ตอนที่ 211 นายช่างซ่งรับลูกศิษย์ / ตอนที่ 212 อย่าลดตัวลงไปมีเรื่องกับพวกเขา

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 211 นายช่างซ่งรับลูกศิษย์

ตาเฒ่าจ้าวที่อยู่อีกด้านรีบตอบ “ข้าว่าคนที่ทำงานอยู่ที่นี่ก็ใช่ว่าจะก่อกำแพงและปูกระเบื้องเป็นทุกคน อย่างน้อยเจ้ากับอู๋เจียงก็ทำไม่เป็น เหตุใดพวกเจ้าทำงานนี้ได้ แต่พวกข้าทำไม่ได้”

นายช่างซ่งสร้างบ้านมาทั้งชีวิต สร้างบ้านมาแล้วไม่รู้กี่หลัง และไม่รู้ว่าเคยไปสถานที่ต่างๆ มามากเท่าใด แต่คนที่ไม่รู้จักพูดจาด้วยเหตุผลแม้สักนิด เช่นคนในหมู่บ้านหวงถัวเหล่านี้ เขาเพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก

คนเหล่านี้มาดูที่ดินตรงนี้ทุกวัน เห็นอู๋เจียงและหลี่เฉิงทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างอยู่ที่นี่ทุกครั้ง ก็ล้วนมีท่าทีเหยียดหยามและหัวเราะเยาะ ทั้งยังใช้วาจาไม่น่าฟังถากถางพวกเขาทั้งสองคนอยู่บ่อยๆ ด้วย นายช่างซ่งเห็นพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ตลอด ตัวอู๋เจียงและหลี่เฉิงเองก็ไม่เคยยอมแพ้เพราะคำเหยียดหยามของคนในหมู่บ้านเลย นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่สุดที่นายช่างซ่งตัดสินใจรับพวกเขาเข้ากลุ่มนายช่าง คนที่ขยันขันแข็ง อย่างไรก็ไม่ควรถูกมองข้ามและหัวเราะเยาะ

นายช่างซ่งพูดกับตาเฒ่าจ้าวว่า “ถูกต้อง ตอนนี้พวกเขาสองเขายังก่อกำแพงและปูกระเบื้องไม่เป็น แต่ไม่นานพวกเขาก็จะทำเป็น วันนี้ข้ารับพวกเขาเป็นลูกศิษย์ ต่อไปจะได้เป็นคนงานประจำของสกุลซ่ง ขอเพียงพวกเขายินยอม มีกลุ่มนายช่างของสกุลซ่งอยู่ที่ใด ก็จะมีพวกเขาอยู่ที่นั่น”

พวกคนในหมู่บ้านได้ยินดังนั้น บนใบหน้าพลันปรากฏแววอิจฉาและแค้นเคือง ย่อมมีความรู้สึกไม่พอใจอย่างแน่นอน

สวี่เหล่าซานว่า “จะรับพวกเขาเป็นลูกศิษย์หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องของเจ้า วันนี้พวกเจ้าสร้างบ้านในหมู่บ้านหวงถัวของพวกข้า จะไม่เชิญคนในหมู่บ้านหวงถัวอย่างพวกข้าทำงานได้อย่างไร กฎเกณฑ์เล็กน้อยแค่นี้ก็ไม่เข้าใจหรือ”

นายช่างซ่งรู้ทันทีว่าวันนี้นับได้ว่าเจออุปสรรคใหญ่ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนท้องที่ พูดหรือทำอะไรล้วนตามแต่ใจปรารถนาไม่ได้ หากไม่ระแวดระวังเพียงครั้งเดียวก็ทำให้เกิดเรื่องใหญ่ได้แล้ว เช่นนั้นไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้น

“พวกเจ้ามาออกันทำอะไรอยู่ที่นี่ ว่างนักหรือ” เสียงแหบพร่าเจือความขู่เข็ญอย่างมหาศาล ดังขึ้นมาจากด้านหลังของชาวบ้านหลายคน

เมื่อคนในหมู่บ้านได้ยินเสียงนี้ ไหนเลยจะไม่รู้ว่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน จึงรีบหลีกทางให้เขาเดินเข้ามา

หัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้าไปในหมู่ฝูงชน ขมวดคิ้วพลางพิจารณาตาเฒ่าจ้าวและคนอื่นๆ “พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ที่นี่”

ตาเฒ่าจ้าวรู้สึกหวั่นใจอยู่บ้าง แต่เขาก็คิดว่าถึงอย่างไรหัวหน้าหมู่บ้านก็เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน อย่างไรก็ต้องเข้าข้างพวกเขาอย่างแน่นอน พวกเขาเองไม่ได้ต้องการรับเงินจากผู้อื่นโดยไม่ได้ลงมือทำอะไรเช่นกัน เพียงแต่อยากทำงานหาเงินก็เท่านั้น คิดดูแล้วหัวหน้าหมู่บ้านจะต้องสนับสนุนพวกเขาอย่างแน่นอน

