หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.397 – สามสิ่งประดิษฐ์เทวะ

 

เหล่าอาวุธนิ่งงันไป

 

“นั่นหมายความว่าอย่างไร?” วิหคขาวเอ่ยถามดาบพิภพอย่างเงียบๆ

 

“ข้าก็ไม่ค่อยจะกระจ่างเช่นกัน” ดาบพิภพตอบ

 

ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าวอย่างจริงจังว่า “ท้ายที่สุดแล้วพวกเราน่ะคืออาวุธ ดังนั้นจึงมิอาจเข้าใจในบางบริบทของมนุษย์ได้ เจ้าโปรดกล่าวออกมาตรงๆเถอะ”

 

กู่ฉิงซาน “ในเมื่อทุกอย่างถูกสร้างขึ้นโดยเผ่ามาร ถ้าอย่างงั้นเราก็ต้องหาทางจัดการเผ่ามารก่อนเป็นอันดับแรก”

 

วิหคขาวถาม “จัดการเผ่ามาร? แล้วเรื่อง 18 ขุมนรกที่กำลังแย่งชิงตำแหน่งราชาภูติเล่า?”

 

“ปัญหานี้ต้องแก้ทีละข้อ อันดับแรกเราจะทิ้งเรื่องราชาภูติเอาไว้ก่อน”

 

“ทว่าทั่วทั้งโลกปรภพน่ะเต็มไปด้วยเผ่ามาร แถมยังมีมารแมงมุมเขมือบวิญญาณอีก เจ้ามั่นใจแค่ไหนกันเชียว?”

 

กู่ฉิงซาน “ข้าเองก็ไม่มั่นใจหรอก แต่บางทีข้าสมควรจะลงมือทำก่อน แล้วค่อยมาว่ากันทีหลัง”

 

“งั้นก็บอกข้ามา ว่าจะต้องทำอย่างไร”

 

“ข้าอาจจำเป็นต้องการความช่วยเหลือจากอาวุธที่สามารถสำแดงกฏเกณฑ์ของภูเขาล้อมเหล็ก – ที่สามารถป้องกันการโจมตีจากหอกหลากสีได้”

 

“เข้าใจแล้ว แต่ยามนี้มันได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วก็อาจจะไม่สามารถป้องกันได้อีกต่อไปแล้วก็ได้นะ”

 

“ข้าจะไม่ให้มันฝืนตัวเกินไปนักหรอก แต่ประเด็นสำคัญก็คือ ตอนนี้เราต้องค้นหามันให้เจอเสียก่อน”

 

ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว “หากเป็นเรื่องนี้ย่อมง่ายที่จะทำ พวกเรา 66 อาวุธโบราณน่ะเป็นร่างสมบูรณ์ของกฏเกณฑ์แห่งปรภพ ดังนั้น ตราบใดที่มี 7-8 อาวุธกวาดจิตสัมผัสเทวะออกไปพร้อมกัน พวกเราก็จะรับรู้ถึงตัวตนของมันได้ว่าอยู่ที่ไหน”

 

กู่ฉิงซานกล่าว “งั้นดูเหมือนว่าเราจะต้องกลับไปที่วิหารสักการะสิ่งประดิษฐ์เทวะ”

 

……..

 

มารแมงมุมเขมือบวิญญาณกำลังยืนอยู่เหนือสุดของตัววิหาร

 

เนื่องจากตอนนี้มันถูกค้นพบแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่คิดหลบซ่อนอีกต่อไป

 

มารแมงมุมไม่ปกปิดตัวตน สายตาเอาแต่จดจ้องไปยังสายธารแห่งการหลงเลือนชนิดหัวชนฝา

 

เมื่อครู่ ตนพึ่งถูกยั่วยุมา

 

สำหรับมารแมงมุมแล้ว นี่คือความอัปยศอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

‘หากเจ้ามนุษย์นั่นกล้าที่จะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแล-’

 

ขณะที่มันกำลังคิดอยู่นั้นเอง ตนก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งอย่างกระทันหัน

 

มารแมงมุมยืดตัวตรง และก้มจดจ้องลงไปทางสายธารแห่งการหลงเลือน

 

ก๊าซซซ!

