ตอนที่ 209 ตั้งแง่ / ตอนที่ 210 กอดคุณไว้อย่างนี้อบอุ่นที่สุด

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 209 ตั้งแง่

 

 

คิ้วของซย่าเฉิงโจวขมวดแน่นเป็นปม เลื่อนสายตาขึ้นไปมองชายที่เป็นคนถีบเขา รังสีแข็งกร้าวแผ่ออกมาทั่วร่างของชายคนนั้น แสงสว่างภายของห้องโถงสาดส่องลงมาบนร่างกาย ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาเกิดประกายแสงสีทองเรือนราง ดูลึกลับและสูงศักดิ์ ทว่าสายตาที่ใช้มองเขานั้นช่างเย็นชาและโหดเ**้ยม ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร น้ำเสียงราวกับถูกเคลือบไว้ด้วยน้ำแข็ง เย็นยะเยือกบาดลึกลงไปถึงกระดูก

 

 

ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เป็นตัวแทนจากบริษัทยาไป๋ฟังหรอกเหรอ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือว่ามากับอวี๋กานกาน?

 

 

เมื่อครู่ที่เขากระชากอวี๋กานกาน ถึงแม้จะเป็นเพราะร้อนใจ เนื่องจากต้องการรีบช่วยผู้ป่วยให้เร็วที่สุด แต่ไม่ว่าอย่างไรการกระทำนั่นก็เกินกว่าเหตุไปจริงๆ เขามองไปยังคุณป้าที่สลบอยู่บนพื้น สถานการณ์บีบคั้นถึงขีดสุด จำเป็นต้องทำการรักษาโดยด่วน จะเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียวไม่ได้ มิฉะนั้นนั่นหมายถึงชีวิต

 

 

ซย่าเฉิงโจวจึงทำได้เพียงข่มอารมณ์ไว้ พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แข็งกร้าวจนเกินไป ทว่าก็ไม่โอนอ่อนจนดูต่ำต้อย “ขอโทษ เมื่อครู่ผมใจร้อนไปหน่อย แต่นั้นก็เพื่อ…” ช่วยชีวิตคน

 

 

สี่พยางคุสุดท้ายซย่าเฉิงโจวยังไม่ทันได้พูดออกมาก็ถูกลูกสาวของคุณป้าตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “คุณเป็นใคร คุณจะทำอะไร จะฆ่าแม่ฉันเหรอ”

 

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิดนี้ ทำให้ทุกคนต่างพากันมึนงง แต่เนื่องจากลูกสาวของคุณป้าเป็นห่วงแม่ของตนเองมาก เธอจึงดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ตวาดใส่ซย่าเฉิงโจวดังลั่น ทั้งยังไม่ลืมทิ้งท้ายด้วยคำเตือน “ถ้าแม่ฉันเป็นอะไรขึ้นมา ฉันไม่เอาคุณไว้แน่!” จากนั้นจึงหันไปพูดกับอวี๋กานกาน “คุณหมอคะ รีบช่วยแม่ของฉันเถอะค่ะ อย่าให้ท่านเป็นอะไรไปนะคะ”

 

 

ลูกสาวไม่รู้สึกเลยว่าอวี๋กานกานจะเป็นหมอกำมะลอหรือพวกสิบแปดมงกุฎตั้งแต่แรก! สมัยนี้ผู้คนต่างกลัวคนเฒ่าคนแก่ เห็นคนแก่เป็นลมหน่อยต่างก็พากันถอยกรู กลัวว่าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาแล้วตนเองจะพลอยซวยไปด้วย แต่ว่าหญิงสาวคนนี้ บอกกับเธอว่าตัวเองเป็นหมอ ช่วยทำให้เธอใจเย็นขึ้น ช่วยเธอเปิดขวดยาป้อนให้แม่ ทั้งยังถอดเสื้อหนาวออกมาคลุมให้แม่ของเธอเพื่อรักษาความอบอุ่น แฟนหนุ่มของหญิงสาวเห็นเช่นนี้ก็ปวดใจ ถอดเสื้อโอเวอร์โค้ทราคาแพงมาปูบนพื้นอย่างไม่ลังเล ไม่สนใจว่าเสื้อของเขาจะสกปรกหรือไม่ พวกเขาทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจเป็นอย่างยิ่ง

