ตอนที่ 98 แอบปูทางให้เธอ

เดิมพันเสน่หา

รอยยิ้มของเขาทำให้ดวงตาของเหลิ่งรั่วปิงเป็นประกาย เป็นผู้ชายแต่กลับยิ้มได้ดูดีมากขนาดนี้ ให้ผู้หญิงเอาหน้าไปไว้ที่ไหน สุดท้าย เธอพยักหน้าด้วยความทำตัวไม่ถูก “ค่ะ”

 

 

มุมปากของหนานกงเยี่ยคลายยิ้มกว้าง เผยให้เห็นฟันขาวสว่างของเขา หนานกงเยี่ยโยนเอกสาร เหยียดตัวลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาเธอ เขาโอบเธอเอาไว้เบาๆ ทะนุถนอมเธอราวกับเป็นของมีค่า

 

 

สิ่งที่เธอในคืนวันส่งท้ายปี เขายังไม่ลืม ตรงกันข้ามเขาเก็บทุกอย่างจำใส่ใจ เธอเป็นผู้หญิงที่ขาดความอบอุ่น ความทรมานและลำบากตลอดหลายปีที่่ผ่านมาทำให้เธอไม่กล้าไว้ใจใครง่ายๆ ไม่ยอมเปิดใจให้ใคร ถ้าเขาอยากได้หัวใจของเธอ เขาต้องรักและทะนุถนอมเธอมากขึ้น

 

 

เขารักเธอ เขาไม่รู้สึกข้องใจเรื่องนี้อีกแล้ว เพียงแต่เขาไม่มั่นใจว่าความรักนี้จะอยู่อีกนานแค่ไหน แต่เขาจะพยายามทำให้ความรักนี้ยืนยาว ยืนยาวไปจนตลอดชีวิต เขาต้องได้รับการตอบกลับจากเธอ ต้องได้หัวใจของเธอ เธอต้องรักเขาแค่คนเดียว

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เขารักผู้หญิงคนหนึ่ง หลายสิ่งหลายอย่างล้วนเป็นประสบการณ์ใหม่ของเขา มีทั้งความเศร้าและความสุข มีเรื่องเสียใจและดีใจ ทุกอย่างมันงดงามมาก เมื่อก่อนเขาไม่เคยฟังเพลงรัก แต่ตอนนี้เขากลับฟังเป็นครั้งคราว

 

 

ดังนั้น เขาจึงไม่โกรธเธอและไม่รุ้สึกว่าตนเองขายหน้า เขาจะรักและทะนุถนอมเธอให้มากกว่าเดิม

 

 

ก้มหน้าลงมองไปยังดวงตาคู่นั้น ห้ามใจไม่ได้ที่จะดึงตัวเธอเข้ามาจูบ

 

 

การจูบเป็นภาษาชนิดหนึ่ง เป็นการพูดคุยรูปแบบหนึ่ง เขากำลังใช้การจูบแสดงถึงความรักและความทะนุถนอม

 

 

ใช่ เหลิ่งรั่วปิงสัมผัสมันได้ ถึงแม้ความรักแบบนี้จะเป็นแค่ความรักระยะสั้น บางทีพรุ่งนี้เขาอาจจะหมดความสนใจในตัวเธอ เธอต้องคอยเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าห้ามเผลอใจให้เขา เพราะเธอสูญเสียมันได้ทุกเมื่อ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ความอบอุ่นและความเอาใจใส่ที่เขามีต่อเธอ ทำให้ร่างกายของเธอจดจำมันเอาไว้ เพียงแค่ได้กลิ่นลมหายใจของเขา หัวใจของเธอก็ได้แต่รู้สึกเจ็บปวด

 

 

ผ่านไปนานครู่หนึ่ง หนานกงเยี่ยค่อยๆ คลายกอด เขายิ้มแล้วพูดขึ้น “มาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่า” เขาไม่เชื่อว่าเธอคิดถึงเขา ถ้าไม่มีธุระอะไรเหลิ่งรั่วปิงไม่มีวันมาหาเขาแน่ๆ การที่เธอบอกว่าคิดถึงเขา เป็นเพราะมีเรื่องอยากให้เขาช่วย

