ตอนที่ 59: แก้แค้น
ใบหน้าของเฉิงหมิงเซียงเคร่งเครียดขึ้นในขณะที่เขาได้ยินศิษย์คนนั้นตะโกนออกมา เขาเอาจดหมายมาแล้วเฉิงหมิงเซียงก็ฉีกมันออก
ในขณะที่เขาอ่านข้อความในจดหมาย ใบหน้าของเฉิงหมิงเซียงก็หม่นลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ตาของเขาก็เริ่มมีแววโกรธออกมา
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเฉิงหมิงเซียงแล้ว เด็กหนุ่มที่เพิ่งประมือกับเขาก็ถามออกมาอย่างสงสัย “นายน้อยเฉิง เกิดอะไรขึ้น มีบางอย่างเกิดขึ้นที่สำนักหรือไม่ ? “
เขากำหมัดแน่น ขยำจดหมายลงไปเหมือนเป็นลูกบอลกระดาษ ในขณะที่เฉิงหมิงเซียงโกรธมากขึ้นมากขึ้น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“เจียงหยาง เซียงเทียน…” เฉิงหมิงเซียงขบฟันในขณะที่นิ้วของเขาจิกไปที่ฝ่ามือ แค่มองก็บอกได้แล้วว่าเขานั้นโกรธเพียงใด
เมื่อได้ยินเฉิงหมิงเซียงเอ่ยถึงชื่อของเจียงหยาง เซียงเทียน เด็กหนุ่มนั้นก็ยิ่งงงเข้าไปอีก เขาอ้าปากถามอีกครั้ง “นายน้อยเฉิง เกิดอะไรขึ้นกัน ? “
เฉิงหมิงเซียงตอนกลับด้วยเสียงที่มืดมน “ฝ่าบาทยกองค์หญิงเกอหลันให้กับเจียงหยาง เซียงเทียนและมันก็ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วด้วย”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขารู้ว่าเฉิงหมิงเซียงมีใจให้องค์หญิง ตั้งแต่ที่เฉิงหมิงเซียงเห็นนางครั้งแรกที่พระราชวัง เขาก็ยกย่องความงามของนางอย่ในระดับเดียวกันกับเทพธิดาและตกหลุมรักนาง ตั้งแต่ตอนนั้น เขาก็ไม่สามารถลดความรู้สึกนั้นได้เลย
ภายในใจของเฉิงหมิงเซียงเอง เขาได้คิดว่าองค์หญิงเกอหลันนั้นเป็นของเขาแล้ว เพราะว่า ภายในอาณาจักรเกอซุนแล้วนั้น เขาเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เหมาะกับองค์หญิงเช่นนาง ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานทางครอบครัวหรือพรสวรรค์ในการฝึกฝน เฉิงหมิงเซียงไม่ได้ขาดสองสิ่งนี้เลย ด้วยสำนักหัวหยุนของเขา พวกเขามีพลังเกือบที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของราชนิกูลของอาณาจักรเกอซุนได้ และภายในสำนักเอง สถานะของเฉิงหมิงเซียงก็ยิ่งใหญ่เหนือกว่าคนอื่น
ในอดีตที่ผ่านมา เฉิงหมิงเซียงต้องการให้บิดามารดาของเขามาสู่ขอองค์หญิงแต่งงานหลายครั้ง แต่บิดามารดาของเขานั้นต้องการให้เขาจดจ่อในการฝึกฝนมากกว่า พวกเขาไม่ต้องการให้การฝึกฝนถูกรบกวนจากเรื่องผู้หญิง
การปฏิเสธของบิดามารดาของเขาที่จะช่วยเขาในการสู่ขอองค์หญิงทำให้เขาไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ในใจของเขาแล้ว เฉิงหมิงเซียงได้ตัดสินใจแล้วว่าองค์หญิงเกอหลันนั้นเป็นของเขาและไม่มีใครจะเอานางไปจากเขาได้ เพราะว่าไม่มีใครควรค่ากับองค์หญิงเกอหลันซึ่งทำให้เขารู้สึกปลอดภัย
แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่าเขาจะพบบางคนในสำนักคากัตที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขา พรสวรรค์ในการฝึกฝนของเจียงหยาง เซียงเทียนนั้นเกินกว่าที่เขามี และเขายังเอาตำแหน่งที่หนึ่งในด้านอัจฉริยะการฝึกฝนในสำนักคากัตของเขาไปอีก ไม่เพียงแต่เขาจะเอาสิ่งนั้นไป แต่เจียงหยางเซียงเทียนยังเอาคนที่เขารักไปอีก มันทำให้เฉิงหมิงเซียงอดทนมากไปกว่านี้ไม่ได้
เด็กหนุ่มที่สู้กับเฉิงหมิงเซียงมองไปที่เขาอย่างระมัดระวังก่อนที่จะกระซิบออกมา “นายน้อย ท่านมีแผนการเช่นไร ? “