 

มารแมงมุมแผดเสียงข่มด้วยความโกรธแค้น

 

เจ้ามนุษย์คนนั้นมันกลับมาแล้วจริงๆ!

 

กู่ฉิงซานยืนอยู่เหนือผิวน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือน หันไปมองรอบๆเพื่อกะระยะหลบเลี่ยงมัน

 

เขามองไปที่มารแมงมุม และมารแมงมุมก็กำลังมองมาที่เขา

 

ระยะห่างระหว่างทั้งสอง สามารถเห็นอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

 

และระยะห่างที่ไกลเช่นนี้แล กู่ฉิงซานจึงรู้สึกโล่งใจ

 

ดาบเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นข้างกายเขา

 

ดาบพิภพ

 

กู่ฉิงซานเปล่งเสียงกล่าว “ทำตามแผนส่วนแรก”

 

“น้อมรับคำสั่ง” ดาบพิภพตอบสนอง

 

บังเกิดแสงกระพริบไหว

 

ดาบพิภพพรวดไปยังหน้าอกของมารแมงมุม จี้แทงลงตรงเข้าหัวใจของอีกฝ่าย

 

เคร้ง!

 

มารแมงมุมยกแขนขึ้น และฟาดกระแทกดาบพิภพด้วยฝ่ามือเดียวจนปลิวออกไป

 

ทว่าดาบพิภพก็บินกลับมาอีกครั้ง และสับลงบนมารแมงมมุมอีกที

 

แล้วมารแมงมุมก็เพียงแค่โบกมือออกไป

 

เคร้ง!

 

ดาบพิภพถูกตบคว่ำอีกครั้ง

 

มารแมงมุมตรวจสอบร่างกายตนเองเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าไม่ปรากฏร่องรอยใดๆบนผิวหนังของตน

 

“มนุษย์ เจ้ามันอ่อนแอเกินไป การโจมตีนี่ไม่อาจทำให้ข้ารู้สึกคันด้วยซ้ำ” มารแมงมุมเขมือบวิญญาณเยาะหยัน

 

แต่กู่ฉิงซานไม่กล่าวสวนกลับไปสักคำ

 

แล้วดาบพิภพก็ลงมืออีกที

 

มารแมงมุมป้องกันอีกครั้ง

 

ดาบพิภพถูกฟาดตบอีกครา ทว่าไม่นานมันก็ย้อนกลับมา

 

เวลานี้มารแมงมุมเริ่มจะทนไม่ไหว

 

“โง่เง่า การโจมตีเพียงผิวเผินของเจ้าน่ะมันไร้ประโยชน์ มิอาจสร้างความเจ็บปวดแก่ข้าได้!” มันตะโกน

 

อย่างไรก็ตาม กู่ฉิงซานดูจะไม่แยแสถึงคำกล่าวของมัน เขาเพียงควบคุมดาบต่อไป และพยายามที่จะตัดสับลงบนตัวมันอย่างไม่หยุดยั้ง

 

มารแมงมุมปัดป้องนิดๆหน่อยไปร้อยกว่าครั้ง แล้วทันใดนั้นมันก็ไม่คิดปัดป้องอีกต่อไป

 

ดาบพิภพตัดลงบนตัวของมัน  และแน่นอนว่ามิอาจเจาะทำลายผิวหนังได้

 

กู่ฉิงซานทำการเปลี่ยนสมญาเทพสงครามไปเป็น ‘นายพลชั้นโหยวจี’ ในทันใด

 

ความว่องไวในการโจมตีเพิ่มขึ้น 15%!

 

หนึ่งดาบฟาดฟันออกไป

 

สองดาบฟาดฟัน

 

สามดาบ

 

…….

 

กระทั่งครบเจ็ดดาบ

 

แล้วร่างของกู่ฉิงซานก็จมลงไปยังเบื้องล่างของกระแสธาร ปากเอ่ยตะคอกรุนแรง “ตอนนี้ล่ะ ทุ่มเต็มกำลังเลย!”

 

ดาบพิภพเปล่งเสียงฮึมฮัมออกมา ร่ำร้องเป็นฟืนเป็นไฟ

 

เทคนิคลับแห่งดาบ เจ็ดดารา มังกรแหวกธารา!

