ตอนที่ 90.2 ระบำอันงดงาม (2) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ดังนั้นเมื่อหนานกงจวิ้นซีเดินไปถึงถนนใหญ่ ก็ดึงดูดสายตาผู้คนทันที

เมื่อเห็นทุกคนมองตนอย่างตกตะลึงโดยไม่ปิดบัง ทำให้หนานกงจวิ้นซีรู้สึกอึดอัดใจ

ใบหน้าที่แม้จะพอกด้วยผงแป้งแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย

อันที่จริงแม้ทุกคนจะมองเขาด้วยสายตาตกตะลึง แต่การตกตะลึงของทุกคน เกิดจากการที่เขาเป็นสาวงาม เป็นสตรี

หนานกงจวิ้นซีจึงน้ำตาตกใน

ตรงข้ามกับหนานกงจวิ้นซีที่ขวยเขินอึดอัด เล่อเหยาเหยาที่เดินอยู่ไม่ไกลจากเขา กลับแตกต่างออกไป

ครั้งแรกที่แต่งกายด้วยชุดสตรีอันสวยงาม แม้ใบหน้าไร้เครื่องประทินโฉม บนศีรษะไร้เครื่องประดับที่งดงาม แต่เมื่อเผชิญกับสายตาตกตะลึงของทุกคน ทำให้เล่อเหยาเหยาเบิกบานใจไม่หยุด

เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอกลับมาแต่งกายเป็นสตรี!

นี่จึงเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ!

เธอเป็นผู้หญิงแท้ร้อยเปอร์เซนต์!

ดังนั้นเมื่อทุกคนมองตนด้วยสายตาตกตะลึง เล่อเหยาเยารู้สึกว่าร่างกายแทบจะลอยขึ้นมา

เพราะทุกคนต่างรักสวยรักงาม เธอที่เป็นผู้หญิงจึงไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน

ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงดีอกดีใจไม่หยุด  บนใบหน้าปรากฎรอยยิ้มสดใสหยาดเยิ้มออกมา

เธอยิ้มจนคิ้วโค้งงอ และเผยฟันขาวดวงตาสุกใสออกมา ดุจดอกท้อสามพันดอกที่เบ่งบาน งดงามสะดุดตา ทำให้คนละสายตาไม่ได้

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยายิ้มดุจดอกไม้งดงามสดใสในฤดูร้อน หนานกงจวิ้นซีที่มองอยู่ด้านข้าง เกิดข้อสงสัยขึ้นมาในใจมากมาย

แต่งกายเป็นสตรียังยิ้มดีใจคล้ายเห็นทองได้เช่นนี้ หรือเป็นเพราะความแตกต่างของการตัดนกน้อยและไม่ตัดนกน้อย!

หนานกงจวิ้นซีสงสัยในใจ

เล่อเหยาเหยาไม่รู้สิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจ หากรู้ละก็ต้องโมโหคัดค้านอย่างแน่นอน

ตัดนกน้อย เจ้าสิตัดนกน้อย บ้านเจ้าทุกคนต่างโดนตัดนกน้อย!

ขณะที่เล่อเหยาเหยาและหนานกงจวิ้นซีมาถึงสถานที่จัดการแข่งขัน ตอนนี้ที่นั้นก็อัดแน่นไปด้วยผู้คนแล้ว

แม้ช่วงที่ผ่านมาจะเกิดเรื่องควักหัวใจ จนผู้คนในเมืองหลวงต่างตื่นตระหนกตกใจ แต่กลับไม่ได้กระทบต่ออารมณ์ของทุกคนมากมายนัก

ปีนี้จึงมีราษฎรจำนวนไม่น้อยที่มาชมการแข่งขันแสดงความสามารถด้านศิลปะ

ทอดสายตามองออกไป

เห็นเพียงในจัตุรัสที่โล่งแจ้ง มีการสร้างเวทีขนาดใหญ่ขึ้นมา นี่เป็นเวทีแสดงสำหรับผู้เข้าร่วมแข่งขัน

