“เป็นวิธีที่ดีนะ น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่ผู้อัญเชิญ แล้วก็ไม่ใช่ดรูอิด ข้าเป็นคนที่ใสสะอาดราวกับสายลม” คามิลล์คร่ำครวญ “ดังนั้นข้าจึงไม่เข้าใจภาษาของสัตว์เวทย์ทะเลที่หยาบคายเหล่านั้นหรอก” 

 

 

ผู้อัญเชิญ? ดรูอิด? ประกายแวบเข้ามาในใจของแคลร์ หากมีคนที่สามารถสื่อสารกับสัตว์เวทย์ทะเลได้ในตอนนี้เรื่องก็จะคลี่คลายอย่างง่ายดาย แต่คนในเมืองตอนนี้กำลังวิ่งหนีและซ่อนตัวกันอย่างตื่นตระหนก ไม่ต้องพูดเลยว่าจะไปหาคนที่มีความสามารถอยู่ในสถานที่ที่วุ่นวายและอันตรายเช่นนี้ได้สัตว์เวทย์ทะเลกำลังหาอะไรกันแน่? 

 

 

“ไม่ต้องคิดวิธีแก้ปัญหาอีกต่อไปแล้ว คนจากวิหารแห่งแสงกำลังมา ฮ่าๆ ท่านนักบวช ทำไมท่านถึงมาที่นี่ด้วยล่ะ? โปรดตามพวกเรากลับวิหารด้วยเถิด” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของคามิลล์มีความแปลกประหลาดเกินจะบรรยายออกไป ชายผู้นี้เรียนรู้น้ำเสียงของคนจากวิหารแห่งแสงและเริ่มเอามาพูดล้อเลียน คำพูดที่ออกมาจากปากของเขาช่างน่าขันจริงๆ 

 

 

แคลร์กลอกตา นักบวชไม่ใช่สิ่งที่นางอยากจะเป็น แต่พระสันตปาปาจิ้งจอกเฒ่านั่นบังคับนางต่อหน้าทุกคนต่างหาก! 

 

 

“ข้าก็อยากออกเดินทางเร็วๆ เหมือนกัน!” แคลร์พูดอย่างไม่สบายใจ จากนั้นก็หยิบหุ่นเวทย์ทั้งหมดที่อูมาริมอบให้นางออกจากกระเป๋า มีนก มีหนู และมีปลา มีทั้งตัวที่สามารถบินบนฟ้าวิ่งลงดินและลงในน้ำได้ มีอยู่ในนี้ทั้งหมด 

 

 

“เจ้าจะใช้สิ่งนี้ไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือ?” คามิลล์มองไปที่หุ่นเวทย์ที่แคลร์หยิบออกมาด้วยความสนใจ 

 

 

“อืม” แคลร์พยักหน้า จากนั้นก็ปล่อยพลังเวทย์ทั้งหมดในมือของนางแล้วปล่อยพวกมันออกไป จากนั้นนางจึงหยิบลูกแก้วเล็กๆ ออกมาดู ลูกแก้วแบ่งออกเป็นสามส่วน แสดงให้เห็นทุกสิ่งที่หุ่นเวทย์ทั้งสามเห็นจากมุมที่แตกต่างกันทั้งสามมุม 

 

 

“น่าสนใจ” คามิลล์พูดพร้อมกับแตะคางและเลิกคิ้วขึ้น 

 

 

แคลร์ไม่ได้ตั้งความหวัง    ในใจมากนัก สิ่งที่สัตว์เวทย์ทะเลกำลัง หาอาจหาเจอไม่ได้ง่ายๆ บางทีอาจจะเป็นสมบัติที่สัตว์เวทย์ทะเลดูแลอยู่และถูกมนุษย์ที่บ้าบอเอาไปก็ได้  หากเป็นสมบัติจะหาเจอง่ายๆ ได้อย่างไร แคลร์เหลือบไปมองภาพที่แสดงในลูกแก้วแต่    ไม่พบอะไรผิดปกติเลย 

 

 

คามิลล์เหล่มองลูกแก้วโดยไม่พูดอะไร 

 

 

ทันใดนั้นภาพด้านล่างของลูกแก้วก็เปลี่ยนไป ท่ามกลางสถานที่มืดมิดและชื้นแฉะ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังคู่หนึ่งก็ปรากฎฏ    ขึ้น  จากนั้นภาพก็เปลี่ยนกลับไปเหมือนเดิม 

 

 

“นี่มันอะไรกัน?” คามิลล์จับจุดที่ผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว 

 

 

“พลังเวทย์ไม่เพียงพอแล้วหุ่นเวทย์กำลังกลับมาที่นี่    ” ใบหน้าของแคลร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย นางเข้าใจภาพที่เห็นเมื่อครู่นี้     เจ้าของดวงตานั้นพบหุ่นเวทย์ตัวนี้และต้องการสื่อข้อความบางอย่าง 

 

 

“หุ่นเวทย์ตัวไหน?” ใบหน้าของคามิลล์ยังคงมีรอยยิ้มที่สง่างาม 

 

 

“มันคือหนู คนๆ นั้นอยู่ใต้ดิน” แคลร์ขมวดคิ้ว จะเกี่ยวข้องหรือ?ดวงตาคู่นั้นที่ปรากฏในลูกแก้วเมื่อกี้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้งั้นหรือ? 