ตาของเฉิงหมิงเซียงเป็นประกายไปด้วยความอาฆาตในขณะที่เขาคำรามออกมา “องค์หญิงเกอหลันเป็นของข้า ภายในอาณาจักรเกอซุน ข้าเป็นคนเดียวเท่านั้นที่เหมาะที่จะแต่งงานกับนาง” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธโดยไม่สนใจอะไร “ชาลา พาคนมา พวกเราจะไปหาเจียงหยาง เซียงเทียน ครั้งนี้ พวกเราจะสั่งสอนมันที่พยายามจะขโมยผู้หญิงของคนอื่น”
“ขอรับนายน้อย” เด็กหนุ่มรีบออกไปเพื่อรวบรวมคนทันที
เนื่องด้วยความแข็งแกร่งของเฉิงหมิงเซียง เขาจึงรวบรวมคนกลุ่มใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว มีคนอย่างน้อยสิบหกคนจากตระกูลที่มีชื่อเสียงและพวกเขาทั้งหมดก็เป็นเซียน ไม่เพียงแค่นั้น คนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ยังเคยถูกเจี้ยนเฉินชิงเอาแกนสัตว์อสูรไป ทำให้พวกเขาล้มเหลวในภารกิจในป่า เพราะอย่างนั้น พวกเขาทั้งหมดจึงเก็บความขุ่นแค้นเจี้ยนเฉินเอาไว้ เมื่อเฉิงหมิงเซียงเริ่มรวบรวมคน แต่ละคนจึงกระหายที่จะเข้าร่วมด้วย
ในกลุ่มนี้ มีสองคนที่เจี้ยนเฉินคุ้นเคยด้วย พวกนั้นคือ ลั่วเจี้ยนจากตระกูลลั่ว และกาดิหยุนจากตระกูลกาดิ
เฉิงหมิงเซียงกวาดตามองทุกคนอย่างรวดเร็ว เขายิ้มกว้าง “ดี มีคนมากมายอยู่ที่นี่ ถ้าพวกเราทำให้เจียงหยาง เซียงเทียนพิการไปได้ ตระกูลเจียงหยางก็คงไม่กล้าที่จะพูดอะไร คนที่มารวมกันที่นี่ในวันนี้มีอิทธิพลไม่น้อยน้อย แม้แต่จักรพรรดิยังต้องปวดหัวถ้าเขาพยายามที่จะปกป้องเจียงหยาง เซียงเทียน”
เฉิงหมิงเซียงมั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะเจียงหยาง เซียงเทียนในการต่อสู้ที่ยุติธรรมได้ แต่ในตอนนี้จักรพรรดิของเขาได้ประกาศการแต่งงานระหว่างเจียงหยาง เซียงเทียนและองค์หญิงเกอหลันไปแล้ว สถานภาพของเขาก็เหมือนขาวกับดำเมื่อเทียบกับแต่ก่อน ไม่เพียงแต่เจียงหยาง เซียงเทียนจะได้รับการสนับสนุนจากตระกูล เขายังมีราชนิกุลคอยสนับสนุนอีก ด้วยสองอย่างนั้นรวมกัน แม้แต่เฉิงหมิงเซียงที่ถือว่าทรงอิทธิพลและอำนาจยังต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ถ้าเขาต้องการที่จะสั่งสอนบทเรียนธรรมดาสามัญ นั่นคงจะไม่ใช่ปัญหา แต่เฉิงหมิงเซียงไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้น ด้วยเหตุผลนี้ เขาจึงเรียกหลายคนที่มีอิทธิพลให้มาเข้าร่วมกับเขา ด้วยการร่วมมือกันแบบนี้ แม้แต่จักรพรรดิยังต้องคิดแล้วคิดอีกที่จะทำการสอบสวน แม้แต่ตระกูลเจียงหยางเองก็ไม่มีสิทธิ์มีเสียงกับกลุ่มคนเหล่านี้ได้
“ชาลา เอาตัวบางคนไปหาตำแหน่งของเจียงหยาง เซียงเทียน จำไว้ว่าอย่างให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ถ้ารองอาจารย์ใหญ่หรืออาจารย์ใหญ่รู้เข้า แผนทั้งหมดจะเสียเอา” เฉิงหมิงเซียงบอกกับคู่ฝึกของเขา
“ขอรับ นายน้อย”
หลังจากนั้น ชาลาก็ใช้เงินและเส้นสายของเขาในสำนักเพื่อที่จะได้รู้ถึงที่อยู่ของเจียงหยาง เซียงเทียน ในเวลาเดียวกัน เขาก็ส่งบางคนที่เขาไว้ใจให้ไปค้นหาทั่วสำนัก
มันเงียบสงบมากในสำนักคากัต ไม่มีอะไรน่าสงสัยจากการเคลื่อนไหวจากเฉิงหมิงเซียงและพวกของเขา
หนึ่งชั่วยามต่อมา ศิษย์ 20 คนที่ชาลาส่งไปก็กลับมาทีละคน
“นายน้อยเฉิง พวกเราหาไปทั่วทั้งสำนักคากัตแล้ว แต่ไม่มีวี่แววของเจียงหยาง เซียงเทียนเลย” มีคนรายงานเขา
เฉิงหมิงเซียงขมวดคิ้วแล้วพูด “เป็นไปได้ยังไง? เจียงหยาง เซียงเทียนไม่ได้อยู่ในสำนักตอนนี้งั้นหรือ?”
