ตอนที่ 108 คุ้มครอง

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 108 คุ้มครอง

เจียงป่าวชิงคลำตรงระหว่างเอวด้วยมือขวา นางต้องมั่นใจไว้ก่อนว่าเข็มพร้อมใช้

ฝ่ายตรงข้ามมีมากถึงหกคนและล้วนเป็นชายที่บรรลุนิติภาวะแล้วกันทั้งนั้น แต่เข็มเงินที่นางพกติดตัวมา อย่างมากก็แค่ทำให้คนสี่คนสูญเสียประสิทธิภาพการต่อสู้เท่านั้น …นั่นหมายความว่ายังมีประสิทธิภาพการต่อสู้ของอีกสองคนที่เหลือ

เจียงป่าวชิงคำนวณอยู่ในใจอย่างรวดเร็ว

น้ำเสียงของฝูฉูค่อนข้างสั่นคลอนอยู่เล็กน้อย “กลางวันแสก ๆ พวกเจ้า… พวกเจ้าคิดจะทำอะไร ?!”

โจซานหัวเราะอย่างลามกมากยิ่งขึ้น เขามองฝูฉูด้วยดวงตาที่มีแสงสีเขียวอยู่ในนั้น “โอ้! ไม่มีอะไรหรอก เจ้ารูปโฉมงดงามมาก พวกข้าเพียงแค่อยากดอมดมเจ้าก็เท่านั้น…”

คนอันธพาลอีกคนที่อยู่ด้านข้างก็พูดคล้อยตามเช่นกัน “ไอ้โยสาวน้อย ดูสิ ใบหน้าขาวขนาดนี้ ถ้าลูบคลำจะต้องลื่นและนุ่มอย่างแน่นอน… ”

อันธพาลสองสามคนกำลังหัวเราะอย่างลามก ฝูฉูสั่นเทาไปทั้งร่าง นางจับเจียงป่าวชิงตรงหน้าไว้แน่นราวกับฟางข้าวที่ช่วยชีวิตอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นนางก็หดตัวอยู่ด้านหลังเจียงป่าวชิง เพื่อพยายามทำให้ฝ่ายนั้นไม่เห็นตัวเอง

“เฮ้! ไอ้ปัญญาอ่อนหลีกไป อย่ามาขวางทาง! ทำไม ? หรือว่าเจ้าก็อยากให้พวกข้ารักเจ้าอย่างสุดซึ้งเช่นกัน” หนึ่งในอันธพาลพูดขึ้นอย่างหยอกล้อ และถูกคนข้าง ๆ หัวเราะเยาะในเวลาต่อมา “อะไร แม้แต่ไอ้ปัญญาอ่อนเจ้าก็ชอบรึ ?”

“เฮ้… พอลองดูดี ๆ หลังจากที่ไอ้ปัญญาอ่อนนี่หายปัญญาอ่อนแล้ว นางก็ดูดีอยู่นะ”

“เพียงแต่ผอมแห้งไปหน่อย ไม่มีเนื้ออะไร ไม่สะดวกแก่การลูบคลำ…”

ฝูฉูแทบจะเป็นลมอยู่รอมร่อ นางเคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้เสียที่ไหนกัน น้ำเสียงของนางสั่นคลอนอยู่เล็กน้อย “ท่าน… ท่านชายของข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปอย่างแน่นอน!”

“ท่านชายของเจ้ารึ ?” พวกอันธพาลมองหน้ากันและส่งเสียงหัวเราะคิกคัก “สาวน้อย ท่านชายหรือเจ้านายอะไรกัน ให้พวกข้าสบายตัวก่อนค่อยว่ากันจะดีกว่า”

ขณะนี้ พวกอันธพาลเดินเข้ามาใกล้ราวกับแมวที่แกล้งหนูทำนองนั้น อารมณ์ของฝูฉูค่อนข้างแย่อยู่พอสมควร นางปล่อยเจียงป่าวชิงและก้าวถอยหลังไปหลายก้าว “ทำอย่างไรดี เราจะทำอย่างไรกันดี ?!”

เจียงป่าวชิงไม่สนใจฝูฉู  นางกำลังสังเกตเวลาและจังหวะในการทำให้อันธพาลสี่คนนั้นล้มลงไป เพื่อที่พวกนางจะได้มีโอกาสหลบหนีมากที่สุด

“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร ?!”

เสียงคำรามเสียงหนึ่งมีความร้อนรนอยู่เล็กน้อย

จิตวิญญาณของเจียงป่าวชิงสั่นคลอนทันที นางเห็นซุนต้าหูที่กำลังสะพายตะกร้าหญ้าอยู่บนถนนเล็ก ๆ ด้านข้าง เขาถือมีดตัดฟืนด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็กำลังถือหูกระต่ายป่าหนึ่งตัวและกำลังวิ่งมาทางนี้อย่างเร่งรีบ มาถึงเขาก็พูดเตือน “พวกเจ้าอย่าได้คิดรังแกพวกนางนะ ระวังข้าจะฟ้องหัวหน้าหมู่บ้านเอาได้”

โจซานเห็นซุนต้าหูออกมาก่อกวนด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่ง เขาก็ถ่มน้ำลายลงบนพื้นทันที “ถุย! ไอ้ตัวซวย”

พวกเขาทั้งหกคนไม่ได้กลัวซุนต้าหู แต่บนมือของซุนต้าหูยังมีมีดอีกหนึ่งเล่ม อีกอย่าง ตอนนี้ก็มีคนอื่นเข้ามาเห็นแล้ว หากว่าเรื่องของพวกเขาถูกเผยแพร่ออกไป เกรงว่ามันจะไม่ง่ายสำหรับการใช้ชีวิตของพวกเขาในอนาคต

ครุ่นคิดครั้งแล้วครั้งเล่า โจซานก็โบกมืออย่างแค้นใจและจ้องซุนต้าหูอย่างโหดเหี้ยมเช่นกัน “พวกเรา กลับ!”

ความทุกข์ยากครั้งนี้ก็ผ่านไปทั้ง ๆ แบบนี้ ฝูฉูตกใจจนขาอ่อนและทรุดตัวลงไปบนพื้น

เจียงป่าวชิงเองก็รู้สึกโล่งอกเช่นกัน

ซุนต้าหูถามเจียงป่าวชิงอย่างประหม่าและร้อนรน “น้องป่าวชิง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม ? พวกมันไม่ได้ทำอะไรเจ้านะ ?”

เจียงป่าวชิงขอบคุณเขาจากใจจริง “พี่ต้าหู ขอบคุณพี่มากนะเจ้าคะ ข้าไม่เป็นอะไร โชคดีที่ได้พี่มาช่วยไว้ก่อน”

ซุนต้าหูสังเกตเจียงป่าวชิงอย่างประหม่า เมื่อเห็นว่านางไม่เป็นอะไร เขาถึงจะถอนหายใจออกมายาว ๆ อย่างโล่งอก

ฝูฉูจะไม่ยอมเสียกิริยาต่อหน้าคนอื่น นางจึงลุกขึ้นยืน เพียงแต่สีหน้าของนางยังคงขาวซีดอยู่เช่นเดิม

ซุนต้าหูพาทั้งสองคนมาส่งที่บ้าน ฝูฉูพูดขอบคุณซุนต้าหู จากนั้นนางก็รีบกลับไปที่บ้านทันที

ซุนต้าหูยัดกระต่ายป่าที่ถืออยู่ใส่ในมือเจียงป่าวชิง “วันนี้ตอนที่ตัดฟืนอยู่ในป่า ข้าจับกระต่ายได้พอดี ข้าเก็บไอ้ตัวนี้ไม่เป็นจึงคิดจะเอามาให้เจ้าอยู่แล้ว… และบังเอิญว่าไปทันพอดีเลย” ซุนต้าหูนึกถึงท่าทางของไอ้พวกอันธพาลในตอนนั้น และรู้สึกดีใจที่ตัวเองมาทันเวลา

ไม่อย่างนั้น ป่าวชิงจะต้องเจอกับอะไร เขาไม่กล้าคิดเลยด้วยซ้ำ

เจียงป่าวชิงครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนจะรับกระต่ายมา “พี่ต้าหู วันนี้พี่ยังมีงานอีกไหมเจ้าคะ ? ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ประเดี๋ยวข้าจัดการกับกระต่ายนี้สักครู่ แล้วตอนเที่ยงเรากินข้าวกันที่บ้านข้าก็ได้เจ้าค่ะ”

ซุนต้าหูตาเป็นประกายทันที เขาลูบศีรษะและขานรับยิ้ม ๆ

เจียงป่าวชิงมองเข้าไปในบ้าน เจียงหยุนชานยังคงตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ข้างใน นางจึงพูดกับซุนต้าหูด้วยเสียงเบาว่า “พี่ต้าหู พี่อย่าบอกพี่ชายข้าเกี่ยวกับเรื่องเมื่อเช้านะเจ้าคะ เพื่อที่เขาจะได้ไม่เป็นกังวลจนเกินไป”

แน่นอนว่าซุนต้าหูตอบรับ เพียงแต่เขายังคงมีความกังวลอยู่เล็กน้อย จึงกำชับเจียงป่าวชิงครั้งแล้วครั้งเล่าว่าต่อไปให้ระวังตัวดี ๆ

เจียงป่าวชิงขานรับยิ้ม ๆ นางครุ่นคิดอยู่ในใจว่าต้องพกเข็มเงินให้มากกว่าเดิมเสียแล้ว

……

ฝูฉูกลับมาที่บ้านด้วยสีหน้าหม่นหมอง อีกทั้งดวงตาของนางก็แดงก่ำ นางไปล้างลูกชิงกับลูกพลัมที่ห้องครัว เดิมทีของในตะกร้าไม้ไผ่มีไม่น้อยเลย แต่เพราะตกหล่นระหว่างทาง และนางก็ไม่มีอารมณ์ไปตามเก็บ นางจึงเลือกลูกที่ใหญ่ที่สุดมาล้าง จากนั้นก็จัดใส่ในจานผลไม้และถือออกไป