 

มังกรสายฟ้าขนาดยักษ์ที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนปรากฏตัวขึ้น

 

ตั้งแต่ที่กู่ฉิงซานยกระดับขึ้นเป็นขอบเขตก้าวสู่เทพขั้นกลาง นี่นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่เขาเปิดใช้งานเทคนิคลับนี้

 

มังกรสายฟ้าอ้าปากงับลงบนร่างมารแมงมุม แล้วกระชากมันออกจากยอดสุดของตัววิหาร

 

พลังของเล่ยเดี๋ยนส่งผลกระทบให้มารแมงมุมรู้สึกอึดอัดทรมานเป็นอย่างมาก

 

“ไสหัวออกไปจากตัวข้าซะ!” มารแมงมุมตะโกนด้วยความโกรธ

 

มันคว้าจับบริเวณปากของมังกรสายฟ้า แล้วรีดพละกำลังแหวกออกอย่างแรง

 

แล้วตลอดทั้งหัวของมังกรสายฟ้าก็ถูกฉีกออกเป็นสองซีก กลายเป็นเส้นกระแสไฟฟ้าแตกกระเซ็นออกไปทุกทิศทางแลคล้ายงูที่กำลังเลื้อยหนีไปทั่วชั้นอากาศ

 

แล้วมารแมงมุมก็ก้มลง

 

มันพบว่าบัดนี้ตนเองกำลังยืนอยู่ใกล้กับขอบชายฝั่งของสายธารแห่งการหลงเลือน

 

ทันใดนั้นเอง มารแมงมุมก็สัมผัสได้ในทันใดว่าจิตสัมผัสเทวะกำลังโอบเข้าปกคลุมตัวมันเอง

 

-เมื่ออยู่ต่อหน้าตน จู่ๆอีกฝ่ายก็ปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกมาอย่างกระทันหัน!

 

มันบังเกิดความสุขขึ้นในทันใด  และคิดเริ่มใช้งานพลังศักดิ์สิทธิ์ของตน ปะปนเข้ากับจิตสัมผัสเทวะของอีกฝ่ายเพื่อสร้างความสับสน

 

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างสายเกินไปเสียแล้ว

 

กู่ฉิงซานตามรังควาน ยั่วยุมันมานาน จากนั้นก็ใช้เจ็ดดารามังกรแหวกธาราจู่โจมออกไปเพื่อดึงดูดความสนใจของมารแมงมุม การกระทำทั้งหมด – ก็เพื่อหมายมั่นที่จะคว้าโอกาสเสี้ยวพริบตานี้!

 

ระหว่างกระบวนการอันดุเดือด จู่ๆทุกอย่างพลันแปรเปลี่ยนกลับกลาย!

 

กู่ฉิงซานปรากฏตัวขึ้นในตำแหน่งของมารแมงมุม

 

ขณะเดียวกันตัวมารแมงมุมก็ปรากฏขึ้นในสายธารแห่งการหลงเลือน

 

สกิลเทวะ ร่างเงาแทนที่!

 

การกระทำทั้งหมดนี้ของกู่ฉิงซาน ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะของอีกฝ่าย และฉวยโอกาสทีเผลอปล่อยจิตสัมผัสเทวะตนครอบคลุมมารแมงมุม จากนั้นก็สลับตำแหน่งด้วยร่างเงาแทนที่

 

มารแมงมุมที่อยู่บนผิวน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือนเริ่มตอบสนอง มันพยายามที่จะดิ้นรนขัดขืน

 

“ไม่นะ! นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!”

 

มันคำรามด้วยความอลหม่านสยองเกล้า “ข้า–”

 

แล้วเสียงก็ขาดหายไป

 

พร้อมกับร่างของมารแมงมุมที่จมลง

 

หลังจากผ่านพ้นไปอีก 2-3 ลมหายใจ ศพของมารแมงมุมก็ลอยผุดขึ้นมาอีกครั้ง

 

ศพมารแมงมุมลอยผลุบๆโผล่ๆ แต่ในไม่ช้ามันก็ไหลไปตามกระแสน้ำเชี่ยวของสายธารแห่งการหลงเลือนอย่างรวดเร็ว

 

และไม่มีใครรู้ว่าศพของมันจะถูกกระแสน้ำพัดพาไปที่ใด

 

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนรู้อย่างแน่นอน นั่นก็คือ –

 

จิตวิญญาณของมันไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว

 

กู่ฉิงซานยืนอยู่ริมขอบชายฝั่ง ผุดรอยยิ้มน้อยๆออกมา

 

แต่น่าเสียดายจริงๆที่ –

 

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ปรากฏบรรทัดแสงหิ่งห้อยเด้งออกมา

 

“เนื่องเพราะผู้ที่สังหารมารแมงมุมเขมือบวิญญาณแท้จริงแล้วคือสายธารแห่งการหลงเลือน ดังนั้นผู้เล่นจะไม่สามารถได้รับแต้มพลังวิญญาณ”

 

กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความเสียดาย

 

ตะขอเกี่ยววิญญาณลอยตามมา ปากเอ่ยชื่นชม “ช่างเป็นการลงมือที่งดงามนัก”

 

วิหคขาวก็บินตามเข้ามาเช่นกัน มันวนไปมารอบกู่ฉิงซานถึงสองรอบเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่านี่มันเรื่องจริงใช่ไหม

 

จากนั้นทั้งหมดก็เข้าไปในวิหารสักการะสิ่งประดิษฐ์เทวะ และเริ่มทำการปลุกอาวุธที่หลับไหล

 

ในความเป็นจริง อาวุธจำนวนมากได้ตื่นขึ้นมาก่อนแล้ว

 

นั่นคือ 36 อาวุธที่ทะยานขึ้นไปเหนือฟากฟ้าก่อนหน้านี้

 

กู่ฉิงซานมาถึงเบื้องหน้าของอาวุธจำนวนมาก แล้วเริ่มร่ายคาถาปลุกจิตอาร์ติแฟคทีละตน ทีละตน

 

อาวุธที่เหลือทยอยกันตื่นขึ้น และพบกับกู่ฉิงซาน

 

“ผู้น้อยกู่ฉิงซาน” กู่ฉิงซานประสานสองกำปั้นไปทางอีกฝ่าย

 

“ข้ากระบี่ทำลายวิญญาณ”

 

“ตัวข้าธนูทำลายเทพ”

 

“ผู้น้อยหอกเพลิงผลาญวิญญาณ”

 

“ข้าตาข่ายกักร้อยวิญญาณ ปรากฏกายแล้ว”

 

……

 

เหล่าอาวุธทั้งหมดกล่าวทักทายด้วยวิธีการที่แตกต่างกันออกไป

 

เมื่อมีตะขอเกี่ยววิญญาณช่วยพูดอยู่ข้างกายกู่ฉิงซาน อาวุธโบราณเหล่านั้นก็ทำความคุ้นเคยกับกู่ฉิงซานได้อย่างรวดเร็ว

 

กู่ฉิงซานลองนับดู พบว่ามีอาวุธถึง 11 ประเภท

 

(อาวุธชิ้นอื่นๆได้แยกตัวออกไปยังนรก เพื่อขัดขวางการถือกำเนิดของราชาภูติให้ล่าช้าออกไป)

 

นี่นับว่าเพียงพอแล้ว!

 

ทีนี้ เขาก็สามารถตามหาอาวุธที่ใช้พลังของภูเขาล้อมเหล็กได้แล้ว!

 

และมันเป็นอาวุธเดียวเท่านั้นที่สามารถทานทนต่อการโจมตีของหอกหลากสีได้!

 

เขาเพียงหวังว่าอาการบาดเจ็บของมันจะไม่ร้ายแรงเกินไปนัก

 

เพราะมันคือส่วนที่สำคัญที่สุดของกลยุทธ์นี้!

 

ขณะที่กู่ฉิงซานกำลังนึกคิด กลับพบว่าท้องฟ้าจู่ๆก็ส่องสว่างขึ้นทันใด

 

เหนือขึ้นไปท่ามกลางท้องฟ้าสีเหลืองอ่อน 36 อาวุธโบราณได้จัดตั้งมหาค่ายกลแห่งปรภพ ‘ผนึกมาร’ ได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

 

มหาค่ายกลค่อยๆทิ้งตัวลงมาจากชั้นอากาศเบื้องบนอย่างช้าๆ

 

และหอกหลากสีก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง มันจึงสาดแสงออกมาทันใด

 

แสงเรืองรองทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พุ่งปะทะเข้าด้วยกันกับแสงสีเหลืองจางๆที่ถาโถมลงมา

 

แสงเรืองรองค่อยๆชะลอความเร็วลง

 

ขณะที่ตลอดทั้งค่ายกลผนึกมารเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง

 

และตั้งแต่ที่กระแทกเข้าใส่กันในคราแรก ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตกอยู่ในสภาวะชะงักงัน!