 

 

เหลิ่งรั่วปิงนั่งลงบนโซฟาทันที หลีกหนีจากอ้อมกอดของเขา “งานออกแบบของฉันเสร็จแล้วนะคะ นี่เป็นร่างสุดท้าย” ขณะที่พูด เหลิ่งรั่วปิงยื่นภาพวาดและเอกสารอธิบายวัสดุต่างๆ ให้กับหนานกงเยี่ย

 

 

หนานกงเยี่ยรับเอกสารมาดู เขากลับไปนั่งที่ของตนเองอีกครั้ง มองดูเอกสารด้วยความจริงจัง ภายในใจของเขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ถึงแม้เขาไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไรกับโปรเจคนี้ จนทำให้ลั่วเฮิ่งต้องชดใช้กรรม แต่งานออกแบบของเธอมันสมบูรณ์แบบมาก ดูจากภาพวาดแลนด์มาร์ค ตัวอาคารรูปทรงเหมือนมังกรบิน โดยบินทะยานขึ้นไปบนฟ้าด้วยพลังที่แข็งแกร่ง สื่อให้เห็นว่าเมืองหลงเป็นผู้นำของโลก พร้อมที่จะเป็นอันดับต้นๆ ของโลก สมกับที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองหลง

 

 

“เยี่ยมมาก ผมพอใจกับผลงานคุณมาก” หนานกงเยี่ยวางเอกสารลง เขาเงยหน้าขึ้นมองเหลิ่งรั่วปิง “ผมจะรีบสั่งให้ลั่วเฮิ่งจัดซื้อวัสดุแล้วนำไปก่อสร้าง”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ “คุณไม่ให้ฝ่ายวางแผนกับฝ่ายเทคนิคประเมินก่อนหรอคะ และไม่จัดประชุมเพื่อหาลือ?”

 

 

“ไม่ต้อง ความสามารถของคุณอยู่เหนือคนพวกนั้น ยังต้องให้พวกเขาประเมินอีกหรอ”

 

 

“แต่ว่า คุณไม่กลัวฉันจะทำงานของคุณพังหรอคะ”

 

 

หนานกงเยี่ยยิ้มตาหยี “ไม่กลัวครับ คุณเป็นผู้หญิงของหนานกงเยี่ย แล้วคุณจะเล่นไม่สื่อกับผมได้ยังไง”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเม้มกัดริมฝีปาก “แล้วถ้าฉันเล่นไม่สื่อกับคุณขึ้นมาจริงๆ คุณจะทำยังไง”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นผมจะสร้างแลนด์มาร์คอีกอัน เพื่อให้คุณเล่นไม่สื่อกับผมต่อ”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเม้มกัดริมฝีปากแน่น เธอจ้องมองไปที่หนานกงเยี่ยอยู่นาน สุดท้ายก็พูดออกมา “คุณหนานกง คุณอย่าดีกับฉันมากเกินไปเลยค่ะ”

 

 

หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วจ้องมองเหลิ่งรั่วปิง เขาไม่ได้พูดอะไร เขาจะดีกับเธอและเอาใจใส่เธอให้มากๆ ทำให้เธอหวั่นไหว ทำให้หัวใจของเธอขยับเข้ามาใกล้เขา หลังจากการแก้แค้นของเธอจบลง เธอจะได้ทำใจไปจากเขาไม่ได้

 

 

“แลนด์มาร์คนี้มีชื่อรึยังคะ” เหลิ่งรั่วปิงเอ่ยถาม

 

 

“ยังครับ คุณคิดว่าควรจะตั้งชื่อว่าอะไรดี” หนานกงเยี่ยเงียบไปพักหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมา “ในฐานะสถาปนิกที่เป็นคนออกแบบงานนี้ คุณมีสิทธิ์ในการตั้งชื่อผลงานออกแบบของคุณ”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ชื่อว่าเฟยเทียนดีไหมคะ”