ด้านล่างเวที มีเก้าอี้วางเรียงเป็นแถว

แถวด้านหน้าทำเลดีที่สุด มีโต๊ะตั้งอยู่ด้านหน้า ด้านบนยังวางพวกขนมและผลไม้

ตำแหน่งเหล่านี้ถูกจัดเตรียมให้กับคณะกรรมการในการแข่งขันแสดงความสามารถด้านศิลปะนั่ง

ส่วนเก้าอี้แถวด้านหลังนั้น จัดเตรียมไว้ให้กับเหล่าราษฎรที่มาชมการแสดง

เวลานี้ด้านล่างเวทีอัดแน่นไปด้วยผู้คน เดินกันขวักไขว่ เสียงจอแจวุ่นวาย ดังออกมาจากตรอกซอย ครึกครื้นอย่างยิ่ง!

อีกด้านของจัตุรัส ยังมีแผงขายของจำนวนไม่น้อยมาเปิดค้าขาย ที่ส่งเสียงเรียกลูกค้าไม่หยุด

แม้การแข่งขันครั้งนี้จะเป็นเรื่องสมมติ เพื่อให้พวกลัทธินอกรีตโยนตนเองเข้าไปในร่างแห[1]

แต่เมื่อเห็นงานอลังการใหญ่โต ผู้คนล้นหลาม หลั่งไหลมาไม่หยุด มากกว่าการแสดงในงานโรงเรียนของเธอในปีนั้น

เล่อเหยาเหยาที่มองเห็นก็อดตกตะลึงไม่ได้

สีหน้าเช่นนี้ของเธอ ตกอยู่ในสายตาของหนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้างทันที ทำให้ดวงตาดอกท้อของเขาอดเป็นประกายวาวขึ้นมาไม่ได้ ก่อนพลันฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วหัวเราะออกมา

“หรือว่าไม่เคยเจองานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ แล้วเกิดกลัวขึ้นมา!”

ไม่ผิดที่หนานกงจวิ้นซีจะเอ่ยเช่นนี้ เพราะในสายตาของเขาเล่อเหยาเหยาเป็นเพียงเด็กยากจน ไม่เคยออก

ท่องโลกกว้าง หาก ‘เขา’ ขึ้นไปแสดงต้องประหม่าอย่างแน่นอน

แน่นอนว่านี่คือความคิดของหนานกงจวิ้นซีเพียงคนเดียว

เพราะหากเป็นผู้อื่น ต้องหวาดกลัวเป็นกังวล แต่เล่อเหยาเหยากลับไม่ใช่หนึ่งในคนพวกนั้น!

เล่อเหยาเหยาร่าเริงสดใสมาตั้งแต่เด็ก ชื่นชอบการแสดง และมักเข้าร่วมกิจกรรมด้านการแสดงเสมอ

ตอนอยู่ในโรงเรียน ก็สร้างสรรค์ละครสั้นขึ้นมาไม่หยุด ถือว่ามีพรรสวรรค์ด้านการแสดงอย่างยิ่ง

อีกทั้งเรื่องที่ทำให้เธอดีใจที่สุด คือการได้รับการยอมรับจากทุกคน

ตอนนี้แม้โอกาสการตกรอบจะสูงและจำนวนคนที่มาชมก็มากมาย แต่เธอที่ได้เห็นกลับเพียงรู้สึกดีใจ ไม่หวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว

ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดหยอกล้อของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาเพียงปรายตามองเขาแวบหนึ่ง พลันเอ่ยอย่างดูแคลนว่า

“กลัวหรือ! แม้บ่าวจะเป็นเพียงขันทีผู้หนึ่ง แต่ไม่ได้ประหม่าและกลัว ดังนั้นองค์ชายเจ็ดวางใจได้ อีกทั้งองค์

ชายเจ็ดอย่าลืมการพนันนั้นของพวกเรานะพ่ะย่ะค่ะ!”

สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีอดเหลือกดวงตาดอกท้อขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ ภายในมีความแปลกใจวาบขึ้นมาอย่างฉับพลัน

เพราะขันทีที่อยู่ตรงหน้า คล้ายมีทุกเรื่องที่อยู่เหนือการคาดหมายของเขา

สำหรับเวทีใหญ่โตตรงหน้านี้ หากเป็นผู้อื่นคงหวาดกลัวอย่างยิ่ง เมื่อมองออกไปไกล เขาเห็นคนที่เข้ามาร่วมงานด้านหน้าจำนวนไม่น้อย และขันทีน้อยที่แต่งกายเป็นสตรีกอดกันเป็นกลุ่ม ตัวสั่นเทาด้วยความกังวลอยู่ที่นั้น!