“ข้าได้ยินมาว่าเจียงหยาง เซียงเทียนนั้นชอบอ่านหนังสือในหอหนังสือ เข้าไปหาที่อาคารนั้นหรือยัง?” ลั่วเจี้ยนถามอยู่ข้างข้าง แม้ว่าลั่วเจี้ยนจะถูกเจี้ยนเฉินแทง แต่ยาก็ทำให้ร่างกายของเขาหายดีเหมือนเดิมแล้ว
“พวกเราก็หาที่หอหนังสือด้วย แต่เจียงหยาง เซียงเทียนก็ไม่อยู่ที่นั่น” ผู้นำกลุ่มค้นหาพูดต่อ
ในตอนนี้เอง เด็กหนุ่มที่อ้วนจ้ำม่ำก็พูดออกมา “ข้าได้ยินมาว่าเจียงหยาง เซียงเทียนเป็นผู้คุมกฎของเด็กใหม่ ผู้คุมกฎของเด็กใหม่มีสิทธิพิเศษที่จะเข้าไปในหอหนังสือชั้นที่ห้าได้ เป็นไปได้ไหมว่าเจียงหยาง เซียงเทียนอยู่ในนั้น? ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราคงได้แค่รอให้เขาออกมาก่อนที่พวกเราจะลงมือ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนในกลุ่มก็พยักหน้า สิ่งที่เด็กหนุ่มอ้วนพูดมาฟังดูมีเหตุผล
ผู้นำกลุ่มค้นหาส่ายหัวแล้วพูด “เป็นไปไม่ได้ ข้าถามเจ้าหน้าที่หญิงในหอหนังสือแล้ว นางบอกว่าเจียงหยาง เซียงเทียนไปได้เข้าไปในหอหนังสือวันนี้”
“เป็นไปได้ไหมว่า เจียงหยาง เซียงเทียนไม่ได้อยู่ในพื้นที่สำนักจริง ๆ ? ” เฉิงหมิงเซียงขมวดคิ้ว
ในตอนนี้เอง ศิษย์คนอื่นก็ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูออกมา “นายน้อยเฉิง แม้ว่าพวกเราจะหาเจียงหยาง เซียงเทียนไม่พบ แต่พวกเราพบเจียงหยางหู่ที่ป่าเล็กทิศตะวันออก เจียงหยางหู่เป็นพี่ใหญ่ของเจียงหยาง เซียงเทียน ข้าว่าเขาอาจจะรู้ว่าเจียงหยาง เซียงเทียนอยู่ที่ไหน”
สายตาของลั่วเจี้ยนเป็นประกายขึ้นมา แต่อารมณ์ของเขาก็กลับมาเหมือนเดิมในไม่ช้า เขาจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นได้ แกนสัตว์อสูรที่เขาครอบครองทั้งหมดถูกน้องของเจียงหยางหู่และเถี่ยต้าขโมยไป แม้ว่าเขาไม่กล้าที่จะล้างแค้นเถี่ยต้า แต่ว่าเขาไม่กลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับน้องชายของเจียงหยางหู่ เจียงหยาง เซียงเทียน
“ไม่เลว เจียงหยางหู่รู้แน่ว่าเจียงหยาง เซียงเทียนไปไหน ข้าแนะนำให้พวกเราไปถามเขา” ลั่วเจี้ยนพูดเสียงทุ้ม ตาของเขาเป็นประกายอันตราย
“เอาล่ะ พวกเราไปตามหาเจียงหยางหู่กันก่อน”
ทุกคนตกลงกับข้อแนะนำของลั่วเจี้ยนอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะไม่ให้ศิษย์คนอื่นสงสัย พวกเขาก็แบ่งเป็นกลุ่มและใช้เส้นทางต่างกันในการไปที่ป่าเล็กทิศตะวันออก
ในตอนที่พวกเขามุ่งไปที่ป่าเล็ก พวกเขาก็เห็นว่าเจียงหยางหู่ยังอยู่ที่นั่นและกำลังฝึกศิลปะการต่อสู้อยู่