 

 

“โดยทั่วไปแล้วจะมีคุกใต้ดินอยู่ใต้คฤหาสน์ของเจ้าเมือง” คามิลล์พูดเบาๆ จากนั้นเมื่อเห็นดวงตาของแคลร์มองมาที่เขา เขาก็ส่ายหัวทันทีและพูด “อย่าคิดว่าข้าจะช่วยเจ้าสอบสวนเรื่องนี้ ที่แบบนั้นมันสกปรกและชื้นด้วย ตอนนี้เจ้าคงไม่มีเวลากังวลเรื่องนี้หรอกใช่หรือไม่?” 

 

 

“แล้วถ้ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีของสัตว์เวทย์ทะเลล่ะ?” แคลร์มองคามิลล์แล้วพูดเบาๆ 

 

 

“ไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง?” คามิลล์หันหน้าไป 

 

 

“ไปเถอะ ไปเป็นเพื่อนข้าหน่อย ท่านราชานักฆ่า มีเพียงทักษะไร้ตัวตนของท่านเท่านั้นที่สามารถทำเรื่องที่ยากเย็นเช่นนี้ได้” แคลร์พูด และหันหลังกลับเพื่อเดินไปข้างหน้า คามิลล์เดินตามไปทันทีพร้อมกับรอยยิ้มที่สวยงาม “โอ้ หัวหน้า ได้โปรดสรรเสริญข้าต่อสิ ไปเถอะ เราไปดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” 

 

 

“ทักษะของท่านไม่มีใครเทียบได้ การรับรู้ที่เฉียบแหลมของท่านก็ทำให้ข้ารู้สึกชื่นชมมาก ท่าทางที่สง่างามของท่านทำให้ข้ารู้สึกนับถือมาก…” แคลร์พูดคำเหล่านี้อย่างนุ่มนวลด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ นางเดินตรงไปข้างหน้า โดยมีคามิลล์ตามมาติดๆ ด้วยรอยยิ้มที่มัวเมากับคำชื่นชม 

 

 

ทั้งสองเงียบหายไปในเวลากลางคืน 

 

 

แคลร์ถอนหายใจโล่งอก คนเก่งอย่างคามิลล์ที่ยิ้มได้ทั้งวันกลับเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะอยู่ในความมืด ความมืดมิดคือโลกของคามิลล์ เขาทั้งเก่งกาจและเป็นเหมือนผี เห็นได้ชัดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่ แต่คามิลล์กลับสามารถแอบเข้าไปในคุกใต้ดินของคฤหาสน์ของเจ้าเมืองได้อย่างเงียบเชียบพร้อมกับแคลร์ ประตูลับทุกบานดูราวกับว่าผู้ออกแบบได้บอกกับคามิลล์เอาไว้คามิลล์เดินไปข้างหน้าอย่างไม่เร่งรีบและทำได้ทุกอย่างโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ 

 

 

คุกใต้ดินที่ทั้งมืดและชื้น มีกลิ่นอับและไม่มีมนุษย์ให้เห็นอยู่แม้แต่น้อยร่างที่เห็นในลูกแก้วเป็นนักโทษที่ไม่มีเวลาเคลื่อนย้ายออกไปใช่หรือไม่? เมืองนี้กำลังจะถูกสัตว์เวทย์ทะเลเข้าครอบงำ ผู้คนทั้งหมดจึงถูกย้ายออกไป หากทั้งหมดถูกย้ายออกไป แล้วคนที่ถูกทอดทิ้งที่นี่ล่ะ หรือว่าคนๆ นั้นมีโทษหนักมา เขาจะเป็นหรือตายก็ไม่สำคัญงั้นหรือ? 