 

 

“เฟยเทียน” คือชื่อที่เจียงเฉิงตั้งเอาไว้ในตอนนั้น เขาอยากออกแบบแลนด์มาร์คของเมืองหลงมาโดยตลอด เพื่อแสดงถึงจิตวิญญาณของเมืองหลง กล่าวได้ว่าแลนด์มาร์คเมืองหลง เป็นความฝันสูงสุดของชีวิตเขา

 

 

“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งว่าเฟยเทียนกันเถอะ!” หนานกงเยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

 

สำหรับความมั่นใจที่หนานกงเยี่ยมีต่อเธอ เหลิ่งรั่วปิงดีใจมาก แต่ภายในใจของเธอรู้สึกเศร้าเล็กน้อย แลนด์มาร์เมืองหลงเป็นความฝันของพ่อ แต่เธอกลับใช้มันในการแก้แค้น จนท้ายที่สุดแลนด์มาร์คนี้ต้องหายไป

 

 

“ขอโทษนะคะพ่อ” เหลิ่งรั่วปิงพูดพึมพำเบาๆ

 

 

*****

 

 

ช่วงบ่าย หนานกงเยี่ยนัดเจอกับลั่วเฮิ่งที่ห้องทำงานของเขา

 

 

แม้แต่ฝันลั่วเฮิ่งก็ยังไม่กล้าคิดว่าวันหนึ่งหนานกงเยี่ยจะเป็นฝ่ายนัดเจอเขา ตอนที่รับสายก่วนอวี้ เขากำลังนั่งอยู่บนชักโครกภายในห้องน้ำ พอได้ยินว่าหนานกงเยี่ยต้องการพบเขา เขาหยุดคิดเรื่องเข้าห้องน้ำทันที รีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำจนเกือบลืมเช็ดก้น เพราะกลัวจะพลาดแล้วไม่ได้เจอกับหนานกงเยี่ย เขามาถึงก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า นั่งตัวตรงอยู่ในห้องรับรอง จนกระทั่งหนานกงเยี่ยเรียกเขาเข้าไปพบ เขาจึงยกก้นขึ้นแล้วเดินไปที่ลิฟต์

 

 

“คุณชายเยี่ย” เมื่อเดินเข้าไปในห้องทำงานของหนานกงเยี่ย ลั่วเฮิ่งอ้อนน้อมถ่อมตนมาก เขาก้มตัวลงจนเกือบแนบชิดเท้าของหนานกงเยี่ย เขาประจบประแจงระดับนี้ ถือว่าสุดยอดมาก อย่าเพิ่งพูดถึงว่าเขามีนิสัยใจคอยังไง ที่แน่ๆ เขาเป็นคนฉลาด สายตาเฉียบแหลม ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถอยู่จุดนี้ได้

 

 

ถึงแม้บริษัทหนานกงเคยทำงานร่วมกับลั่วเฮิ่งหลายงาน แต่หนานกงเยี่ยไม่เคยเห็นคนอย่างลั่วเฮิ่งอยู่ในสายตา หากไม่ใช่เพราะเขาอยากแอบช่วยเหลิ่งรั่วปิง ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีวันยอมเจอคนที่น่ารังเกียจอย่างลั่วเฮิ่งแน่นอน

 

 

หนานกงเยี่ยผู้แสนหยิ่งทระนงตน วันนี้กลับดูเข้าถึงง่ายขึ้น หนานกงเยี่ยเงยหน้าขึ้นเบาๆ ถึงแม้สีหน้าของเขาจะเรียบเฉย ทว่ากลับมองมาทางลั่วเฮิ่ง พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เชิญนั่งครับ”

 

 

“ครับ คุณชายเยี่ย” ลั่วเฮิ่งนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามหนานกงเยี่ย เขานั่งเพียงแค่ครึ่งสะโพกเท่านั้น คลายยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณเยี่ยเรียกผมมาพบ เป็นเพราะมีธุระใช่ไหมครับ”