 

 

กลับกันกับผู้ชายที่ปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหันคนนี้ จู่ๆ ก็มาขัดขวางการรักษาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ถ้าหากว่าแม่ของเธอเกิดเป็นอะไรขึ้นมาละก็ เธอจะให้ผู้ชายคนนี้ชดใช้ด้วยชีวิต

 

 

ผู้คนรอบๆ ต่างได้สติคืนกลับมาแล้ว พวกเขาทุกคนต่างพากันตะโกนใส่ซย่าเฉิงโจวด้วยความโกรธ “นายเป็นใครเนี่ย ไปวุ่นวายอะไรตรงนั้น”

 

 

“คนเขาเป็นหมอกำลังช่วยชีวิตคนอื่นอยู่ รู้เรื่องไหมเนี่ย”

 

 

“ถ้าคุณป้าท่านนี้เป็นอะไรขึ้นมา ดูสิหลังจากนี้แกจะทำยังไง”

 

 

……

 

 

เมื่อเห็นสายตาดูถูกและโกรธเกรี้ยวของผู้คนโดยรอบ นี่เป็นครั้งแรกที่ซย่าเฉิงโจวตกอยู่ในสถานการณ์ถูกรุมประณาม กะทันหันจนเขาไม่รู้จะรับมืออย่างไรดี

 

 

เขาต้องการจะช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินคนนี้แท้ๆ แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงตั้งข้อสงสัย คาดคั้นจนเขารู้สึกกระอักกระอวน หรือว่าจะหวังพึ่งอวี๋กานกาน อวี๋กานกานมีความรู้เท่าหางอึ่ง มีดีแต่พูด ที่เขาดึงอวี๋กานกานออกมา นั่นก็เป็นเพราะเขาหวังดีต่อเธอ ไม่ต้องการให้เธอพลั้งมือฆ่าคนตาย อย่างไรเสียอวี๋กานกานก็ยังอายุน้อย ยังมีอนาคตอีกไกล

 

 

อวี๋กานกานลงไปนั่งยองๆ บริเวณด้านข้างคุณป้า ตั้งแต่ตอนที่ลูกสาวเรียกให้เธอรีบทำการรักษา เธอหยิบเข็มขึ้นมา ออกแรงปักเข็มลงตรงไปกลางปลายจมูกของคุณป้าตรงจุดซู่เหลียว[1] จากนั้นจึงปั่นเข็มพร้อมกับดึงเข็มขึ้นลงเล็กน้อย[2]

 

 

เมื่อทุกคนเห็นว่าอวี๋กานกานเริ่มฝังเข็มเพื่อทำการรักษา เสียงจ้อกแจ้กจอแจก็ค่อยๆ เงียบลงจนไม่มีใครพูดอะไรอีก เนื่องจากกลัวว่าจะไปรบกวนการรักษาของอวี๋กานกาน

 

 

ซย่าเฉิงโจวเองก็ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ สีหน้าเป็นกังวล ในหัวคิดไม่หยุดว่าหากอวี๋กานกานรักษาพลาดขึ้นมา เขาจะใช้วิธีไหนกู้ชีวิตผู้ป่วยดี

 

 

หลังจากที่อวี๋กานกานฝังเข็มลงไปสองสามจุด สีหน้าของคุณป้าก็ค่อยๆ มีชีวิตชีวามากขึ้น ไม่เหมือนกับก่อนหน้าที่ซีดเผือดจนน่าตกใจ

 

 

ลูกสาวยังคงร้องไห้ไม่หยุด แต่สีหน้าเริ่มปรากฏความปลื้มปิติยินดีให้เห็นบ้างแล้ว

 

 

