ภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของทุกคน ซูฉิงหยิบชุดขึ้นมาและใช้กรรไกรเพื่อถอดกระดุมทั้งหมดที่ด้านหลังชุดออก
ทุกคนมองหน้ากันไปมา ซูฉิงจะทำอะไร?
ทำไมกระดุมทั้งหมดจึงถูกตัดออกล่ะ? ชุดจะไม่พังเหรอ?
ตอนนี้เห็นเพียงซูฉิงที่กำลังจัดเรียงแถวของกระดุมใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มร้อยด้าย และเย็บกระดุมอย่างรวดเร็ว
เทคนิคการปักเย็บที่ดูมีทักษะของเธอ ทำให้ทุกคนตะลึง
ดวงตาที่ลึกล้ำของฮ่อหยุนเฉิงจับจ้องไปที่ร่างกายของซูฉิง มันเต็มไปด้วยการสังเกตุ
คู่หมั้นของเขาที่มาจากบ้านนอก ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมากอีกแล้ว
าชุดนี้ออกแบบและผลิตโดย สตูดิโอ leo ถ้าไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองจริงๆ จะกล้าตัดกระดุมทั้งหมดแล้วเย็บใหม่ได้ยังไงกัน?
ผ่านไปไม่นาน ก็ผ่านไป 5 นาที ซูฉิงติดกระดุมเรียบร้อยแล้ว และกระดุมทั้งเก้าก็ถูกจัดเรียงใหม่ และไม่มีร่องรอยของรอยกระดุมอันเดิมอีกเลย
“เรียบร้อย” ซูฉิงนำเข็มและด้ายไปวางไว้ในกล่องเครื่องมือด้านข้าง
ทันใดนั้นฮ่อหยุนเฉิงก็เดินไปที่ด้านข้างของเธอ และเสียงที่เหมือนมีพลังแม่เหล็กก็ดังขึ้นในหูของเธอ
เขาพยักหน้าเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น “เธอรู้เรื่องแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?”
ซูฉิงจัดกล่องเครื่องมือออก มองย้อนกลับไปแล้วยิ้ม “นายลืมไปว่าฉันมาจากบ้านนอก ฉันจะทำมาหากินได้อย่างไรถ้าฉันไม่เรียนรู้งานฝีมือพวกนี้?”
เธอไม่สนใจฮ่อหยุนเฉิง ซูฉิงหยิบชุดขึ้นมาแล้วยื่นให้หลิวเสี่ยวหนิง “คุณลองใส่ดูนะ”
หลิวเสี่ยวหนิงหยิบชุดแล้วไปที่ห้องลองชุด เมื่อเธอออกมา เอฟเฟกต์ของการสวมชุดนี้ก็ดูน่าทึ่งยิ่งกว่าของแอนนี่เสียอีก
ซูฉิงรู้สึกพอใจมาก ในขณะที่ฮ่อหยุนเฉิงมองซูฉิงด้วยสายตาที่ดูชื่นชมมากขึ้น
หลิวเสี่ยวหนิงเหมาะสมกว่าแอนนี่จริงๆ
เมื่อทุกอย่างพร้อม ซูฉิงก็พูดกับช่างภาพว่า “โอเคค่ะ เราสามารถเริ่มถ่ายได้แล้ว”
นี่เป็นครั้งแรกที่ถ่ายทำโฆษณาที่สำคัญเช่นนี้ และหลิวเสี่ยวหนิงก็ดูประหม่าเล็กน้อย และการเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่เปิดกว้างนัก
ซูฉิงเรียกหยุดสองสามครั้งและสาธิตให้หลิวเสี่ยวหนิงดูด้วยตนเอง
“อย่ากังวล ผ่อนคลายๆ” ซูฉิงสอนหลิวเสี่ยวหนิงอย่างอดทน ราวกับเป็นการฝึกฝนตามปกติ
ฮ่อหยุนเฉิงยืนอยู่ข้างๆ มองซูฉิงที่ทำงานหนัก และมุมริมฝีปากของเขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้น
คู่หมั้นของเขาเก่งรอบด้านจริงๆ
สิ่งที่คุณปู่พูดนั้นไม่ผิดเลยจริงๆ ตอนนี้เขากำลังค้นพบข้อดีของซูฉิงทีละเล็กทีละน้อย
ถ้าไม่มีถังถัง บางทีเขาอาจจะยอมไปพร้อมกับซูฉิงได้จริงๆ
แต่ว่า…….