 

 

“อืม” หนานกงเยี่ยพยักหน้า โยนเอกสารงานออกแบบเมืองหลงไปตรงหน้าลั่วเฮิ่ง “นี่คือภาพผลงานออกแบบแลนด์มาร์คเมืองหลง ผมตัดสินใจให้บริษัทของคุณเป็นผู้รับเหมา โปรเจคนี้สำคัญกับผมมาก หวังว่าคุณจะสามารถสร้างเสร็จเร็วที่สุด คุณมีปัญหาอะไรไหม”

 

 

ลั่วเฮิ่งรู้สึกราวกับได้ยินพรจากฟ้า มือทั้งสองข้างจับร่างงานออกแบบแล้วจ้องมองดู เขาพยักหน้าถี่ๆ “ไม่มีปัญหาครับๆ ผมจะทำโปรเจคนี้ให้สมบูรณ์แบบแน่นอน” เขาจำคำพูดของเหลิ่งรั่วปิงได้ เธอบอกให้เขาทำอะไรบางอย่างกับการสร้างแลนด์มาร์ค เพียงเท่านี้พวกเขาก็สามารถได้เงินก้อนโต โดยไม่ต้องลงทุน ซึ่งได้กำไรมากกว่าโรงแรมอิมพีเรียลเสียอีก โปรเจคนี้เป็นเนื้ออันโอชะของเขาจริงๆ

 

 

หนานกงเยี่ยสังเกตสีหน้าของลั่วเฮิ่ง เขามองด้วยแววตาดูแคลน “ตอนแรกผมคิดจะเชิญผู้รับเหมาจากต่างประเทศมารับโปรเจคนี้ เพราะโปรเจคนี้เป็นถึงแลนด์มาร์คของเมืองหลง เป็นเอกลักษณ์แสดงจิตวิญญาณของเมืองหลง ไม่ใช่โปรเจคทั่วไป แต่รั่วปิงมั่นใจในความสามารถของคุณ เธอเกลี้ยกล่อมผมให้คุณรับผิดชอบโปรเจคนี้ ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะผมไม่สามารถเอาชนะเสน่ห์ของเธอได้จริงๆ หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวังนะครับ”

 

 

“ไม่แน่นอนครับๆ คุณชายเยี่ยวางใจได้ ผมจะทำโปรเจคนี้อย่างสุดความสามารถ” ลั่วเฮิ่งรีบลุกขึ้นยืนทันที เขาโค้งตัวลงคำนับ ราวกับเป็นทหารอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้เขากำลังดีใจที่ตนเองรักษาสัมพันธ์ทกับเหลิ่งรั่วปิงได้ดีมาโดยตลอด คิดไม่ถึงจริงๆ หนานกงเยี่ยจะตามใจเธอมากขนาดนี้

 

 

มุมปากของหนานกงเยี่ยยกขึ้น นัยน์ตาของเขาฉายอะไรบางอย่างออกมา “ครับ คุณรับปากแบบนี้ผมเองก็วางใจ รั่วปิงเป็นสถาปนิกที่เก่งมาก หลังจากนี้คุณติดต่อกับเธอได้เลย คำพูดของเธอก็คือคำพูดของผม”

 

 

“ครับๆๆ คุณชายเยี่ยวางใจได้ ผมจะพูดคุยกับคุณเหลิ่งอย่างดีครับ” ภายในใจของลั่วเฮิ่งกำลังจุดพลุฉลอง เยาะเย้ยหนานกงเยี่ยที่หลงกลผู้หญิง เขารักและตามใจเหลิ่งรั่วปิงมากขนาดนี้ คงคิดไม่ถึงว่าเหลิ่งรั่วปิงจะกวาดเงินก้อนโตจากโปรเจคของเขา แต่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนที่ได้ประโยชน์จากงานนี้ ลั่วเฮิ่งได้กำไรงามจากโปรเจคโรงแรมอิมพีเรียลแล้ว แลนด์มาร์คเมืองหลงเป็นเค้กก้อนใหญ่ ที่เขาแทบจะอดใจรอไม่ไหว

