ตอนที่ 113 มีเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้อยู่บนโลกจริง ๆ หรือ ?

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 113 มีเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้อยู่บนโลกจริง ๆ หรือ ?

สิ้นเสียงผู้อาวุโสท่าทางดุดัน ทั้งถูซื่อและจ้าวปีศาจพยัคฆ์ดำทั้งสอง ต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปแทบจะพร้อม ๆ กัน

‘เฮยฉางหลิงตายอยู่ในดินแดนจงหยวนของพวกมนุษย์’

‘แต่สุดท้ายเขากลับมิได้ตายด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์เยี่ยงนั้นหรือ’

‘เช่นนั้นก็เป็นปัญหาแล้ว เหตุใดดินแดนจงหยวนถึงมีผู้ที่น่ากลัวเพียงนี้ได้ ? ’

‘และที่สำคัญผู้ที่น่ากลัวผู้นี้ยังมิใช่มนุษย์อีกด้วย’

‘หรือว่าจะเป็นปีศาจ ? ’

‘หรือว่าจะเป็นคนของเผ่ามาร’

‘แต่นี่มันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี ! ’

แต่เวลานี้สิ่งที่ถูซื่อคิดภายในใจกลับแตกต่างจากจ้าวปีศาจพยัคฆ์ดำทั้งสองโดยสิ้นเชิง

นางคิดว่าหากมิมีสิ่งใดผิดพลาดล่ะก็ เฮยฉางหลิงคงจะตายเพราะยอดฝีมือลึกลับที่เอ่ยเตือนนางก่อนหน้านี้เป็นแน่

อีกทั้งยอดฝีมือที่น่ากลัวท่านนั้น ยังได้บอกอีกว่านายท่านของเขาพักผ่อนอยู่ที่เมืองแห่งนั้น

เช่นนั้นก็เป็นไปได้ว่ายอดฝีมือที่น่ากลัวท่านนั้น บางทีอาจจะมิใช่มนุษย์ก็เป็นได้

แต่นายท่านของเขาจะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่เป็นมนุษย์อย่างแน่นอน

แต่สามารถเป็นนายของยอดฝีมือที่น่ากลัวเช่นนี้ได้

ผู้แข็งแกร่งที่เป็นมนุษย์ท่านนั้นแท้จริงแล้วน่ากลัวเพียงใดกันแน่นะ ?

น่าเหลือเชื่อ !

น่าเหลือเชื่อจริง ๆ !

คิดถึงตรงนี้ บรรพบุรุษของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณอย่างถูซื่อ จ้าวปีศาจที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มาเกือบล้านปี

ก็รู้สึกเย็นวาบที่สันหลังขึ้นมาทันที อดมิได้ที่จะรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน

ตอนนั้นเองผู้อาวุโสท่าทางดุดันก็ได้แค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา “ข้าดูแล้วเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะเฮยฉางหลิงที่หาเรื่องใส่ตัว ! ”

“สูด ! ”

จ้าวปีศาจเผ่าพยัคฆ์ดำทั้งสองได้ยินเช่นนั้นต่างก็สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เหงื่ออันเย็นเฉียบผุดออกมาตามหน้าผาก

“ก่อนหน้านี้ ตอนที่เพลงฮั่วฟานถูกบรรเลงขึ้น ข้าเคยบอกพวกเจ้าแล้วว่า ก่อนที่เผ่ามารในแดนร้างทางเหนือจะบุกโจมตีจงหยวน พวกเราเทือกเขาแดนใต้ห้ามเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น”

ผู้อาวุโสท่าทางดุดันเอ่ยถึงตรงนี้ก็แค่นเสียง “หึ” ออกมา พร้อมกับแผ่ไอพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาทันที

แววตาเย็นเฉียบกวาดมองถูซื่อแล้วจึงเอ่ยต่อว่า “แต่สุดท้ายเขากลับกล้าไปทำร้ายผู้พิทักษ์ราตรีแดนใต้ของจงหยวน ทั้งยังบุกเข้าจงหยวนโดยมิมีความเกรงกลัวใด ๆ แม้แต่น้อย”

“ท่านชิวหลงได้โปรดระงับโทสะด้วยขอรับ ! ”

จ้าวปีศาจพยัคฆ์ดำทั้งสองใบหน้าซีดเผือดลงทันที ก่อนจะคุกเข่าลงแทบจะพร้อมกัน

ผู้อาวุโสอาภรณ์สีเลือดเอ่ยอีกว่า “การกระทำของเฮยฉางหลิงช่างโอหังยิ่งนัก การที่เขาต้องตายในดินแดนจงหยวนของพวกมนุษย์ก็สมควรแล้ว ขอท่านชิวหลงอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลยขอรับ”