เมื่อคิดถึงถังถัง ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงก็หรี่ลงเล็กน้อย
เขาตามหาถังถังมาหลายปี แต่ก็ไม่พบวี่แววอะไรเลย
ถังถังของเขาตอนนี้อยู่ที่ไหนกันนะ?
หลิวเสี่ยวหนิงศึกษาอย่างถ่อมตัวและจริงจัง หลังจากนั้นไม่กี่ครั้ง ในที่สุด เธอก็ค่อยๆ เข้าใจและทำได้ตามความต้องการของซูฉิง
“ไม่เลวเลย ทำต่อไปคะ” ซูฉิงยิ้มด้วยความพึงพอใจ
สองชั่วโมงต่อมา การถ่ายทำก็เสร็จสิ้นลง
หลิวเสี่ยวหนิงถอนหายใจยาวๆด้วยความโล่งอก และมองไปที่ซูฉิงด้วยความกตัญญู “ขอบคุณมากๆเลยนะคะพี่ฉิงที่สอนฉันหลายสิ่งหลายอย่าง”
ซูฉิงยิ้มเบา ๆ “ไม่เป็นไร เป็นหน้าที่ของฉีนอยู่แล้ว”
“พรุ่งนี้เวลา 9.00 น. อย่าลืมมาที่นี่ให้ตรงเวลานะ พรุ่งนี้เราจะถ่ายทำนอกสถานที่” ซูฉิงพูดกับเฉินจุนเหยียน และหลิวเสี่ยวหนิง
“ซูฉิง คืนนี้คุณว่างไปทานอาหารเย็นด้วยกันไหม? พอดีฉันจะเอาเอกสารที่เราคุยกันครั้งก่อนมาให้คุณด้วย “เสียงที่สงบและชัดเจนของเฉินจุนเหยียนฟังดูมีความคาดหวังเล็กน้อย
แผนการของเขาที่จะเปลี่ยนจุดสนใจของ สตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ไปยังประเทศจีนได้ทำเสร็จแล้ว และเขาพร้อมที่จะแสดงให้ซูฉิงได้เห็นแล้ว
ขณะที่ซูฉิงกำลังจะพูดอะไร เธอก็เห็นฮ่อหยุนเฉิงยืนอยู่ข้างซูฉิงด้วยขายาวของเขา มือใหญ่ๆโอบที่เอวของเธอ และพูดด้วยสายตาที่ลึกล้ำว่า “คืนนี้เธอไม่ว่าง”
ต่อหน้าเฉินจุนเหยียนการกระทำที่ใกล้ชิดของฮ่อหยุนเฉิงทำให้ซูฉิงอายเล็กน้อยและใบหน้าของเธอก็กลายเป็นสีแดง
ผู้ชายคนนี้เป็นอย่างนี้จริง ๆ นี่คือการประการอำนาจใช่ไหม?
แต่ดูเหมือนเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเธอจริงๆสักหน่อย? ทำไมถึงมาเธอตัดสินใจแทนเธอล่ะ?
ยิ่งไปกว่านั้นเฉินจุนเหยียนกำลังชวนเธอไปกินข้าว แล้วมันก็เป็นเรื่องของธุรกิจ
การกระทำที่ใกล้ชิดเช่นนี้ทำร้ายดวงตาของเฉินจุนเหยียนมาก เขาเม้มริมฝีปากแน่นและหันหลังกลับไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“เฉินจุนเหยียน…” ซูฉิงอยากจะตามเขาไปและอธิบายให้เขาฟัง แต่มือใหญ่ของฮ่อหยุนเฉิงก็จับเธอไว้แน่น
ซูฉิงจ้องไปที่ฮ่อหยุนเฉิงอย่างโกรธเคือง “ปล่อยฉัน”
“ทำไม อดใจรอที่จะอยู่กับเฉินจุนเหยียนไม่ไหวแล้วหรอ?” ใบหน้าของฮ่อหยุนเฉิงดูมืดมนอย่างน่ากลัว
“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับนาย?” ซูฉิงใช้แรงดินออกจากฮ่อหยุนเฉิง “”ต่อไปไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉันอีก”
ดวงตาที่เยือกเย็นของฮ่อหยุนเฉิงปรากฏขึ้น ส่วนซูฉิงก็หันหลังและจากไป
……
สวีหว่านเอ๋อร์ค่อนข้างรู้สึกหงุดหงิดในช่วงสองสามวันนี้ เดิมที เธอต้องการยุยงให้แอนนี่จัดการกับซูฉิง แต่ใครจะรู้ว่าแอนนี่จะไร้ประโยชน์แบบนี้ และเธอก็แพ้ไป
ไม่รู้ว่าซูฉิงมีความสามารถอะไรนักหนา เธอสามารถเปลี่ยนโชคร้ายเป็นโชคดีได้ทุกครั้ง
สวีหว่านเอ๋อร์กำลังจะขอให้ไป๋หลานไปช้อปปิ้งกับเธอ ทันใดนั้นแม่บ้านก็เข้ามาและพูดว่า “คุณหนู มีคุณหญิงเซี่ยกำลังรอคุณหนูอยู่ข้างนอกค่ะ”
คุณผู้หญิงเซี่ยงั้นเหรอ?