ร่างกายของซย่าเฉิงโจวเองก็ค่อยๆ ผ่อนคลายความตึงเครียดลงอย่างช้าๆ เขามองไปยังอวี๋กานกาน…ค่อนข้างประหลาดใจและคาดคิดไม่ถึง

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] จุดซู่เหลียว คือจุดฝังเข็มอยู่ตรงกลางปลายจมูก ใช้รักษาอาการคัดจมูก เลือดกำเดาไหล เป็นลม

 

 

[2] เป็นวิธีการกระตุ้นเข็มให้โดนจุดลมปราณ เพิ่มประสิทธิภาพการรักษา

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 210 กอดคุณไว้อย่างนี้อบอุ่นที่สุด

 

 

ร่างกายของซย่าเฉิงโจวเองก็ค่อยๆ ผ่อนคลายความตึงเครียดลงอย่างช้าๆ เขามองไปยังอวี๋กานกาน…ค่อนข้างประหลาดใจและคาดคิดไม่ถึง

 

 

สามนาทีผ่านไป เปลือกตาของคุณป้าขยับเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาฟื้นขึ้นมา ลูกสาวของคุณป้าทอดถอนหายใจยาวเหยียด เธอดีใจจนน้ำตาไหลริน กล่าว “แม่คะ หนูขอโทษ หนูผิดไปแล้ว อย่าโกรธหนูเลยนะคะ”

 

 

ผู้คนโดยรอบต่างถอนหายใจโล่งอก ร้องโฮด้วยความปลื้มปิติ

 

 

“ฟื้นแล้วๆ ดีจริงๆ ที่คุณป้าไม่เป็นอะไร”

 

 

“สาวน้อยวิชาแพทย์ล้ำเลิศจริงๆ อายุยังน้อยก็ฝีมือดีขนาดนี้แล้ว”

 

 

“คุณป้าคนนี้โชคดีจริงๆ ที่ได้มาเจอหนู”

 

 

…….

 

 

อวี๋กานกานจับชีพจรให้คุณป้า พบว่าตอนนี้เธอปลอดภัยดีแล้ว หันไปพูดกับลูกสาวด้วยใบหน้าอมยิ้ม “ตอนนี้แม่ของคุณปลอดภัยแล้วค่ะ แต่ว่าท่านมีอาการของโรคหอบหืดเรื้อรังและโรคหัวใจ ทางที่ดีควรไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล”

 

 

ลูกสาวของคุณป้าพยักหน้าไปด้วยร้องไห้ไปด้วย เธอขอบคุณอวี๋กานกานไม่หยุดปาก ในขณะเดียวกันเสียงไซเรนของรถพยาบาลก็ดังลอดเข้ามา ไม่นานนัก รถพยาบาลก็มาจอดลงตรงบริเวณหน้าโรงแรม EMT[1] ถือเปลลงมาหามคุณป้าขึ้นรถพยาบาลอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว ก่อนจากกันลูกสาวยังขอบคุณอวี๋กานกานซ้ำๆ อีกหลายครั้ง

 

 

ผู้ป่วยขึ้นรถพยาบาลไปแล้ว ผู้คนที่มุงดูก็แยกย้ายไปตามทางของตัวเอง

 

 

อวี๋กานกานเก็บเสื้อโค้ทของฟังจือหันที่ปูอยู่บนพื้นขึ้น จากนั้นหันไปพูดขอโทษ “เปื้อนหมดแล้ว”

 

 

ฟังจือหันโยนเสื้อโค้ททิ้งลงไปในถังขยะที่อยู่ด้านข้าง

 

 

อวี๋กานกานยื่นมือหมายจะห้าม ทว่าไม่ทันเสียแล้ว เธอขมวดคิ้วมองฟังจือหัน “ทิ้งเสื้อโค้ทไปแล้วนายจะใส่อะไร อากาศหนาวขนาดนี้ นายสวมเสื้อเชิ้ตตัวเดียวเนี่ยนะ ถึงในโรงแรมจะมีฮีตเตอร์แต่ก็ยังเย็นอยู่ดี เป็นหวัดขึ้นมาจะทำยังไง”