“เอาล่ะ พวกเจ้าสองคนไปได้แล้ว”

ผู้อาวุโสท่าทางดุดันถอนหายใจออกมา “พวกเจ้าสองคนกลับไปแจ้งทุกเผ่าให้ทราบว่า ข้าขอสั่ง หากจ้าวปีศาจของเผ่าใดกล้าบุกเข้าจงหยวนอีก เผ่าปีศาจเหล่านั้นจะถูกขับออกจากเทือกเขาแดนใต้ทันที ! ”

“ขอรับ ! ”

จ้าวปีศาจพยัคฆ์ดำทั้งสองรับคำสั่งอย่างหนักแน่น ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและถอยออกไป

“ท่านชิวหลง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้าน้อยก็ขอตัวลาก่อนนะเจ้าคะ”

ถูซื่อเห็นสถานการณ์มิดีนัก จึงคิดหาทางหลบเลี่ยง

ผู้อาวุโสท่าทางดุดันปรายตามองถูซื่อ พร้อมเอ่ยเสียงเรียบว่า “ช้าก่อน ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”

ถูซื่อลังเลเล็กน้อย พลางเหลือบตามองผู้อาวุโสท่าทางดุดันด้วยความหวาดหวั่น ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ

มินาน หลังจากจ้าวปีศาจพยัคฆ์ดำทั้งสองจากไปแล้ว

ผู้อาวุโสท่าทางดุดันก็หรี่ตาลง พร้อมถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “จ้าวปีศาจจิ้งจอกวิญญาณ เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอันใดงั้นหรือ ? ”

ถูซื่อลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยตามตรงว่า “เรียนท่านชิวหลง เมื่อครู่เหนือเขาดอกท้อชิงชิวปรากฎเมฆามงคล แต่ผู้น้อยกลับสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าโชคของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณลดน้อยลงอย่างมาก”

“ผู้น้อยมิทราบว่า ผู้แข็งแกร่งท่านใดต้องการช่วงชิงโชคของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณไป เช่นนั้นจึงได้มาเพื่อขอคำชี้แนะจากผู้อาวุโสเจ้าค่ะ”

ผู้อาวุโสท่าทางดุดันได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะลุกขึ้นยืน

พร้อมกับเอามือไพล่หลังแล้วค่อย ๆ ก้าวมาด้านหน้า

ในขณะนั้นเอง พลังปราณอันน่าอัศจรรย์ก็เคลื่อนที่อยู่รอบกายของผู้อาวุโสท่าทางดุดัน

ขณะเดียวกันเงาดำขนาดใหญ่ที่ปกคลุมด้านหลังของเขาก็สั่นไหวไปมา ทำให้ด้านบนเกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้นมา

จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งก้านธูป

พลังปราณอันน่าอัศจรรย์บนกายของผู้อาวุโสก็ค่อย ๆ จางหายไป เงาดำด้านหลังก็ค่อย ๆ สงบลง

ในที่สุดผู้อาวุโสท่าทางดุดันก็ได้เอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “เมฆามงคลที่ปรากฏเหนือเขาดอกท้อของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของเจ้ามิได้มีปัญหาอันใด”

“ท่านชิวหลง…”

ถูซื่อกำลังจะเอ่ยขึ้น แต่ผู้อาวุโสท่าทางดุดันกลับโบกมือขัดขึ้นเสียก่อน พลางเอ่ยถามขึ้นว่า “หากข้าจำมิผิด เผ่าจิ้งจอกวิญญาณของพวกเจ้ามีเด็กน้อยผู้หนึ่งตอนที่กำเนิดท้องฟ้าปรากฏลางบอกเหตุขึ้น อีกทั้งสายเลือดยังมีสัญญาณเปลี่ยนแปลงด้วยใช่หรือไม่”

“ห๊ะ ! ”

ถูซื่อชะงักไปเล็กน้อย

ใช่แล้ว !