 

 

ไม่ว่าประตูคุกใต้ดินจะเปิดกว้างหรือเปิดแค่ครึ่งหนึ่ง พวกเขาก็สามารถเห็นได้ว่าข้างในที่รกเลอะเทอะนั้นไม่มีคนอยู่ ทางเดินลึกนำไปสู่คุกใต้ดินห้องสุดท้าย คามิลล์หยุดและหันไปพยักหน้าเล็กน้อยให้แคลร์ บ่งบอกว่ามีคนอยู่ข้างใน แคลร์รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่แผ่วเบาภายในนั้น 

 

 

คามิลล์ดึงกริชของเขาออกมาและผลักเปิดประตูคุกใต้ดินที่สกปรกด้วยปลายกริช ทันใดนั้นสายตาของคนทั้งสองก็ตะลึง 

 

 

เด็กหนุ่มคนหนึ่งถูกมัดโดยมีผ้าผืนหนึ่งปิดส่วนที่สำคัญที่สุดของเขาไว้ ปากของเขาถูกปิดด้วยผ้าอีกชิ้นหนึ่ง ผมสีดำสนิทของเขายาวถึง เท้าใบหน้าที่แห้งเ**่ยวแค่คมมนราวกับหยกของเขาดูมีเสน่ห์ ช่างเป็นเด็กที่งดงามมาก! เมื่อเห็นแคลร์และคามิลล์ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย เขาส่งเสียงฮึดฮัดและดิ้นรน แต่มือและเท้าของเขาถูกขึงมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา 

 

 

คามิลล์ส่ายหัว แต่เขาไม่ได้มีทีท่าว่าจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลดมันออกเลย 

 

 

แคลร์ก้าวไปข้างหน้านางดึงผ้าออกจากปากของเด็กชายผู้น่าหลงใหลและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เจ้าเป็นใคร? ทำไมเจ้าถึงถูกขังอยู่ที่นี่?” 

 

 

จากนั้นประโยคแรกของชายหนุ่มก็ทำให้แคลร์ตะลึง 

 

 

“ผู้อัญเชิญ หิว แผนการ น้องสาวเจ้าเมือง สัตว์เลี้ยงตัวผู้ ไม่ ถูกกักขัง… ” เด็กชายพูดอย่างอ่อนแรงทีละคำ 

 

 

แคลร์มองเด็กคนนั้น ไม่ บังเอิญขนาดนั้นใช่หรือไม่ เขาเป็นผู้อัญเชิญงั้นหรือ? พูดแบบนี้ก็มีความหวังที่จะแก้ปัญหาเรื่องสัตว์เวทย์ทะเลที่บ้าคลั่งแล้วสิ? แคลร์อยากยืนยันให้มั่นใจอีกครั้ง “เจ้าเป็นผู้อัญเชิญหรือ?” แต่ว่าประโยคที่ไม่ต่อเนื่องเหล่านั้นหมายความว่าอย่างไรล่ะ? 

 

 

“เขาเป็นผู้อัญเชิญ แต่เพราะรูปลักษณ์ที่งดงามของเขาทำให้ น้องสาวของเจ้าเมืองจึงชอบเข้าให้ จากนั้นเขาเกิดหิวพอดีจึงถูกวางยาเพราะนางมีแผนที่จะจับเขา นางขู่ว่าจะให้เขาเป็นสัตว์เลี้ยงตัวผู้ของนาง แต่เขาไม่ยอมทำตาม เขาจึงถูกกักขังไว้ในคุกใต้ดินอันมืดมิดนี้” คามิลล์หรี่ตาและสร้างประโยคคำพูดของเด็กชายขึ้นมา 

 

 

แคลร์กระพริบตามองคามิลล์ที่มีรอยยิ้มบนใบหน้า เมื่อนางหันมมองเด็กหนุ่ม เขาก็มีความยินดีในดวงตานางตระหนักได้ว่าคามิลล์เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเด็กหนุ่มหมายถึงอะไร 

 

 

“อาจารย์ ข้าเพิ่งจะค้นพบเป็นครั้งแรกว่าท่านเป็นนักวิชาการที่มีความสามารถมากมายจริงๆ    ” แคลร์พูดประโยคดังกล่าวอย่างเคร่งขรึม จากนั้นก็หันไปมองเด็กชายและพูดต่อ “เจ้าสื่อสารกับสัตว์เวทย์ทะเลได้หรือไม่? สัตว์เวทย์ทะเลในทะเลนอกเมืองนั้นโจมตีท่าเรือ เจ้าสามารถสื่อสารกับพวกมันได้ใช่หรือไม่?” 

 

 

“พวกมัน ช่วยข้า ทำลายที่นี่” เด็กหนุ่มพึมพัมคำพูดเหล่านี้ 

 

 

“สัตว์เวทย์ทะเลเหล่านั้นมาที่นี่เพื่อช่วยเขาและจะทำลายเมืองนี้” คามิลล์ปัดผมบนหน้าผากของเขาอย่างสง่างาม    และเรียบเรียงคำพูดของเด็กชายให้เป็นประโยคโดยไม่รู้ตัว หลังจากพูดจบคามิลล์ก็ได้สติกลับมาจากสิ่งที่เขาพูด ดวงตาของคามิลล์เบิกกว้างและมองชายหนุ่มที่น่าหลงใหลด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ สัตว์เวทย์ทะเลเหล่านั้นถูกเรียกมาโดยชายหนุ่มผู้อ่อนแอคนนี้งั้นหรือ?! 