เขาจึงเอ่ยปากออกมาก่อนว่า “หัวหน้าหมู่บ้าน พวกข้าไม่ได้ก่อเรื่องกันที่นี่นะ แค่เห็นว่าที่แห่งนี้มีงานมากมาย อยากมาดูว่ามีอะไรที่พวกข้าทำได้หรือไม่ อย่างไรตอนนี้ก็เป็นเวลาพักจากการทำไร่นา ได้เงินมาใช้จ่ายในบ้านสักเล็กน้อย ไม่ได้มีเจตนาอื่น”

หัวหน้าหมู่บ้านกวาดสายตามองตาเฒ่าจ้าวอย่างเยือกเย็นครั้งหนึ่ง คนในหมู่บ้านของตนเองเป็นอย่างไร เขาจะไม่รู้เลยหรือ ตาเฒ่าจ้าวผู้นี้ สวี่เหล่าซาน สวี่เหล่าซื่อ และคนอื่นๆ ตรงหน้าก็ไม่มีใครขยันทำงานสักคน ทว่าสนใจเรื่องชาวบ้านและเอาเปรียบคนอื่นรวดเร็วยิ่งนัก คำหนึ่งที่จะบรรยายนิสัยของพวกเขาได้ ก็คงจะมีแต่ ‘ขี้เกียจ’

“พวกเจ้าอยากหางานทำ นับว่าเป็นเรื่องดี แต่หาได้แล้วหรือ” เขาจงใจถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว

ตาเฒ่าจ้าวรีบพูด “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านตัดสินให้พวกข้าหน่อยเถอะ บ้านนี้อยู่ในหมู่บ้านหวงถัวของพวกเรา ที่ดินตรงนี้ก็อยู่ในหมู่บ้านหวงถัวของพวกเรา คนนอกพื้นที่อย่างพวกเขามาทำงานที่หมู่บ้านของพวกเรา ท่านว่าควรต้องเชิญคนในหมู่บ้านช่วยงานสักหน่อยหรือไม่ ให้ทุกคนได้เงินไปด้วยกัน ไม่อาจให้คนนอกมานำผลประโยชน์ไปได้ ท่านคงคิดเช่นเดียวกันกระมัง”

หัวหน้าหมู่บ้านอยากจะพ่นเสมหะใส่ใบหน้าหนาเท่ากำแพงเมืองของเขาสักคำเสียจริงๆ

เหตุใดคนเหล่านี้ถึงได้หยุดเอาเปรียบผู้อื่นไม่ได้กัน ก่อนหน้านี้ก็อาศัยตอนที่ไป๋จื่อและหูเฟิงไม่อยู่ พากันไปที่สกุลหู ขู่ให้ขายข้าวในราคาถูก แล้วค่อยใช้ข้ออ้างช่วยคนในหมู่บ้านเดียวกันขายต่อในราคาแพง เมื่อจ้าวหลานและหูจ่างหลินไม่ยอมขายให้ ก็ยังหาเรื่องเจ้าบ้านอยู่ในลานบ้านนั้นอีก

……….

ตอนที่ 212 อย่าลดตัวลงไปมีเรื่องกับพวกเขา

หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว “บุตรชายคนโตสกุลจ้าว บ้านหลังนี้เป็นของจ้าวหลานและไป๋จื่อสองแม่ลูก โฉนดที่ดินอยู่อาศัยพวกนางก็มี จะเชิญคนต่างถิ่นมาทำงาน ก็เป็นการตัดสินใจของพวกนางสองแม่ลูก งานนี้ต้องจ้างพวกเจ้าทำงานหรือไม่ ก็เป็นการตัดสินใจของพวกนายช่างซ่ง ข้าพูดอย่างไรล้วนไม่เป็นผล พวกเจ้าจะพูดอย่างไรล้วนไม่เป็นผลเช่นกัน เข้าใจหรือไม่?”

ตาเฒ่าจ้าวพลันร้อนรน “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านช่วยคนนอกพูดไม่ได้กระมัง สถานการณ์ของพวกข้านี้ ก็ใช้ว่าท่านจะไม่รู้ ในที่สุดก็มีโอกาสหาเงิน ท่ายอมช่วยออกหน้าแทนคนนอก แต่ไม่ยอมช่วยพวกข้าได้อย่างไร”

เมื่อตาเฒ่าจ้าวกล่าวจบ ผู้คนโดยรอบก็ส่งเสียงสนับสนุนในทันที

หัวหน้าหมู่บ้านมองรอบข้างด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะถลึงตาใส่พวกเขาอย่างโกรธเกรี้ยว “เหตุใดนายช่างซ่งยอมจ้างอู๋เจียงและหลี่เฉิงทำงาน แต่กลับไม่ยอมจ้างพวกเจ้า พวกเจ้าเคยคิดถึงเหตุผลหรือไม่ ตอนที่คนอื่นลำบากยากเข็ญ นอกจากพวกเจ้าจะเอาแต่หัวเราะเยาะและเหยียดหยามแล้ว พวกเจ้าทำอะไรอีกบ้าง ตอนนี้เห็นคนอื่นได้รับประโยชน์ก็รู้สึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมาหรือ ที่ตรงนี้มีใครติดหนี้พวกเจ้าบ้าง ครั้งก่อนพวกเจ้าก็ไปหาเรื่องที่บ้านของหูจ่างหลิน เรื่องที่บังคับเขาให้ขายข้าวให้พวกเจ้าในราคาถูก ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับพวกเจ้าเลย พวกเจ้านี่นะ หยุดก่อเรื่องได้ไม่ถึงสองวัน ก็ก่อเรื่องใหม่ขึ้นอีกแล้ว ต้องการให้มีคนไปเชิญใต้เท้าจากที่ว่าการอำเภอมา พวกเจ้าถึงจะยอมเลิกราใช่หรือไม่”