ถูสือซานเป็นเด็กน้อยที่โดดเด่น ที่หลายแสนปีจะถือกำเนิดขึ้นในเผ่าจิ้งจอกวิญญาณ

และเพื่อจะได้ภาพเทพมารในตำนานภาพนั้นมาครอง นางจึงคิดที่จะใช้ถูสือซานเป็นเหยื่อล่อ

แต่สุดท้ายกลับพบยอดฝีมือลึกลับและน่ากลัวในดินแดนจงหยวนเสียก่อน

คิดถึงเรื่องนี้แล้วดวงตาของถูซื่อพลันเปล่งประกายบางอย่างขึ้นมา

‘หรือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่เขาดอกท้อวันนี้จะเกี่ยวข้องกับถูสือซาน ? ’

“ท่านชิวหลง…”

ถูซื่อมีสีหน้าแปลกใจทันทีราวกับคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนหันไปมองผู้อาวุโสท่าทางดุดัน

สุดท้ายเมื่อนางกำลังจะเอ่ยบางอย่างออกมา ทว่าก็ถูกขัดขึ้นอีกครั้ง

“ดูเหมือนว่าเจ้าคงจะคิดออกแล้วสินะ”

ผู้อาวุโสเอามือไพล่หลังด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ และเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคยว่า “ถูกต้อง มีผู้แข็งแกร่งช่วงชิงโชคของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณไปจริง ๆ แต่เพื่อต้องการที่จะมอบให้เด็กน้อยของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณผู้นั้น”

“แต่ว่า ข้าก็คงต้องบอกข่าวร้ายข่าวหนึ่งให้เจ้าได้รู้เอาไว้”

ผู้อาวุโสชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อ “หากเป็นเช่นนั้น ชีวิตนี้แม้เจ้าจะสามารถบรรลุระดับที่สูงกว่านี้ได้ แต่การจะขึ้นสวรรค์นั้นคงจะสิ้นหวังเสียแล้ว แต่เด็กน้อยเผ่าจิ้งจอกวิญญาณผู้นั้นมีหวังที่จะขึ้นสวรรค์ได้อย่างแน่นอน”

ถูซื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงงันไปทันที

ตั้งแต่นางเริ่มบำเพ็ญเพียรมาจวบจนถึงวันนี้ ใช้เวลาเกือบล้านปี

ความหวังสูงสุดในชีวิตของนางก็เหมือนกับเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่น ๆ ที่ล้วนแต่หวังว่าจะสามารถหลุดพ้นจากพันธนาการที่มีมาแต่กำเนิดได้

แต่บัดนี้ยอดฝีมือบางคนกลับช่วงชิงโชคของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณไป เพื่อมอบให้แก่เด็กน้อยผู้หนึ่ง

นี่ก็หมายความว่าต่อให้นางบำเพ็ญเพียรเยี่ยงไร สุดท้ายแล้วก็ถูกกำหนดให้เหลือเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น

คิดถึงตรงนี้นางก็ได้เดินเข้าไปหาผู้อาวุโสด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน

ผู้อาวุโสปรายตามองถูซื่อที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ก่อนจะเอ่ยถามถึงอีกเรื่องว่า “การที่ร่างจริงของเจ้าเข้าไปยังจงหยวน คงจะวิ่งตามสมบัติบางอย่างไปใช่หรือไม่ ? ”

“เรียนท่านชิวหลง เป็นสมบัติล้ำค่าจริง ๆ เจ้าค่ะ”

ถูซื่อสงบสติอารมณ์ลงครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างตรงไปตรงมา

เพราะท่านชิวหลงผู้นี้คือหนึ่งในผู้ปกครองตัวจริงของเทือกเขาแดนใต้

มีพลังแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แม้แต่ผู้ที่อยู่ในช่วงยุคทองเช่นนาง ก็ยังมิอาจต้านทานได้อย่างแน่นอน

อีกทั้งมิว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเทือกเขาแดนใต้ ล้วนมิสามารถหลุดรอดสายตาของเขาได้

เช่นนั้นถูซื่อจึงมิกล้าปิดบังใด ๆ

“สมบัติล้ำค่างั้นหรือ ? ”

ผู้อาวุโสขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพิจารณาถูซื่อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

‘เพื่อสมบัติเพียงหนึ่งชิ้น กลับทำให้จ้าวปีศาจผู้ยิ่งใหญ่มุ่งหน้าเข้าสู่จงหยวนอย่างมิลังเล’

‘เช่นนั้นสมบัติชิ้นนั้นคืออะไรกันแน่ ? ’

ถูซื่อมองผู้อาวุโส ก่อนจะตอบตามตรงว่า “ท่านชิวหลง มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นภาพเทพมารในตำนานเจ้าค่ะ”

“ว่ายังไงนะ ! ”

ผู้อาวุโสท่าทางดุดันได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ท่าทางเต็มไปด้วยความตื่นตกใจเหลือคณา

“มีเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้อยู่บนโลกจริง ๆ หรือ ? ”

เนิ่นนานกว่าที่ผู้อาวุโสจะกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยถามขึ้น