 

 

หนานกงเยี่ยพยักหน้า มุมปากกระตุกยิ้ม “ครับ คุณไปคุยเรื่องสัญญากับก่วนอวี้ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเรารีบเซ็นสัญญากันเถอะ จากนั้นประสานงานกับเหลิ่งรั่วปิงได้เลย ว่าจะเริ่มทำการก่อสร้างเมื่อไหร่”

 

 

“ครับ” ลั่วเฮิ่งเดินออกไปจากห้องทำงานของหนานกงเยี่ยด้วยความเคารพ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตนเองเดินอยู่บนก้อนเมฆ ทุกอย่างเบาหวิวไปหมด อีกไม่นานก็จะถึงวันของเขา วันที่เริ่มทำการก่อสร้าง คือวันที่เงินไหลเข้ามาในบัญชีของเขา

 

 

หลังจากลั่วเฮิ่งเดินออกไป หนานกงเยี่ยทำหน้านิ่งเฉยอีกครั้ง เขานิ่งเงียบ เขาได้ปูทางให้แผนการแก้แค้นของเหลิ่งรั่วปิงแล้ว แต่ภายในใจของเขากลับรู้สึกหนักอึ้ง เขาไม่มั่นใจว่าหลังจากการแก้แค้นจบลง เธอจะไปจากเมืองหลงหรือไม่ ถ้าว่าเธอยืนกรานจะไปจากเมืองหลง เขามีวิธีที่จะรั้งเธอเอาไว้ได้ไหม

 

 

เหตุเพราะได้รับอนุญาตจากหนานกงเยี่ย หลังจากลั่วเฮิ่งพูดคุยเรื่องสัญญากับก่วนอวี้แล้วนั้น เขาก็ตรงไปที่ห้องทำงานของเหลิ่งรั่วปิงทันที

 

 

เมื่อเห็นลั่วเฮิ่งเดินเข้ามา เหลิ่งรั่วปิงตกใจเล็กน้อย เธอคิดไม่ถึงว่าหนานกงเยี่ยจะดำเนินงานเร็วขนาดนี้ ตอนเที่ยงเธอเพิ่งส่งร่างผลงานออกแบบให้เขา ตอนบ่ายเขาก็เซ็นสัญญากับลั่วเฮิ่งแล้ว เท่าที่เธอรู้จักหนานกงเยี่ย เขาไม่ใช่คนทำอะไรฉาบฉวยแบบนี้ หรือว่าเขาเชื่อใจในตัวเธอ?

 

 

ลั่วเฮิ่งยิ้มเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ “คุณเหลิ่ง ผมเซ็นสัญญาโปรเจคแลนด์มาร์คเมืองหลงกับบริษัทหนานกงแล้วนะครับ เพื่อทำโปรเจคได้ดียิ่งขึ้น ผมขอเชิญคุณทานอาหารได้ไหมครับ เราจะได้พูดคุยเรื่องโปรเจคกัน”

 

 

“ได้ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มหวาน ต่อให้ลั่วเฮิ่งไม่มาหาเธอ เธอก็กำลังจะไปหาเขาพอดี เหลิ่งรั่วปิมก้มหน้ามองนาฬิกา “ใกล้จะเลิกงานแล้ว ไปกันเถอะค่ะ”

 

 

“ครับๆๆ คุณเหลิ่ง เชิญครับ” ลั่วเฮิ่งพาเหลิ่งรั่วปิงออกไปจากบริษัทหนานกงด้วยความนอบน้อม

 

 

หนานกงเยี่ยเห็นทุกอย่างผ่านกล้องวงจรปิด สีหน้าของเขานิ่งเฉย ทว่าภายในใจของเขากลับไม่รู้สึกดีเลยสักนิด