สวีหว่านเอ๋อร์โบกมืออย่างไม่อดทน “ไม่พบ!”
“ค่ะ” แม่บ้านหันหลังเดินออกไป
สวีหว่านเอ๋อร์โทรหาไป๋หลานและทั้งสองก็นัดกันไปช็อปปิ้ง
ขณะที่ขับรถขับรถออกจากประตูบ้านของตระกูลสวีไป ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งวิ่งเข้ามา
สวีหว่านเอ๋อร์เบรกด้วยเท้าเดียว และทั้งตัวของเธอก็แทบจะกระแทกกระจกหน้ารถแล้ว
“คนบ้าที่ไหนเนี้ย?” สวีหว่านเอ๋อร์ลงจากรถอย่างโกรธเคือง และเอเพิ่งจะเห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่ขวางทางเธออยู่คือเซี่ยซิงซิง
“เป็นเธอเองเหรอ?” สวีหว่านเอ๋อร์ขมวดคิ้วและมองเซี่ยซิงซิง”เธอบ้าไปแล้วหรือ? เธอกำลังจะทำอะไรกับรถของฉัน?”
“คุณหนูสวี คุณต้องช่วยฉันนะคะ” เซี่ยซิงซิงดูเขินอายเล็กน้อยในขณะนี้
ตั้งแต่เธอถูกไล่ออกจากตระกูลฮ่อกรุ๊ป เธอก็ติดบัญชีดำ และการหางานของเธอก็ยากมาก และตอนนี้เธอก็ไม่เหลืออะไรแล้ว
ด้วยความสิ้นหวัง เซี่ยซิงซิงจึงคิดขึ้นมาได้ว่าสวีหว่านเอ๋อร์เคยเข้ามาพัวพันกับเธอ
“ช่วยเธอ? ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลยนะ!” สวีหว่านเอ๋อร์พูดอย่างโกรธเคือง “ใครบอกให้เธอทำร้ายฮ่อหยุนเฉิง?”
“นี่เป็นอุบัติเหตุ! เป้าหมายของฉันคือซูฉิง” เมื่อพูดถึงซูฉิง เซี่ยซิงซิงก็กัดฟันด้วยความเกลียดชัง “แต่ใครจะไปรู้ คุณฮ่อเขาจะมาบังมีดให้ซูฉิง! ทั้งหมดเป็นเพราะซูฉิง ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ฉันก็ถูกประธานฮ่อไล่ออกจากงานหรอก และตอนนี้ฉันก็หางานไม่ได้เลย!”
สวีหว่านเอ๋อร์ยกริมฝีปากของเธอขึ้น “เธอยังบอกด้วยว่าคนที่ทำร้ายเธอคืซูฉิง แล้วทำไมเธอไม่ไปชำระความกับมันล่ะ?
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน!” เซี่ยซิงซิงกำหมัดแน่น “แต่ซูฉิงอยู่ในตระกูลฮ่อหรือในบ้านของฮ่อหยุนเฉิง ฉันไม่มีโอกาสเข้าใกล้เธอได้เลย”
“อย่างนั้นเอง” สวีหว่านเอ๋อร์ครุ่นคิด “ฉันได้ยินมาว่าซูฉิงจะไปที่ทะเลสาบแห่งรักพรุ่งนี้เพื่อถ่ายทำนอกสถานที่ คนจำนวนมากจมน้ำตายในทะเลสาบแห่งรักทุกปี ถ้าพรุ่งนี้มีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับซูฉิง… ”
“ใช่ มันเป็นอุบัติเหตุ!” เซี่ยซิงซิงได้ยินคำพูดนี้ ด้วยสายตาที่ชั่วร้ายของเธอก็เป็นประกาย
พรุ่งนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเธอ!