ส่วนที่ 5 ระบบพลิกบทนางรอง ตอนที่ 4 ระบบพลิกบทนางรอง (4)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

การที่บังเอิญได้พบกับซูหว่าน ในอนาคตถ้ามองย้อนกลับมา สำหรับเยี่ยนอวี่แล้ว มันคือเรื่องมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตของเขา  

 

เยี่ยนอวี่ที่ถูกครอบครัวประคบประหงมมาตั้งแต่เล็กๆ ทำให้เขากลายเป็นเด็กที่เชื่อฟังและขี้กลัวมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนที่ยุคโลกาวินาศกำลังคืบคลานเข้ามา เขาต้องทนดูคนในครอบครัวของเขาตายจากเขาไปทีละคน แต่เขากลับรอดชีวิตมาได้ด้วยการปกป้องเขาจากคนในครอบครัวของเขาที่ค่อยๆ ตายจากไป 

 

ในตอนนั้นเขารู้สึกสิ้นหวังในการมีชีวิตอยู่ต่อไปมาก แต่เขาก็กลัวความตายเป็นที่สุด  

 

ที่เมือง S เขากล้าออกมาแค่ตอนกลางคืน และในคืนหนึ่ง เขาได้พบกับซอมบี้หญิงที่แปลกประหลาดตนหนึ่ง ซอมบี้หญิงตนนั้นไม่เพียงแต่สามารถสื่อสารกับเขาได้ แต่มันยังมอบผลึกของซอมบี้ให้เขา เพื่อให้เขาได้ดูดซับพลังและกระตุ้นความสามารถพิเศษสายวิญญาณของเขาล่วงหน้า  

 

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ในทุกๆ คืนเยี่ยนอวี่ก็จะมานั่งรอซอมบี้ตนนั้นอยู่ที่เดิมด้วยความตื่นเต้นและจิตใจที่ไม่สงบ ในช่วงเวลานั้นเขาสามารถใช้พลังพิเศษของเขาฆ่าซอมบี้ได้หลายตนแล้ว แล้วนำผลึกต้นกำเนิดพลังวิญญาณของพวกมันออกมา หรือก็แกนผลึกในสายตาของคนอื่นนั่นเอง 

 

เป็นแบบนี้อยู่หนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดซอมบี้หญิงที่เยี่ยนอวี่รอคอยก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ถ้าเทียบกับไม่กี่วันก่อน เธอดูเหมือนจะดูดีขึ้นมานิดหน่อย ท่าทางและความเร็วในการเดินเหินก็ดูจะไวขึ้นกว่าเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมามาก 

 

ท้องฟ้าที่มืดมิด ซูหว่านและเยี่ยนอวี่แอบสบตากันเงียบๆ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินมาทางนี้ ซูหว่านรีบหมุนตัวหลบเข้าไปอยู่ในเงามืดตรงมุมกำแพง  

 

เยี่ยนอวี่กำลังลังเล แต่ก็รีบหลบเข้าไปอยู่ด้านหลังของซูหว่าน ชัดเจนว่าในสายตาของเด็กคนนี้ ‘ซอมบี้หญิง’ ตรงหน้านี้น่าจะมีความปลอดภัยมากกว่ากลุ่มคนที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าคือใคร 

 

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เงาหลายสายหยุดอยู่ตรงจุดที่เยี่ยนอวี่หลบซ่อนตัวอยู่เมื่อครู่นี้…  

 

“ลูกพี่ครับ ไม่เห็นเด็กคนนั้นเลย หรือว่าวันนี้เขาไม่ได้มา” 

 

คนที่พูดคือชายหนุ่มรูปร่างสูง อายุน่าจะประมาณยี่สิบต้นๆ และคนด้านข้างที่เขาเรียกว่าลูกพี่เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง ซูหว่านรู้จักผู้ชายคนนี้ เขาชื่อหยวนฮุย ชาติก่อนเป็นผู้ช่วยมือซ้ายขวาของฉู่เฟยหยาง แต่ในชาติภพนี้กลับกลายเป็นลูกน้องของหยางจื่อซี  

 

“ค้นหาในละแวกนี้ให้ทั่ว ถ้าหาไม่เจอ เราก็นั่งรออยู่ที่นี้ทุกวัน จนกว่าจะหาเด็กคนนั้นเจอ” 

 

ถึงแม้ว่าหยวนฮุยจะไม่ได้พูดให้ชัดเจน แต่ซูหว่านก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าเด็กคนนั้นที่พวกเขาตามหาอยู่คือเยี่ยนอวี่  

 

และแน่นอน คนที่สามารถ ‘เห็นเหตุการณ์ในอนาคต’ ได้อย่างหยางจื่อซีก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าตอนนี้เยี่ยนอวี่ซ่อนตัวอยู่ที่เมือง S เธอส่งคนมาตามหาเยี่ยนอวี่ จุดประสงค์หนึ่งก็เพื่อให้เขาอยู่ภายใต้การบัญชาของเธอ เพราะในยุดโลกาวินาศนี้คนที่มีพลังพิเศษสายวิญญาณนั้นน้อยมากๆ แล้วยิ่งเป็นพลังพิเศษวายวิญญาณกลายพันธุ์ที่มีติดตัวมาแต่กำเนิดอย่างเยี่ยนอวี่ที่สามารถควบคุมกองทัพซอมบี้ได้เป็นหมื่นเป็นแสนตนนั้น หายากซะยิ่งกว่ายาก ในหนึ่งหมื่นคนอาจจะยังควานหาไม่เจอเลยด้วยซ้ำ! 

 

เห็นว่าคนกลุ่มนั้นกำลังตามหากันทุกทิศทุกทาง เงาร่างก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ร่างกายของเยี่ยนอวี่ก็เริ่มสั่นเทาขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้  

 

ในตอนนี้ เขารู้แล้วว่าคนที่คนพวกนั้นกำลังตามหาอยู่คือตัวเขาเอง ช่วงไม่กี่วันมานี้ ตอนกลางวันเขาจะหลบซ่อนตัวอยู่ในอาคารเล็กๆ ผุพังหลังหนึ่ง เห็นภาพการฆ่าฟันกันเองมานักต่อนัก ตอนนี้กลับเห็นว่าคนแปลกหน้าเหล่านี้มาเพื่อตามหาตัวเอง ต่อให้พวกเขาดูไม่ได้เป็นพวกดุดันน่ากลัว แต่เยี่ยนอวี่ก็รู้สึกได้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้มาดีแน่นอน 

 

ซูหว่านรู้สึกถึงอาการสั่นเทาของเยี่ยนอวี่ จึงยกมือขึ้นมากดลงบนไหล่ของเขาไว้เบาๆ ถึงแม้ตอนนี้มือของซูหว่านจะเป็นสีเขียวคล้ำ เล็บยาวแหลมคมจนดูน่ากลัว แต่การกระทำนี้ของซูหว่านกลับทำให้เยี่ยนอวี่รู้สึกสงบลงได้อย่างน่าแปลกใจ  

 

เยี่ยนอวี่ค่อนข้างไวต่อความรู้สึกมากกว่าคนอื่นๆ เขาจึงรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอยากปลอบโยนและความจริงใจที่ซูหว่านมีต่อเขาได้ในทันที  

 

เยี่ยนอวี่ค่อยๆ หันหน้ามาทางซูหว่าน แล้วมองเธอด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างมากล้น  

 

ซูหว่านยิ้มให้เขาน้อยๆ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ตัวว่ารอยยิ้มของเธอตอนนี้จะดูน่ากลัวมากก็ตาม  

 

แต่เธอก็ไม่ได้ไปสนใจว่าเยี่ยนอวี่จะเข้าใจในเจตนารมณ์ของเธอหรือเปล่า จู่ๆ ซูหว่านก็รีบคว้าแขนของเยี่ยนอวี่ ใช้แรงดึงเพียงน้อยนิด ก็จับเยี่ยนอวี่แบกขึ้นบ่าของตัวเอง แล้วใช้พลังของตัวเองทั้งหมดที่มีวิ่งออกจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุดในทันที  

 

ถ้าขืนรออยู่ตรงนี้แล้วถูกจับได้ เธอมีแต่ตายกับตายเท่านั้น  

 

สี่คนนี้ไม่ทำอะไรเยี่ยนอวี่แน่นอน แต่พวกเขาคงใช้โอกาสนี้ในการกำจัดเธอเป็นแน่  

 

ถ้าหากว่าเยี่ยนอวี่ไม่ขอร้องให้พวกเขาปล่อยเธอไป แต่ว่าเยี่ยนอวี่กลับมีใจคิดที่จะข้อร้องเพื่อเธอละก็ เขาจะต้องหลุดปากบอกคนพวกนั้นแน่ว่าเธอเป็น ‘ซอมบี้’ ที่สามารถสื่อสารกับเขาได้ แล้วคนพวกนั้นก็จะต้องจับตัวเธอไปให้หยางจื่อซี ถ้าเป็นแบบนั้น เธอคงได้อยู่ไม่สู่ตายเป็นแน่  

 

เพราะฉะนั้น ตอนนี้มีแค่ทางออกเดียวคือหนีไปให้พ้นจากคนพวกนี้ พาเยี่ยนอวี่หนีไปด้วยกัน ต่อให้หนีไม่พ้น แต่ถ้ามีเยี่ยนอวี่อยู่ด้วย พวกนั้นก็จะไม่กล้าทำอะไรรุนแรงมากนัก 

 

“หัวหน้าครับ ทางนั้น เด็กคนนั้นถูกซอมบี้หญิงจับตัวไป!”  

 

ลูกทีมที่มีสายตาแหลมคมคนหนึ่งมองปราดเดียวก็เห็นซูหว่านกับเยี่ยนอวี่ที่พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว 

 

“ตามไป!” 

 

หยวนฮุยโบกมือ ทั้งสี่คนจึงวิ่งตามออกไปอย่างรวดเร็ว 

 

ในค่ำคืนที่เงียบสงัด ตามท้องถนนเต็มไปด้วยเหล่าซอมบี้ 

 

เมื่อซูหว่านพาเยี่ยนอวี่มาถึงเขตใจกลางเมือง ที่นี่ถูกเหล่าซอมบี้ครอบครองไปหมดทุกพื้นที่แล้ว 

 

กลิ่นอายของมนุษย์ตัวเป็นๆ ทำให้เหล่าซอมบี้เกิดอาการคลุ้งคลั่ง แต่เหมือนว่าพวกมันจะรู้สึกได้ว่านั่นเป็นเหยื่อของซูหว่าน พวกมันจึงไม่กล้าทำอะไรอุกอาจ จึงทำให้ซูหว่านสามารถพาเยี่ยนอวี่ผ่านเข้ามาได้อย่างง่ายดาย แต่กับสี่คนที่ตามพวกเขามาด้านหลัง กลับไม่โชคดีแบบนี้ พวกเขาถูกซอมบี้ระดับล่างกลุ่มหนึ่งล้อมเอาไว้ ถึงแม้ว่าซอมบี้เหล่านี้จะไม่ได้แข็งแกร่งอะไร แต่ตอนนี้คนในทีมของหยวนฮุยที่เก่งที่สุดก็เป็นเพียงผู้ที่มีพลังพิเศษระดับสองเท่านั้น จัดการกับกลุ่มซอมบี้เยอะขนาดนี้ทำให้เสียเวลาไปหลายนาทีเลย พอพวกเขาจัดการกับเหล่าซอมบี้เสร็จ แล้วออกเดินตามหาไปตามถนน กลับเห็นเพียงร่างเละๆ ร่างหนึ่งที่สวมใส่ชุดนักเรียนเก่าๆ ของเหยียนอวี่นอนกองอยู่ข้างทาง  

 

“สายไปจนได้!” 

 

หยวนฮุยสบถออกมา สีหน้าเขาดูย่ำแย่มาก 

 

“หัวหน้าครับ พวกเราพยายามเต็มที่แล้ว เด็กคนนี้โชคไม่ดีเองดันมาเกิดเรื่องเอาตอนนี้ พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ ผมเชื่อว่ากลับไปคุณหนูหยางจะไม่โทษพวกเราแน่นอนครับ” 

 

คุณหนูหยาง… 

 

พอนึกถึงหยางจื่อซี แววตาของหยวนฮุยกลับเต็มไปด้วยความสับสน คุณหนูหยางเคยช่วยชีวิตพี่น้องของเขาไว้ หยวนฮุยจึงเต็มใจที่จะมาอยู่กับเธอ แต่บางครั้งถ้าเกิดเธอโมโหขึ้นมา ก็ทำให้หยวนฮุยรู้สึกหวาดกลัวมากอยู่เหมือนกัน  

 

และแน่นอนว่าหยวนฮุยไม่เคยรู้มาก่อนว่าหยางจื่อซีได้กลับมาเกิดใหม่พร้อมด้วยระบบ และยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในชาติภพก่อนนั้นเธอคือนางร้ายที่โหดเ**้ยมที่สุด 

 

มีคำกล่าวไว้ว่า ‘แผ่นดินเปลี่ยนง่าย สันดานเปลี่ยนยาก’  

 

บางคนใช้การแก้แค้นเป็นข้ออ้างในการกระทำผิดต่างๆ เรื่องดีๆ ไม่เคยคิดจะทำ  

 

เพราะแบบนี้มันทำให้พวกเขารู้สึกสะใจมากกว่า  

 

แต่ความเกลียดชังก็เป็นดั่งดาบสองคม โดยเฉพาะตอนที่ผู้ใช้ดาบเล่มนี้มีแต่ความคิดอกุศลในจิตใจ เรื่องราวก็จะทะยานไปในทิศทางที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้… 

 

รอจนกระทั่งกลุ่มของหยวนฮุยจากไปนานมากแล้ว ซูหว่านจึงพาเยี่ยนอวี่ที่เปลี่ยนเป็นชุดขาดๆ ออกมาจากซากตึกร้างที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ก่อนหน้านี้  

 

กลุ่มของหยวนฮุยจากไปแล้ว ซูหว่านไม่รู้ว่าจะมีอะไรรอพวกเขาอยู่หรือไม่ ตามนิสัยของหยางจื่อซีหากเธอเกิดระแวงคนที่ ‘เคยรู้จัก’ ในชาติภพก่อนขึ้นมาละก็ จุดจบของคนเหล่านั้นอาจจะไม่น่าภิรมย์สักเท่าไร  

 

ดั่งคำกล่าวที่ว่าฉันยอมทำลายคนทั้งใต้หล้า แต่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายฉันเด็ดขาด  

 

นั่นแหละ คือคนอย่างหยางจื่อซีเลยละ เธอกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง มาพร้อมกับต้นทุนและความสามารถที่เพียบพร้อม จริงๆ แล้วเธอสามารถปกป้องตระกูลหยางได้ แต่เธอกลับเลือกที่จะช่วยหยางอู่ออกมาแค่คนเดียว  

 

นั่นเป็นเพราะว่าในชาติภพก่อนหยางอู่รักมั่นแต่เธอเพียงคนเดียว จนสามารถไปตายเพื่อเธอได้  

 

ผู้ชายแบบนี้ ในชาติที่แล้วเธอไม่เคยคิดที่จะเหลียวแลเลย และในชาติภพนี้ที่เธอเลือกเก็บเขาไว้ข้างกายก็เพียงเพราะความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีของเขาที่มีต่อเธอเท่านั้น 

 

หยางจื่อซีเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองและมีความทะเยอทะยานที่สูงมาก เมื่อเธอคิดว่าตัวเองสามารถควบคุมโลกใบนี้ได้ เธอก็จะไปตามหาผู้ชายที่จะสามารถสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเธอได้ แล้วครอบครองโลกใบนี้ไปด้วยกัน  

 

ซูหว่านไม่รู้ว่าในระบบของหยางจื่อซีมีภารกิจอะไรอยู่ในนั้น แต่ก็สามารถคาดเดาได้ว่า เมื่อหยางจื่อซีจบภารกิจกำจัดพระนางเดิมได้แล้ว เป้าหมายในภารกิจต่อไปของเธอก็คงจะเป็นการเปลี่ยนบทบาทให้สำเร็จ  

 

แล้วการที่จะเปลี่ยนให้ตัวเองเป็นนางเอกในโลกหนึ่งได้ ก็ต้องมีพระเอกที่คู่ควรกับตัวเองด้วย!  

 

และในโลกใบนี้ หากจะมีคนที่เหมาะสมกับสุดยอดนักใช้กลโกงอย่างหยางจื่อซีละก็ ก็คงจะมีแค่เขาคนเดียวแล้วละ… 

 

ดอกเตอร์แอล 

 

หลิงจิ่ง 

 

ศัตรูของมนุษย์ บิดาแห่งซอมบี้!