 

 

“เดี๋ยวผมให้คนส่งตัวใหม่มา”

 

 

อวี๋กานกานดูท่าทีของเขาเหมือนเตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว จึงไม่ได้ถามอะไรต่ออีก เธอถอดผ้าพันคอของตัวเองออก เขย่งปลายเท้าวางผ้าพันคอพาดไว้บนไหล่ของฟังจือหัน “ถือซะว่าเป็นเสื้อคลุม จะได้อุ่นขึ้น”

 

 

ฟังจือหันปฏิเสธ หยิบผ้าพันคอพันคืนกลับให้อวี๋กานกาน

 

 

“โรงแรมมีฮีตเตอร์ ฉันไม่ต้องพันผ้าพันคอก็ได้”

 

 

“ผมไม่หนาว”

 

 

“ใส่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวเนี่ยนะ จะไม่หนาวได้ไง รีบเอาไปพัน หรือว่านายกลัวไม่หล่อ”

 

 

“ผ้าพันคอของคุณอัปลักษณ์ใช้ได้”

 

 

“กัดลิ้นตายไปเลยไป”

 

 

ทั้งคู่เกี่ยงกันไปมา ไม่ได้สนใจซย่าเฉิงโจวที่อยู่ด้านหลังแม้แต่น้อย

 

 

ซย่าเฉิงโจวมองแผ่นหลังของอวี๋กานกาน รู้สึกสลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง เขาทะนงตนมาตลอดว่าวิชาแพทย์ของตัวเองดีเลิศ ทั้งยังคิดเหมือนกับซูจิ่วซานและเซียวอิงว่าอวี๋กานกานมางานสัมมนาครั้งนี้ก็เพื่อชุบตัว ทว่าตอนนี้ไม่พูดไม่ได้เลยว่าอวี๋กานกานไม่ใช่พวกไร้ฝีมือเหมือนกับที่เขาคิดแม้แต่น้อย กลับตรงกันข้ามเลยต่างหาก วิชาแพทย์ของเธอยอดเยี่ยมมาก อายุเท่านี้ กลับหนักแน่นมั่นคง มีสติไม่หุนหัน ไม่เย่อหยิ่งทะนงตน ทั้งยังอ่อนโยนและมีมารยาท เทียบกับเขาเมื่อครู่ ถึงแม้จะเป็นเพราะต้องการช่วยชีวิตคน ทว่ากลับลนลาน ใจร้อนจนไปกระชากอวี๋กานกาน โดยที่ไม่ได้ถามเธอสักคำ ไม่ได้สนว่าในมือของเธอมีเข็มอยู่หรือเปล่า

 

 

ครุ่นคิดดูแล้ว เขาสำคัญตัวเองผิดไปขนาดไหนกันนะ ไม่แปลกที่ทุกคนจะรุมด่าทอเขา

 

 

 

 

สรุปผ้าพันคอสีชมพูของอวี๋กานกาน สุดท้ายก็ยังพันอยู่บนคอของเธอ

 

 

ฟังจือหันกอดคออวี๋กานกาน กระซิบข้างใบหู “แบบนี้อุ่นที่สุด”

 

 

ฟังจือหันเหลือบสายตาขึ้นเล็กน้อย สบเข้ากับสายตาของซย่าเฉิงโจวที่กำลังมองมาที่อวี๋กานกานพอดี นัยน์ตาเย็นชาดั่งน้ำค้างแข็งหรี่ลงเล็กน้อย แฝงไว้ซึ่งคำเตือน

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] EMT (Emergency Medical Technician) พนักงานฉุกเฉินการแพทย์ มีหน้าที่ขับรถพยาบาล ยกเปล และช่วยเหลือแพทย์ พยาบาลในการหยิบจับอุปกรณ์ ต้องมีความรู้พื้นฐานในการปฐมพยาบาลและกู้ชีพเบื้องต้น