เพราะล้วนมาจากครอบครัวที่ยากจน จะเคยเข้าร่วมงานใหญ่โตเช่นนี้ได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการขึ้นแสดงบนเวที

แต่ขันทีน้อยข้างกายนี้ สีหน้าไร้ความหวาดกลัว ตรงกันข้ามกลับคล้ายคาดหวังอะไรสักอย่าง!

เห็นเช่นนั้น ทำให้หนานกงจวิ้นซีตะลึงและตกใจเล็กน้อย สีหน้ากลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ก่อนเอ่ยขึ้นพลางยิ้มมุมปากว่า

“ฮ่าๆ เมื่อไม่ประหม่าก็ดีแล้ว ข้าเองก็ไม่อยากชนะได้อย่างง่ายดาย!”

“ฮ่าๆ องค์ชายเจ็ดก็เช่นกันนะ แม้สถานะของบ่าวจะไม่ได้สูงส่งเทียบเท่าองค์ชาย แต่ก็ขยันพยายามยืนหยัด สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ บ่าวไม่แพ้แน่นอน!”

เล่อเหยาเหยายิ้มแย้มดุจบุปผา แต่กลับเอ่ยอย่างมีนัยยะ

ความหมายของเธอคือ นอกจากสถานะที่แตกต่างกันของพวกเขา เรื่องอื่นๆ ล้วนเหมือนกัน

ดังนั้นเธอต้องพยายามแย่งชิงอันดับหนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้มาให้ได้!

เพราะการแข่งขันครั้งนี้มีเงินรางวัลจำนวนมาก หากชนะองค์ชายเจ็ด จะสามารถลดทอนความกล้าของเขาลงได้

เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวอย่างแท้จริง!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาคล้ายกับถูกฉีดเลือดไก่ เลือดทั่วร่างกายต่างสูบฉีดขึ้นมา

กระทั่งบนใบหน้าเล็กไร้เครื่องประทินโฉมแดงก่ำขึ้นเพราะดีอกดีใจ

มองไปแล้ว คล้ายกับดอกท้อที่กำลังเบ่งบานในเดือนสามอย่างสวยงามไร้ที่ติ!

หนานกงจวิ้นซีที่มองอยู่ด้านข้างตกตะลึงอีกครั้ง ในใจพลันเต้นระรัว คล้ายกับมีบางสิ่งหยั่งรากลึกลงไปในใจ

แต่ความรู้สึกลึกๆในใจที่แปลกประหลาดนี้ หนานกงจวิ้นซีกลับไม่เข้าใจและสงสัย

ปีก่อน เพราะจำนวนคนที่เข้าแข่งขันแสดงความสามารถด้านศิลปะมากเกินไป ดังนั้นจึงให้ทุกคนจับฉลาก เพื่อแบ่งกลุ่มทำการแสดง

และให้คนจัดที่พักผ่อนพิเศษให้กับเหล่าผู้แข่งขันเหล่านี้ จากนั้นจึงเริ่มการแข่งขันในวันที่สอง

ทว่าปีนี้ เพราะผู้เข้าแข่งขันมีน้อยจนน่าสงสาร มีเพียงสิบคนเท่านั้น และหญิงสาวที่ไม่ใช่หญิงสาวอีกสามสิบกว่าคน

ดังนั้นจากความจริงที่ว่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้มีจำนวนน้อย ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็สามารถทำการแสดงทั้งหมดให้จบลงได้

และยังมีรางวัลมากมายในการแข่งขันครั้งนี้ นอกจากนี้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนไม่ว่าวันนี้จะตกรอบหรือไม่ พรุ่งนี้ยังสามารถท่องเที่ยวที่ทะเลสาบซีหูได้

[1] โยนตนเองเข้าไปในแห เปรียบเทียบว่าตนเองถูกหลอก หรือเปรียบเทียบว่าตนเองตกเข้าไปในหลุมพลางที่ผู้อื่นวางไว้