 

อีกด้านหนึ่ง

 

มารแมงมุมเขมือบวิญญาณอีกตนได้เร่งนำเผ่ามารจำนวนนับไม่ถ้วนข้ามเนินเขา มุ่งตรงกลับไปยังวิหาร

 

การที่มารแมงมุมเขมือบวิญญาณตาย นี่นับว่าเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง!

 

สำหรับเผ่ามารแล้ว นี่คือเรื่องใหญ่ และส่งผลให้พวกมันตื่นตระหนก!

 

“เร็วเข้า รีบเก็บกวาดมันเหมือนที่เจ้าพึ่งทำไปเมื่อครู่นี้สิ!” วิหคขาวกล่าว

 

กู่ฉิงซานส่ายหัว “เวลามีจำกัด พวกเราไม่อาจถูกหยุดอยู่ที่นี่ได้ พวกเราจะต้องเริ่มดำเนินแผนขั้นต่อไปทันที”

 

“งั้นมาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังสายธารแห่งการหลงเลือนเอง!”

 

…….

 

ภายในสายธารแห่งการหลงเลือน

 

เหล่าอาวุธกำลังทำการตรวจจับตำแหน่ง ขณะเดียวกันก็นำกู่ฉิงซานตรงไปข้างหน้า

 

หลังจากผ่านพ้นไปกว่าหนึ่งชั่วยาม

 

เบื้องล่างของสายธารแห่งการหลงเลือน

 

บริเวณพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยหินสีเทาขาว

 

ที่นี่อยู่ห่างไกลจากภูเขาล้อมเหล็ก และไม่ใกล้ไม่ไกลจากถ้ำมืด

 

ทันใดนั้นอาวุธทั้งหมดก็พร้อมใจกันหยุดนิ่ง

 

“น่าแปลกใจนัก มันสมควรที่จะอยู่แถวๆนี้สิ” วิหคขาวกล่าว

 

ขณะเดียวกันเหล่าอาวุธอื่นๆก็หันไปมองทุกสถานที่

 

ทว่านอกจากโคลน และกระแสน้ำที่ไหลผ่าน ก็ไม่มีสิ่งใดอีกเลย

 

“มันอาจจะหลบซ่อนอยู่ใต้ดินหรือไม่?” ตะขอเกี่ยววิญญาณเปล่งเสียงออกมา

 

อาวุธมากมายพยายามฟาดทุบดู แต่ก็ไม่สามารถทำลายหินได้

 

“เบื้องล่างของสายธารแห่งการหลงเลือนก็คือส่วนหนึ่งของภูเขาล้อมเหล็ก ไม่มีใครสามารถทำลายมันได้หรอก” ตะขอเกี่ยววิญญาณเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง

 

“เช่นนั้นมันจะดีกว่าไหม หากพวกเราออกไปตามหารอบๆบริเวณนี้” กู่ฉิงซานกล่าว

 

ดังนั้น เหล่าอาวุธกับกู่ฉิงซานก็เริ่มออกค้นหาอีกที โดยกินเวลาเพิ่มไปอีกหนึ่งชั่วยาม

 

“แบบนี้ไม่ดีแล้ว เหตุใดมันจึงไม่มี นี่มันน่าแปลกจริงๆ” โล่หนึ่งได้กล่าวขึ้น

 

“บางทีมันอาจจะอยู่ในอาการสิ้นสติ ดังนั้นจึงไม่สามารถแสดงตัวให้เราพบได้” วิหคขาวกล่าว

 

หากอีกฝ่ายอยู่ในสภาวะหมดสติ ไม่ว่าคุณจะมองหามันเพียงใดก็ไร้ค่า เพราะมันจะไม่มีความคิดริเริ่มที่จะปรากฏตัวขึ้นเองอย่างแน่นอน

 