กงจี้กำลังตรวจสอบบัญชีอยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสือ ฝูฉูถือผลไม้เข้ามา แต่เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง เอาแต่ตรวจสอบบัญชีด้วยใบหน้าเย็นชา พลางเม้มริมฝีปากบางไปด้วย

ส่วนไป๋จีผู้เป็นองครักษ์ส่วนตัวค่อนข้างว่างเพราะนายท่านของเขากำลังยุ่งอยู่กับงาน เขาวางหนังสือในมือลง เมื่อมองฝูฉู เขาก็ตกตะลึงไปทันที “ฝูฉูเจ้าเป็นอะไร ? เหตุใดตาเจ้าถึงได้แดงเช่นนี้ ? หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นตอนออกไปกับแม่นางเจียง ?”

มือของกงจี้ที่กำลังพลิกดูบัญชีหยุดชะงักไปเล็กน้อย

ฝูฉูกัดริมฝีปากล่าง จากนั้นนางก็หันกลับไปและกลืนน้ำลาย

กงจี้เงยหน้าขึ้นมามองฝูฉูก่อนจะเอ่ยถามเสียงเข้ม “เกิดอะไรขึ้น ?”

กงจี้ถามขนาดนี้แล้ว ฝูฉูจึงคุกเข่าลงและร้องไห้เสียงเบา “ข้า… ข้าเจอกับพวกคนเสเพล มันคิดจะทำมิดีมิร้าย ข้าเกือบจะถูก…”

กงจี้กำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว เสียงของเขาเย็นยะเยือกจนแทบจะซึมออกมาเป็นคราบน้ำแข็งได้อยู่แล้ว “แล้วเจียงป่าวชิงล่ะ ?”

น้ำเสียงสะอื้นของฝูฉูชะงักไปเล็กน้อย นางก้มหน้าลงและพูดขึ้นทั้ง ๆ ที่สะอื้นอย่างนั้น “ตอนนั้นข้าลนลานจนเกินไป แม่นางเจียงขวางอยู่ตรงหน้าข้า นางถูกพวกมันใช้คำพูดลวนลามด้วย… โชคดีที่มีเพื่อนของแม่นางเจียงผ่านมาในภายหลัง เขาช่วยข้ากับแม่นางเจียงไว้ได้พอดีเจ้าค่ะ”

“เพื่อนของแม่นางเจียงรึ ?” กงจี้พูดซ้ำอย่างช้า ๆ “เขาคือซุนต้าหูอะไรนั่นหรือเปล่า ?”

ฝูฉูจำชื่อของซุนต้าหูได้ นางจำได้ว่าตอนที่เจียงป่าวชิงเอาต้มซี่โครงใส่ฟักเขียวมาให้เมื่อครั้งที่แล้ว เจียงป่าวชิงบอกว่าจะเอาไปให้ซุนต้าหูด้วยเช่นกัน

เสียงของฝูฉูเบามาก “ข้าเห็นแม่นางเจียงเชื่อใจเขามาก เมื่อเห็นว่าเขามา นางก็ยิ้มปากกว้าง คงจะเป็นเขานั่นแหละเจ้าค่ะ  จะว่าไปแล้ว โชคดีที่ได้เขามาช่วยไว้ในครั้งนี้ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าข้าอาจจะต้องฆ่าตัวตายอยู่ที่ด้านนอกเสียแล้ว”

กงจี้ไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าของเขากลับดูย่ำแย่อย่างหนัก

“ไป๋จี ต่อไปถ้าฝูฉูออกไปข้างนอก เจ้าก็ส่งคนไปคุ้มครองนางด้วย” น้ำเสียงของกงจี้หนักหน่วงราวกับคลื่นน้ำลูกใหญ่

ไป๋จีรับคำสั่ง ทว่าสีหน้าของเขาลังเลอยู่เล็กน้อย “แล้ว… แม่นางเจียงล่ะขอรับ ?”

กงจี้มองไป๋จีด้วยสายตาน่ากลัวจนไป๋จีหดคอ แต่สุดท้ายก็ยังฝืนพูดออกไปอยู่ดี “นายท่าน ที่ข้าถามถึงแม่นางเจียง ใช่ว่าข้าจะเป็นห่วงนาง เพียงแต่ถ้าหากว่าแม่นางเจียงเป็นอะไรไปก็คงจะส่งผลต่อความก้าวหน้าของการรักษาของนายท่าน หากเป็นเช่นนั้นการรักษาก็จะไม่สมบูรณ์นะขอรับ”

กงจี้พยักหน้า “สิ่งที่เจ้าพูดมีเหตุผลอยู่พอสมควร ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปคุ้มครองนางเถอะ”

ไป๋จี “เอ่อ…”

เขาเพียงแค่ถามดูเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะใส่ตัวเองเข้าไปสักหน่อย  แต่ทว่ากงจี้กลับไม่มองเขาแล้ว กงจี้ก้มหน้าตรวจสอบบัญชีอย่างตั้งใจต่อ