 

 

“เช่นนั้นพวกสัตว์เวทย์ทะเลที่อยู่ข้างนอกก็ถูกเจ้าเรียกมาทั้งหมดเลยงั้นหรือ? โดยที่เจ้าไม่ต้องใช้เวทย์และวัตถุใดๆ มาช่วยเลย เจ้าเรียกพวกมันด้วยจิตวิญญาณงั้นหรือ?” แคลร์ไม่แปลกใจ นางขมวดคิ้วและมองชายหนุ่มที่กำลังมีปัญหาผู้นี้ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มผู้นี้ไม่สามารถอธิบายได้เลย พลังของเขาน่ากลัวมาก แต่ชายหนุ่มที่มีพลังน่ากลัวเช่นนี้กลับต้องมาอยู่ในที่เช่นนี้ในตอนนี้จะให้นางเชื่อถือได้อย่างไร? เว้นแต่คนๆ นี้จะโง่เหมือนหมู เมื่อนึกถึงสิ่งนี้แคลร์ก็รู้สึกหนาวสั่นในหัวใจ ก็ไม่แน่ว่าเด็กที่มีเสน่ห์คนนี้อาจจะโง่เหมือนหมูก็ได้! คนที่ถูกวางยาเพราะหิวจะฉลาดแค่ไหนกันเชียว? 

 

 

“เจ้าเมืองดูไม่เหมือนคนที่จะยอมให้น้องสาวทำเรื่องแบบนี้    เลย” แคลร์แตะคางของนางและคิดโดยไม่ได้คลายผ้าที่มัดเด็กชายไว้แต่อย่างใด เด็กชายก็บิดตัวและพูดพึมพำ    ว่า… หิว 

 

 

“เรื่องนี้    ง่ายมาก นั่นก็เพราะ    เจ้าเมืองไม่รู้เรื่องนี้ หลังจากที่ผู้ชายคนนี้ตื่นขึ้น เขาก็เรียกสัตว์เวทย์ทะเลที่เขาสามารถเรียกได้เพื่อจะหนี     แต่ทุกคน    หนีไปแล้ว คนที่จับเขาก็ไม่กล้าที่จะพาเขาไปด้วยและไม่มีเวลาที่จะปล่อยเขาไป พวกเขาหวัง    ให้เขาตาย ในฐานะน้องสาวของเจ้าเมืองแน่นอนว่าการลักพาตัวเด็กหนุ่ม    ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก” คามิลล์พูดอย่างรวดเร็ว 

 

 

แคลร์เห็นความสุขในดวงตาของเด็กหนุ่มอีกครั้ง เกรงว่าเด็กหนุ่มคนนี้    คงจะเป็นอย่างที่คามิลล์พูดจริงๆ 

 

 

“เจ้าชื่ออะไร?” แคลร์มองเด็กหนุ่มที่น่าหลงใหลตรงหน้าแต่ก็ยังไม่ได้คิดที่จะปลดให้เขาเป็นอิสระ 

 

 

“ตงเฟิงโฮ่ว” ชายหนุ่มผู้น่าหลงใหล    กระพริบตา มองไปที่แคลร์ จากนั้นก็พูดต่อ “หิว” 

 

 

ในที่สุดแคลร์ก็ค้นพบว่าผู้อัญเชิญที่น่ากลัวผู้นี้ไม่ได้มีความสามารถในการพูด    เลย! ดวงตาของชายหนุ่มคนนี้บริสุทธิ์เหมือนคริสตัล คล้ายใครกันนะ? แคลร์กำลังค้นหาอยู่ในใจ ใช่แล้ว! คล้ายกับเฉียวฉู่ซิน!      ความรู้สึกที่บริสุทธิ์ของคนที่ไม่เคย    ก้าวเข้าสู่โลกกว้าง      ชายหนุ่มคนนี้เพิ่งออกมาจากภูเขาลึกหรือ    ป่าเพื่อเริ่มต้นชีวิตงั้นหรือ? แต่เขาเสียเปรียบและถูกจับไปทรมานก่อนที่จะมีชื่อเสียงใดๆ งั้นสิ? 

 

 

“หิวๆๆๆ… ” ตงเฟิงโฮ่วจ้องไปที่แคลร์และพูดคำนี้อย่างเดียวไม่พูดคำอื่นเลย 

 

 

แคลร์มองตงเฟิงโฮ่ว มีแสงเย็นเยือกในดวงตา     และนางก็ไม่ได้พูดอะไรไปสักพัก 

 

 

………………………………………………………………………………