“หากเป็นเช่นนี้ งั้นก็คงมาถึงทางตันแล้ว” ธนูกล่าวอย่างเศร้าสร้อย

 

“ไม่ได้ เราจะต้องหามันให้พบ มันคือกฏเกณฑ์ชั้นยอดของภูเขาล้อมเหล็ก และมีเพียงมันเท่านั้นจึงจะสามารถต้านทานหอกหลากสีและทำให้แผนการของพวกเราสมบูรณ์ได้!” กู่ฉิงซานยืนยันหนักแน่น

 

“ครั้งสุดท้ายที่มันเผชิญหน้ากับหอกหลากสี มันสามารถหยุดอีกฝ่ายได้ครู่หนึ่งก็จริง ทว่าสุดท้ายก็ก็ถูกปะทะปลิวออกไปอยู่ดี” ไม้เท้ากล่าว

 

“และในเวลานั้น มันก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว” โล่เอ่ยเสริม

 

“แต่เพียงเท่านั้นก็นับว่ามันแข็งแกร่งจริงๆ” กระบี่ยาวถอนหายใจ

 

“แม้จะเป็นอาวุธชนิดเดียวกัน แต่ข้ายังมิกล้าเฉียดเข้าไปใกล้มันเลย” หอกกล่าวเสียงกระซิบ

 

“น่ายกย่องยิ่งนัก”

 

“ใช่ สมแล้วที่เป็นหนึ่งในสามสิ่งประดิษฐ์เทวะ คงจะมีเพียงมันคนเดียวนั่นแลที่กล้าจะเผชิญหน้ากับหอกหลากสี”

 

อาวุธทั้งหลายต่างพากันสรรเสริญ

 

“โปรดช่วยกันมองหาอีกครั้งเถิด เจ้าสิ่งนี้มันสำคัญยิ่ง แผนการของพวกเราจะสำเร็จหรือล้มเหลว ขึ้นอยู่กับมันเท่านั้น” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจริงใจ

 

“เห็นแก่ที่เจ้าสังหารมารแมงมุมเขมือบวิญญาณลงได้ พวกเราจะลองค้นหาอีกครั้งก็แล้วกัน” ไม้เท้ากล่าว

 

และอาวุธทั้งหลายก็พยักหน้า

 

อย่างรวดเร็ว อาวุธทั้งหมดเริ่มส่งรังสีเหลืองอ่อนแผ่กระจายออกมา

 

รังสีนี้เชื่อมต่อเข้าหากัน และกระพริบริบหรี่ด้วยช่วงจังหวะอันแปลกประหลาด

 

ไม่นานนัก รังสีแสงก็ค่อยๆจางหายไปอย่างช้าๆ

 

“มันอยู่บริเวณนี้จริงๆ ทว่ามันมิตอบสนองต่อการเรียกขานของพวกเรา” ตะขอเกี่ยววิญญาณตอบโต้

 

“ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางอื่นแล้ว” โล่ถอนหายใจ

 

“มันจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไปเป็นแน่ เพราะกระทั่งตอบสนองต่อการเรียกขานของพวกเรา ก็ยังไม่อาจทำได้” หอกกล่าว

 

“จะทำอย่างไรดี หากแม้กระทั่งแสดงตัวมันก็ไม่สามารถกระทำได้ ข้าชักจะกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของมันซะแล้วซี” วิหคขาวกล่าว

 

เหล่าอาวุธแต่ละคนต่างเอ่ยออกมาด้วยความเสียใจ

 

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างเงียบๆ

 

มิอาจหาพบได้?

 

หากไม่มีอาวุธชิ้นนี้ แผนการของเขาก็ไปต่อไม่ได้น่ะสิ!

 

ทุกอย่างที่ทำ .. มันจะต้องจบลงแล้วจริงๆหรือ?

 

ในชีวิตก่อนหน้า เขาเผชิญกับภัยพิบัตินับไม่ถ้วน และเขายังเป็นมนุษย์ที่อยู่รอดจนถึงช่วงวินาทีสุดท้าย

 

เขาคือผู้บัญชาการสงคราม – คือนักดาบนิรันดร์

 

หลังจากจุติใหม่ ไม่ว่าช่วงเวลาใด กระทั่งสี่นรกมาเยือนโลก เขาก็ยังไม่ยอมแพ้! และออกมุ่งเฟ้นหาหนทางออก

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มาถึงปรภพ ตนกลับพบว่าคนตายจากหนึ่งใน 18 นรกภูมิกำลังจะขึ้นเป็นราชาภูติในเร็วๆนี้

 

แล้วราชาภูติก็จะนำนรกออกไปทำลายล้างโลก!