เมื่อเห็นหัวหน้าหมู่บ้านโมโหขึ้นมา ทั้งยังพูดถึงใต้เท้าจากที่ว่าการอำเภอ พวกเขาก็นึกถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้นของไป๋จื่อ และใต้เท้าเมิ่งจากที่ว่าการอำเภอในทันที หากเรียกใต้เท้ามาจริงๆ พวกเขาย่อมไม่ได้พบจุดจบที่ดีแน่

ขณะกำลังคิดถอยทัพ กลิ่นหอมในถังก็โชยมาเตะจมูกเป็นระลอก ทำให้พวกเขาน้ำลายสอ

ไป๋จื่อกับหูเฟิงคร้านจะสนใจคนที่รู้จักแต่กิน ทว่าขี้เกียจทำงาน เอาแต่หาเรื่องผู้อื่นไปวันๆ เหล่านี้ จึงเข็นรถเข็นล้อเดียวขนาดเล็กไปยังข้างกายของหัวหน้าหมู่บ้าน

เด็กสาวยิ้มพลางมองหัวหน้าหมู่บ้าน “ข้าขอขอบคุณที่ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเป็นธรรม หากไม่ได้ท่านมา ข้าก็คิดจะไปเชิญใต้เท้าเมิ่งมาตัดสินให้ข้าจริงๆ แต่ในเมื่อท่านออกหน้าแล้ว เช่นนั้นข้าขอให้ท่านช่วยตัดสินเรื่องที่พวกเขาทำให้การทำงานล่าช้าด้วยเจ้าค่ะ”

หัวหน้าหมู่บ้านหัวเราะเสียงดัง “ล้วนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน นับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เจ้าก็ใจกว้างหน่อย อย่าลดตัวลงไปมีเรื่องกับพวกเขา”

ไป๋จื่ออมยิ้ม พร้อมกับพยักหน้า นางกะพริบดวงตาคู่สวยให้หัวหน้าหมู่บ้าน ทำเอาอีกฝ่ายหัวเราะเสียยกใหญ่

“ท่านลุงหัวหน้าหมู่บ้านพูดเช่นนี้ ข้าย่อมไม่ลดตัวลงไปมีเรื่องกับพวกเขาหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่ข้าไม่อยากให้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำสอง ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมทนให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ แน่”

เมื่อกล่าวจบ นางก็หมุนตัวไปเปิดผ้าฝ้ายบางๆ ที่ปิดถังไม้ไว้ ทำให้ไอร้อนสายหนึ่งพวยพุ่งออกมา

ถังทั้งสองนี้ ถังหนึ่งใส่หมั่นโถวสีขาว อีกถังใส่โจ๊กขาวข้นและนุ่ม เสริมผักเคียงอีกหนึ่งกะละมังใหญ่ แม้จะเป็นอาหารง่ายๆ แต่กลับส่งกลิ่นหอมจนทำให้คนเกิดความรู้สึกหิวโหยในทันที

“ท่านลุงซ่ง สายแล้ว กินเสียก่อนค่อยทำงานเถอะเจ้าค่ะ วันนี้เสียเวลาไปทั้งเช้าแล้ว เช่นนั้นก็กินข้าวที่นี่เสียเลย กินเสร็จแล้วค่อยเริ่มงานนะเจ้าคะ” ไป๋จื่อพูดกับนายช่างซ่ง

ฝ่ายนายช่างซ่งพยักหน้า “ดีๆ เอาตามนั้นแล้วกัน” เขาหันหลับไปเรียกเหล่าคนงานให้มากินข้าว

ทุกคนได้โจ๊กขาวชามใหญ่ และหมั่นโถวคนละสองลูก ส่วนผักเคียงตักได้ตามใจชอบ

คนในหมู่บ้านที่ยังไม่แยกย้ายกันไปเห็นอาหารเหล่านี้แล้ว ก็คิดถึงน้ำแกงและผักป่าที่บ้านของตนเองขึ้นมา อยากจะได้รับการเอาใจจากครอบครัวเสียจริงๆ

อู๋เจียงและหลี่เฉิงกลับเกรงใจอยู่บ้าง ไม่กล้าไปรับอาหาร

นายช่างซ่งเห็นแล้ว จึงกล่าวถามว่า “พวกเจ้าไม่กินหรือ”

ทั้งสองคนสบตากันครั้งหนึ่ง กลืนน้ำลายไปพลาง บอกว่าไม่หิวไปพลาง