เมื่อเห็นเจียงหยางหู่ สายตาของลั่วเจี้ยนก็ลุกไหม้ไปด้วยความเกลียดชังทันที เหมือนว่าเขาจะสามารถพ่นไฟออกมาได้ บางทีเจียงหยางหู่อาจจะฝึกอย่างเคร่งเครียดจนไม่ทันสัมผัสได้ว่ากลุ่มคนของเฉิงหมิงเซียงได้เข้ามาแล้ว
กลุ่มของเฉิงหมิงเซียงเดินไปที่เจียงหยางหู่พร้อมกัน พวกเขายืนเป็นวงกลมล้อมเอาไว้ เมื่อรู้ตัวแล้ว เจียงหยางหู่ก็ละสมาธิจากการฝึกในที่สุด ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร เขาก็ถูกล้อมไปด้วยศิษย์สิบกว่าคนแล้ว
สายตาของเจียงหยางหู่มองไปรอบ ๆ หลังจากที่เขาเห็นท่าทางบนใบหน้าของอีกฝ่าย หัวใจของเขาก็หยุดเต้นเหมือนว่าเขามีลางสังหรณ์ร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้เห็นสายตาที่เกลียดชังของลั่วเจี้ยนที่มองมาที่เขา ท่าทางของเจียงหยางหู่ก็อดไม่ได้ที่หนักใจ
“พวกเจ้าต้องการอะไร?” เจียงหยางหู่ถาม แม้ว่าจะมีคนสิบกว่าคนล้อมเขาอยู่ แต่ใบหน้าของเขาก็ไม่แสดงความหวาดกลัวออกมา
ลั่วเจี้ยนเหยียด “เจียงหยางหู่ เจ้าจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าเมื่อสองสามวันก่อน?” หน้าของเขามืดมนในขณะที่เขาพูดและจ้องมองออกไป “กลุ่มของเจ้ากล้าขโมยผลงานที่ข้าทำมาอย่างหนักถึงสามวัน และทำให้ข้าตก ข้าจะให้เจ้าได้ชดใช้แบบตาต่อตาแน่”
เจียงหยางหู่พ่นลมออกทางจมูกและสายตาของเขาที่มองไปที่ลั่วเจี้ยนก็ไม่แสดงท่าทางกลัวเลยในขณะที่เขาพูดออกมาอย่างเย็นชา “ลั่วเจี้ยน นั่นเป็นปัญหาที่เจ้าสร้างเอง ไม่มีทางที่พวกเราจะไปบ่นสิ่งที่เกิดได้ ถ้าเจ้าไม่พยายามที่จะขโมยแกนสัตว์อสูรของพวกเราก่อน เหตุการณ์แบบนั้นก็คงไม่เกิด ทุกอย่างเป็นความผิดของเจ้าเอง ถ้าเจ้าต้องการที่จะโทษอะไรละก็ ก็โทษตัวของเจ้าเองที่ไม่มีความแข็งแกร่ง เจ้ายังพ่ายแพ้ให้กับน้องสี่ของข้าที่ยังไม่ได้เป็นเซียนเลยด้วยซ้ำ” เจียงหยางหู่หัวเราะเยาะ ในขณะที่เขามองไปที่ลั่วเจี้ยนอย่างเหยียดหยาม
“เจ้า…” ลั่วเจี้ยนไม่พอใจไปชั่วครู่กับการตอกกลับของเจียงหยางหู่ที่เขาไม่สามารถตอบโต้ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในป่าคืนนั้นเป็นอะไรที่น่าอับอายและจะไม่มีวันหายไปจากความทรงจำของเขา แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะอยู่ในระดับเซียนชั้นกลาง แต่เขาก็ยังมาแพ้เด็กใหม่ที่ยังไม่ได้เป็นแม้แต่เซียนอีก นอกเหนือไปจากนั้น แกนสัตว์อสูรที่เขาใช้เวลาสามวันในการรวบรวมมาอย่างยากลำบากยังถูกเอาไปอีก ผลลัพธ์แบบนี้เป็นอะไรที่นายน้อยของตระกูลลั่วไม่สามารถรับได้
ถ้าคำเยาะเย้ยนี้ไปถึงตระกูลล่ะก็ ลั่วเจี้ยนคงไม่สามารถเชิดหน้าชูตาได้ในอนาคต