บทที่ 104 ภูตทะเลทราย

ไหปีศาจ

บทที่ 104

ภูตทะเลทราย

“ ภูตทะเลทราย?”

ลั่วอู๋นึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับสัตว์วิญญาณทั้งหมดที่เขารู้จักในเขตหวงชาและในที่สุดก็จบลงที่ขมวดคิ้วออกมา “ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีสัตว์วิญญาณแบบนั้นที่นี่มาก่อนเลยนะ”

“แน่นอนว่าเจ้าต้องไม่เคยได้ยินมาก่อนอยู่แล้ว ก็ข้ารู้เกี่ยวกับมันจากนักผจญภัยผู้มากประสบการณ์และค้นคว้าหนังสือโบราณมาจำนวนมาก เพื่อยืนยันการมีอยู่ของภูตทะเลทราย ซึ่งอาศัยอยู่ในส่วนลึกของป่าหวงชา” ฉูจงฉวนกล่าว

“ ส่วนลึกของป่าหวงชา!”

ลั่วอู๋ประหลาดใจเล็กน้อย

ตอนนี้หากผู้คนกล่าวถึงพื้นที่เขตป่าหวงชา พวกเขาหมายถึงขอบเขตพื้นที่ทะเลทราย

ในบรรดาเมืองหวงชาทั้ง 23 เมือง มีเพียงเมืองนี้ที่สร้างขึ้นในพื้นที่ชายขอบของทะเลทราย

อย่างไรก็ตามป่าหวงชาหรือป่าทรายเหลืองนั้นเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง

ทุกคนทราบกันดีว่าป่าหวงชาเดิมทีคือป่าเทียนหวู่ ซึ่งมีพื้นที่ถึงหนึ่งในห้าของทั่วทั้งทวีป สัตว์วิญญาณนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่อย่างกลมกลืนที่นั่น น่าเสียดายที่ภัยพิบัติได้ทำลายระบบนิเวศน์นี้และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นทะเลทราย

ปีศาจยาหลงที่จับโดยทีมคมมีดเองก็เป็นสัตว์วิญญาณที่อาศัยอยู่ในส่วนนอกสุดของป่าหวงชา บางคนเคยเห็นสัตว์วิญญาณระดับทองอยู่ในส่วนด้านนอกบ้างเป็นบางครั้ง

จากข้อมูลเหล่านี้ สามารถคาดการณ์ได้ว่ามี สิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวอาศัยอยู่ส่วนลึกของป่าหวงชาอย่างแน่นอน

“ ถ้าต้องการเจ้าสัตว์วิญญาณตัวที่สอง แล้วทำไมมันถึงต้องเป็นภูตทะเลทรายด้วยล่ะ?” ลั่วอู๋ไม่เข้าใจ ในส่วนลึกของป่าหวงชานั้น แม้แต่ทีมล่าสัตว์ที่มีประสบการณ์มากที่สุดก็ยังไม่กล้าเข้าไป อย่างมากพวกเขาก็แค่เดินล่าในส่วนรอบนอก

ฉูจงฉวนดูจริงจัง “อย่างที่ข้าเคยบอกเจ้า ข้าสนใจแค่สัตว์วิญญาณที่มีรูปแบบมนุษย์เท่านั้น ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าคือการได้เข้าไปในดินแดนลึกลับโบราณแห่งเซียนและค้นหาสัตว์วิญญาณในตำนาน เชียนจี”

“ ……” ลั่วอู๋พูดไม่ออก

สัตว์วิญญาณที่มีรูปร่างแบบมนุษย์นั้นหายากมากและส่วนใหญ่อยู่ในประเภทของภูตและวิญญาณ

แม้แต่ในบรรดาภูตและวิญญาณที่มีรูปร่าง การที่มันจะมีรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะหากันได้ง่าย ๆ

“ภูตทะเลทรายนี้เป็นสัตว์วิญญาณรูปร่างแบบมนุษย์ใช่รึเปล่า แม้ว่าเจ้าจะใช้คำเรียกว่า” ภูต “แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะมีรูปร่างแบบมนุษย์นะ” ลั่วอู๋กล่าว

ภูตไฟส่วนมากก็มีรูปร่างเป็นเปลวไฟ

ภูตดวงจันทร์เองก็เป็นสัตว์ร้ายที่มีสีขาวบริสุทธิ์

ภูตน้ำเองแม้จะมีความโน้มเอียงไปทางร่างมนุษย์ แต่น่าเสียดายที่หางปลาของมันไม่สอดคล้องกับรสนิยมทางสุนทรียภาพของฉูจงฉวน

ฉูจงฉวนรู้สึกตื่นเต้น “แน่นอน ข้าแน่ใจแล้วว่ามันมีรูปร่างแบบมนุษย์ ข้าสืบข้อมูลมันมาเป็นเวลานานแล้ว ถึงได้เลือกภูตทะเลทรายยังไงล่ะ”

เขาเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการที่ว่าทุกการเลือกนั้นมีความสำคัญ

ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังอย่างมากเกี่ยวกับการเลือกสัตว์วิญญาณที่จะมาทำพันธสัญญาด้วย ซึ่งด้วยนิสัยแปลก ๆ ของเขาแล้ว จึงมีสัตว์วิญญาณให้เลือกได้น้อยมาก

โดยภูตทะเลทรายคือสัตว์วิญญาณที่เขาคิดว่าเหมาะสมที่สุดที่จะกลายเป็นสัตว์วิญญาณตัวที่สองของเขา

ภูตทะเลทราย

มันยากที่จะตัดสินว่าเป็นภูตหรือสัตว์อสูร

ว่ากันว่ามันมีรูปร่างที่แตกต่างจากของมนุษย์ เป็นสิ่งที่สวยงามอย่างยิ่งที่จะแสดงให้ผู้คนเห็นในรูปร่างของมนุษย์ผู้หญิง โดยมีต้นกระบองเพชรใบยักษ์งอกใต้เท้าเหมือนดอกบัวล้อมรอบตัวอยู่

ยิ่งกว่านั้นภูตทะเลทรายนั่นไม่ใช่สัตว์วิญญาณที่มีพลังในการต่อสู้ต่ำ พลังต่อสู้ของมันค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสัตว์วิญญาณระดับทอง

“เป็นเพราะข้าไม่แน่ใจว่า ข้าจะหนีออกมาจากส่วนลึกของป่าหวงชาได้ในขากลับ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้เดินทางไปที่นั่น จนตอนนี้ข้าเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงินมิติ 10 แล้ว” ฉูจงฉวนกล่าวอย่างเคร่งขรึม

ต่อ 1 ระดับวิญญาณจะสามารถทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น

ถ้าเขาไม่ได้ทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณก่อนเลื่อนขั้น ฉูจงฉวนจะมีสัตว์วิญญาณน้อยกว่าคนอื่นตลอดไป

สิ่งนี้มีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพในการต่อสู้

ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้นตกลง ข้าจะไปกับเจ้า มันบังเอิญพอดีกับช่วงนี้ที่ข้าเพิ่งได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงินด้วย ข้าเองก็ควรจะเริ่มตามหาสัตว์วิญญาณตัวที่สองได้แล้วเช่นกัน”

สัตว์วิญญาณทุกตัวนั้นมีความสำคัญมาก

ลั่วอู๋ต้องการสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งพอ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสัตว์วิญญาณ ในส่วนลึกของป่าหวงชานั้นต้องแข็งแกร่งกว่าสัตว์วิญญาณที่อยู่ในพื้นที่ชายขอบมาก

“ไม่ไม่ไม่ มันอันตรายเกินไป” ฉูจงฉวนส่ายหัว

ลั่วอู๋ถอนหายใจดัง “แล้วเจ้าคิดว่าการเข้าไปคนเดียว มันไม่อันตรายรึไง แน่นอนข้าจะเตรียมตัวให้พร้อม”

“แต่…”

“ไม่ ที่นี่คือถิ่นของข้า เจ้าต้องฟังข้า” ลั่วอู๋กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

……

……

กลับมาที่ศาลาไป่หยู่

ลั่วอู๋ออกคำสั่งให้ลงใบติดประกาศหาผู้นำทางที่เคยไปยังส่วนลึกของป่าหวงชา

ข่าวการรับสมัครได้รับการเผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเงื่อนไขที่หลากหลายและน่าตื่นเต้น

เพียงไม่ถึงครึ่งวันก็มีคนมาสมัครมากมาย พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้เจอกับลั่วอู๋ ดังนั้นพวกเขาจึงถูก หลิวหูไล่ออกจากศาลาไป่หยู่ไป

ส่วนใหญ่นั้นเป็นพวกขี้โกงและมิจฉาชีพ

นอกจากนี้ยังมีคนบางส่วนที่เคยไปมาแค่ในส่วนวงรอบป่าซะส่วนใหญ่ แต่กล้าพูดว่าพวกเขาเคยไปในส่วนที่ลึกที่สุดของป่าหวงชาได้อย่างไร้ยางอาย

เวลาล่วงเลยผ่านไปถึงตอนเย็นก็มีชายชราผมสีเทาเดินเข้ามาในศาลาไป่หยู่

“ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้ากำลังตามหาคนนำทางอยู่ใช่ไหม?” สายตาของชายชรานั้นดูลุ่มลึก แม้จะแก่ แต่ก็อธิบายไม่ได้ เหมือนเขามีบรรยากาศแบบหนึ่งที่เป็นดั่งความไม่ย่อท้อ

เมื่อหลิวหูมองไปที่ชายชราเขาก็รู้สึกว่าชายแก่คนนี้แตกต่างออกไป เขามีบรรยากาศที่เฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์ใกล้ความตายเท่านั้นถึงจะมีได้

“ ขอเวลาสักครู่ขอรับท่าน” หลิวหูรีบเดินไปเชิญลั่วอู๋

ลั่วอู๋และฉูจงฉวนรีบเดินออกมาทันที

นามสกุลของชายชราคือเย่ เมื่อสามสิบปีก่อนเขาเคยเป็นหัวหน้าทีมล่าสัตว์

กลุ่มพี่น้องของพวกเขาเคยบุกเข้าไปในส่วนลึกของป่าหวงชาและจับแพะกระดูก ที่เป็นสัตว์วิญญาณระดับทองได้มาสองตัว

น่าเสียดายที่เพื่อแพะกระดูกทั้งสองทีมของเขาได้สูญเสียเงินไปมาก จนในที่สุดเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลิกราไปและขายสัตว์วิญญาณเพื่อแบ่งเงินกัน

แพะกระดูก

มันเป็นสัตว์วิญญาณที่ประหลาด

ลักษณะของพวกมันคือโครงกระดูกแพะ ที่ไม่มีเลือดเนื้อ อาศัยอยู่ใต้พื้นดินในส่วนลึกของป่าหวงชา

เหตุผลที่เย่ เต็มใจสมัครเป็นผู้นำทางนั้นง่ายมาก ไม่ใช่เพื่อเงิน เขาแค่อยากได้ความรู้สึกและแรงผลักดันในวัยเยาว์กลับคืนมา

มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะตายในส่วนลึกของป่าหวงชา สำหรับนักล่าทะเลทรายตัวจริงการตายในผืนทรายสีเหลืองทอดยาวเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุด

ในที่สุดก็พบผู้นำทางตัวจริงสำเร็จ

“ นายน้อย คนในทีมคุ้มกันศาลา พบว่าคนของพรรคหวงชามาเดินวนเวียนอยู่รอบ ๆ ศาลาของเราอยู่ตลอดเวลาเลย” หลิวหูกล่าวด้วยเสียงต่ำ

ลั่วอู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศาลาไป่หยู่และหอคอยหวงชา ค่อนข้างจะกลมกลืนกัน

“ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาเพื่อตามหาตัวท่านฉู” หลิวหูกล่าว

ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็นึกขึ้นได้

มันก็สมควรอยู่

หลินตานั้นเป็นสมาชิกของพรรคหวงชา ดังนั้นการที่นางถูกสังหาร เป็นธรรมดาที่พรรคหวงชา จะไม่ปล่อยไปง่าย ๆ พวกเขาคงจะส่งคนมาเพื่อสอบถามฉูจงฉวน

ลั่วอู๋พาฉูจงฉวนไปที่ประตูศาลาไป่หยู่

“สวัสดี ผู้คนจากพรรคหวงชา” ‘ลั่วอู๋ร้องเสียงใส

“ พวกเจ้าอย่ามาทำเป็นว่าเดินผ่านไปมาแถวนี้สิ”

“ถ้าอยากรู้รายละเอียด ก็อย่ามาส่อเสียด ข้าจะบอกให้ตรงๆ”

“ชายคนนี้เป็นนายน้อยคนโตของตระกูลฉู ในมณฑลหนานจุน พวกเจ้าหาเรื่องเขาไม่ได้หรอกน่า ออกไปจากที่นี่ซะ แล้วอย่ากลับมาให้ข้าเห็นหน้าที่ประตูศาลาไป่หยูอีก”

เหล่าผู้คนที่ได้ยินยังคงงุนงงแปลกใจอยู่ เพราะพอฟังจากน้ำเสียงนี้แล้ว ดูเหมือนที่เขาพูดจะไม่ใช่คำขู่ที่ดีเท่าไหร่

“ ยิ่งไปกว่านั้นเขากับข้ายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน พวกเจ้ารีบกลับไปเตือนเจ้านายของตัวเองซะว่าอย่าได้มาหาเรื่องกับศาลาไป่หยู่อีก ไม่งั้นพวกเจ้าจะต้องตกที่นั่งลำบากแน่!” ลั่วอู๋ขู่อีกครั้ง

ฉูจงฉวนพูดไม่ออก “เจ้าใช้ข้าเป็นข้ออ้างเลยนะ ช่างเจ้าเล่ห์จริง ๆ”

“เฮ้ ไม่ต้องการคิดมากไปน่า” ลั่วอู๋หัวเราะ

ผู้สอดแนมของทีมหวงชาทั้งหมดถอยกลับในทันที

จากนั้นพวกเขาก็ไม่มาปรากฏตัวอีกเลย บางทีเขาอาจยืนยันตัวตนของฉูจงฉวนได้แล้ว

ฉูจงฉวนนั้นไม่เหมือนกับลั่วอู๋เขาเป็นนายน้อยคนโตของตระกูลฉู เป็นอัจฉริยะที่สำคัญที่สุดของตระกูลฉู หากมีอะไรเกิดขึ้นกับฉูจงฉวน ตระกูลฉูจะต้องบันดาลโทสะอย่างแน่นอน

พรรคหวงชาไม่สามารถเสี่ยงทำให้ตระกูลฉูโกรธได้