 

เผ่ามารก็จะครอบครองปรภพทั้งหมด!!

 

แม้กระทั่งทวยเทพ ก็ยังมิใช่คู่ต่อกรของหอกหลากสี คนแล้วคนเล่าร่วงหล่นตกตายลง

 

แต่สำหรับกู่ฉิงซาน เขาเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตก้าวสู่เทพเท่านั้น แล้วในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ เขาจะไม่อาจหาผู้ช่วยที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริงๆน่ะหรือ

 

สุดท้ายแล้ว ความรู้สึกสิ้นหวังก็เข้ากัดกินเขาในที่สุด

 

ในตอนนั้นเอง จู่ๆตะขอเกี่ยววิญญาณก็เอ่ยขึ้นมาว่า “นั่น – หากเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่ทดลองดูบ้างเล่า?”

 

“ข้า? ข้าน่ะหรือทดลองดู?” กู่ฉิงซานเอ่ยด้วยความฉงน

 

สมองของเขาเวลานี้ราวกับไม่ยอมทำงาน ส่งผลให้ไม่อาจตระหนักถึงความหมายของอีกฝ่ายได้

 

“อ้าว นี่เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ?” ตะขอเกี่ยววิญญาณโต้กลับ

 

วิหคขาวเร่งกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านตะขอเกี่ยววิญญาณ เรายังไม่อาจระบุถึงสถานะของกำลังเสริมเผ่ามนุษย์ผู้นี้ ท่านกำลังจะบอก -”

 

“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ยังต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องพรรค์นั้นอีกหรือ” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าวอย่างไร้หนทาง

 

อาวุธอื่นๆหันมามองกัน และพยักหน้า

 

“เจ้าก็ทดลองค้นหาดูสิ ก็บนร่างเจ้ามีกลิ่นอายของมัน ดังนั้นจึงสมควรที่จะสัมผัสถึงมันได้นะ” โล่กระตุ้นเตือน

 

กู่ฉิงซานจ้องมองเหล่าอาวุธ ทั้งเนื้อทั้งตัวแข็งค้างตะลึงงัน

 

กลิ่นอาย?

 

—อย่าบอกนะว่าคือกลิ่นอายสีฟ้านั่น!?

 

เขาบังเกิดปฏิกริยาตอบสนองฉับพลัน

 

“ประเดี๋ยวก่อน เจ้ากำลังจะบอกว่า อาวุธที่พวกเรากำลังตามหา – จิตอาร์ติแฟคของมันมีชื่อเรียกว่าฉานนู่ใช่หรือไม่?”

 

“ถูกต้อง มันคือเธอ” โล่กล่าว

 

“ ‘ดาบขุนเขาเทวะหกโลกา’ , ‘ตะขอเกี่ยววิญญาณแห่งสายธารแห่งการหลงเลือน’ , ‘ไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูติ’ นี่คือสามสิ่งประดิษฐ์เทวะในโลกปรภพของพวกเรา” กระบี่ยาวอีกเล่มหนึ่งกล่าว

 

กู่ฉิงซานหลับตาลง บรรเทาลมหายใจออกมา

 

ปรากฏว่าหญิงในชุดคลุมฟ้า เดิมทีแล้วคือจิตอาร์ติแฟคของดาบขุนเขาหกโลกา!

 

ไม่น่าแปลกใจเลย …

 

ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าเหตุใดเขาจึงมีความรู้สึกประทับใจที่ดีต่อเธอ มันไม่ใช้เพราะความรู้สึกระหว่างชายหญิง

 

ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าเหตุใดเขาจึงยินยอมมอบสมบัติล้ำค่าทั้งสามสิ่งให้แด่เธอ!

 

เพราะเดิมทีแล้วเธอก็คือดาบ!

 

ดาบน่ะเอง!!

 

ผู้ฝึกดาบน่ะ จะไปปฏิเสธดาบได้อย่างไร!!!