเพราะกังวลว่าระดับฝีมือของตัวเองไม่ดีพอนะ!

หลี่เป่าซานตบแขนกัวเฉิงเบาๆ “มีผมอยู่ คุณวางใจเถอะ!”

เมื่อกัวเฉิงได้ยินดังนั้นก็ผ่อนคลายลงได้ในที่สุด แต่ยังคงรู้สึกไม่วางใจ เขามองไปที่หลี่เป่าซานด้วยท่าทีเคร่งเครียด “หัวหน้าแผนก ไม่ใช่ว่าผมไม่ไว้ใจนะครับ ที่สำคัญคืออาการของผู้ป่วยค่อนข้างพิเศษผมเลยเป็นห่วง! หากมีปัญหาอะไรพวกเราต้องรับผิดชอบหนักเลยนะครับ!”

หลังจากเฉินชางตรวจสอบอย่างละเอียดก็พบว่าไม่มีอาการพิเศษอะไรในนั้นจึงพูดไปว่า “ไปที่เตียงผ่าตัด ส่องกล้องดูอาการก่อนค่อยว่ากันเถอะครับ ในประวัติผู้ป่วยไม่มีอาการพิเศษอะไรเขียนไว้เลย”

ขณะนั้นฉินเยว่เองเดินเข้ามาพอดี เฉินชางจึงเดินไปพูดกับฉินเยว่ว่า “คุณไม่ต้องช่วยผ่าตัดแล้ว ช่วยผมทำบันทึกเถอะ”

ฉินเยว่ชะงักไปเล็กน้อย “บันทึกอะไรคะ?”

เฉินชางพูดเสียงเบา “ผมอยากทำสรุปการทดลองการผ่าตัดถุงน้ำดียากๆ น่ะครับ คุณช่วยผมจดบันทึกขั้นตอนการผ่าตัดหน่อย หลังจากนี้ผมจะทำการวิเคราะห์หลังผ่าตัด เน้นที่การถ่ายรูปนะครับ”

ฉินเยว่เบิกตากว้าง รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ นี่เฉินชาง…ดูเทพหน่อยๆ นะ!

ถึงกับจะทำสรุปการทดลองเชียวหรือ?

นี่คือการทดลองอย่างหนึ่งของเฉินชาง! อย่างไรเสียเขาก็ต้องผ่าตัดถุงน้ำดียากๆ ให้มาก แต่การผ่าตัดเหล่านี้หาได้ยาก หากไม่บันทึกคงน่าเสียดาย

หากนำบันทึกเหล่านี้ไปวิเคราะห์และสรุปผลจนเขียนสรุปการทดลองออกมาได้ฉบับหนึ่ง คงช่วยคนได้อีกมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น เขาพบว่าหากต้องการให้ผู้อื่นเชื่อถือ คุณจะต้องสร้างผลงานให้ได้ก่อน และผลงานที่ดีที่สุดที่คนหนุ่มอย่างเขาจะทำได้ไม่ใช่สิ่งอื่นใด แต่เป็นผลงานทางด้านการวิจัยนั่นเอง

การผ่าตัดใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว

เฉินชางถือกล้องเริ่มทำการตรวจสอบ ทว่าจู่ๆ กัวเฉิงก็กล่าวเตือนขึ้นมากะทันหันว่า “ค่าสัมประสิทธิ์ความปลอดภัยของการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องไม่สูงนัก ผ่าเปิดท้องดีกว่าไหมครับ?”

หลี่เป่าซานยังไม่ทันพูดอะไร เฉินชางก็ตอบไปอย่างเรียบเฉยว่า

“หัวหน้ากัวครับ ช่องท้องของผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อรุนแรง มีพังผืดที่เห็นได้ชัดเจน หากใช้การผ่าเปิดท้อง อัตราความปลอดภัยค่อนข้างสูงกว่าก็จริง แต่ว่า! สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดพังผืดเป็นเพราะลำไส้เล็กดูโอดีนัม ยิ่งไปกว่านั้น การผ่าเปิดท้องจะทำให้มีอันตรายเพิ่มขึ้นมาก กระทั่งอาจทำให้การติดเชื้อขยายเป็นวงกว้างยิ่งขึ้น และบาดแผลใหญ่ขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีกับสุขภาพผู้ป่วยหลังผ่าตัด แต่หากใช้การส่องกล้อง หลังจากอัดแก๊สเข้าไปแล้วอาจจะได้ผลกว่า…ดังนั้นผมเสนอให้พวกเราลองใช้การผ่าตัดด้วยการส่องกล้องดูก่อน”

กัวเฉิงหน้าแดงไปโดยพลัน “แต่หากเป็นแบบนี้ จะทำให้ระดับความยากของการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย! ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการเย็บลำไส้เล็กดูโอดีนัม การผ่าถุงน้ำดี หรือการแยกอวัยวะบริเวณสามเหลี่ยมถุงน้ำดีออกจากกันก็เป็นเรื่องยากมาก คุณจะมั่นใจในความปลอดภัยของผู้ป่วยได้หรือครับ?”

เฉินชางไม่ได้พูดอะไรมาก ทำเพียงพยักหน้าตอบ “ครับ ทำได้!”

กัวเฉิงพูดอะไรไม่ออก

หลี่เป่าซานจึงพูดประนีประนอม “เอาละ เริ่มเถอะ หัวหน้าแผนกกัวไม่ต้องกังวลนะครับ หมอเฉินผ่าถุงน้ำดีโดยที่ผู้ป่วยมีอาการเมอริซซี่ซินโดรมได้ เรื่องลำไส้เล็กดูโอดีนัมย่อมไม่ใช่ปัญหาใหญ่”

เมื่อเขาพูดออกมาเช่นนี้ กัวเฉิงพลันต้องตื่นตะลึง